กลุ่มติดตามปฏิรูปการเมือง บุกร้อง “ดีเอสไอ–รมว.ยุติธรรม” ตามคุ้ยกรณี “หญิงเป็ด” ให้บริษัทคู่สัญญา สตง. เช่าอาคารพาณิชย์ผัวตัวเองทำสำนักงาน ทั้งที่ไม่มีเจ้าหน้าที่และไม่มีการขึ้นป้าย แถมบริษัทเดียวกันยังผูกขาดจัดอบรมต่อเนื่อง 5 ครั้งรวด แบบไม่มีคู่แข่ง ขวนให้สงสัยอาจเป็นการทุจริตใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ หรืออาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน เมื่อตอนสายวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา นายวันชัย จงจรูญหิรัณย์ ประธานกลุ่มติดตามการปฏิรูปการเมืองและต่อต้านการคอรัปชั่น พร้อมสมาชิกจำนวนกว่า 20 คน ได้นำหนังสือเข้าร้องเรียนต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กรณีการจัดจ้างให้มีการอบรมสัมมนาข้าราชการของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือไม่
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้ว่าจ้าง บริษัท ออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ซึ่งมี นางพิไล เปี่ยมพงศ์สานต์ และ น.ส.ชนิดาภา สุขสะอาด เป็นผู้บริหาร ให้มาดูแลจัดการอบรมสัมมนาเจ้าหน้าที่ สตง. (สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน) จำนวนถึง 5 รุ่น ผูกขาดเพียงบริษัทเดียว
ทั้งนี้ ส่อเจตนาว่า คุณหญิงจารุวรรณ อาจจะได้รับผลประโยชน์ในทางมิชอบด้วยกฎหมายและอาจมีการยักย้ายถ่ายโอนเงินที่เข้าข่ายการฟอกเงินและผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีสำนักงานใหญ่ที่เช่าอาคารพาณิชย์ ที่มี นายทรงเกียรติ เมณฑกา สามีตามกฎหมายของ คุณหญิงจารุวรรณ เป็นเจ้าของ จึงเป็นที่น่าสงสัยถึงความสัมพันธ์เชื่อมโยงและผลประโยชน์ที่ซับซ้อนระหว่าง คุณหญิงจารุวรรณ กับบริษัท ออดิตฯ ดังกล่าว และเชื่อว่า การเช่าอาคารดังกล่าวอาจมีการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อประโยชน์ในการหลีกเลี่ยงภาษี
นอกจากนี้ นายวันชัย ยังได้ยื่นหนังสือร้องเรียนดังกล่าวต่อ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม ที่เดินทางเข้ามอบนโยบายต่อดีเอสไอด้วย
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์รายวันได้เคยนำเสนอข่าวไปแล้ว และพยายามติดต่อขอทราบรายละเอียดจากคุณหญิงจารุวรรณ แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยงโดยตลอด แม้แต่เมื่อมีการนัดหมายกันแล้วที่ สตง. เมื่อถึงเวลานัดหมายคุณหญิงจารุวรรณ ก็ยังไม่ลงมาตามนัด
ขณะเดียวกันคุณหญิงจารุวรรณ ก็ได้ไปให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์บางฉบับในทำนองว่ามีการเสนอข่าวที่จงใจให้ร้ายและกำลังให้ทนายความรวบรวมหลักฐานฟ้องร้อง แต่เวลาผ่านมานานหลายเดือนแล้วก็ปรากฎว่าเรื่องยังคงเงียบอยู่
ทั้งนี้ การนำเสนอข่าวของประชาทรรศน์ในครั้งนั้นได้นำเสนอเอกสารทางการเงินของบริษัทฯ ออดิตฯ ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงรับงานจาก สตง. และยังมีภาพถ่ายอาคารพาณิชย์ของนายทรงเกียรติ ที่ระบุว่าเป็นสำนักงานของบริษัทออดิตฯ ที่เช่าในราคาประมาณเดือนละ 50,000 บาท แต่กลับไม่พบว่ามีคนทำงาน และไม่พบว่ามีการติดป้ายบริษัทตามที่กฎหมายกำหนดแต่อย่างใด
รวมทั้งกรณีดังกล่าวยังมีการตั้งข้อสังเกตุถึงความสัมพันธ์ของคุณหญิงจารุวรรณ กับเจ้าของบริษัทดังกล่าวด้วย โดยมีการเทียบเคียงกับกรณีที่คุณหญิงจารุวรรณ นำเอาลูกตัวเองมาเป็นเลขาฯ กินเงินเดือนของ สตง. ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่ามีลูกอยู่ใกล้ๆ จะได้ไม่เกิดข้อครหาเชิงชู้สาว