ที่มา มติชนออนไลน์
เสื้อแดงปิดเวทีสนามหลวง เคลื่อนไปหน้าสภา ปิดล้อมสภาได้ทุกด้านแล้ว บอกเปิดทางให้ส.ส.เข้าสภาได้ถ้ากล้าเข้ามา "จตุพร" ยันชุมนุม3วันเป้ายุบสภา นับหมื่นร่วม-ล่ารายชื่อถอด "จรัญ" ตร. สุ่มค้นอาวุธไม่ตั้งกำแพงสกัด "อดิศร" ย้ำม็อบไม่ปิดรัฐสภา "เฉลิม"เย้ยปชป.ไม่หนีไปตั้งหลัก เชื่อ"รบ.อภิสิทธิ์" โดดกำแพงรุ่น2
เสื้อแดงปิดเวทีสนามหลวง เคลื่อนไปหน้าสภา
เวลา 23.30 น. คืนวันที่ 28 ธันวาคม กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ปิดเวทีปราศรัย ความจริงวันนี้ ที่สนามหลวง และเคลื่อนขบวนมาทางถนนราชดำเนินกลาง ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานผ่านฟ้า โดยมีตำรวจตั้งจุดสกัดที่บริเวณ สะพานมัฆวานฯ หลังเจรจาอยู่ครู่หนึ่ง ระหว่างแกนนำนปช. กับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตำรวจปราบจราจล ก็เปิดทางให้ผู้ชุมนุมเสื้อแดงเคลื่อนขบวนไปที่หน้ารัฐสภาได้ โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรง
การจัดรูปขบวน มีธงชาตินำหน้า ตามมาด้วยขบวนรถจักรยานยนต์ และกลุ่มผู้ชุมนุม เคลื่อนไปตาม ถนนราชดำเนินนอก แกนนำทั้ง นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจักรภพ เพ็ญแข และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ต่างผลัดเปลี่ยนกันขึ้นรถปราศรัยเคลื่อนที่โจมตีรัฐบาล และเป็นที่น่าสังเกตว่า ถนนราชดำเนินนอก ซึ่งเป็นเส้นทางที่กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนขบวนผ่าน ไม่มีตำรวจคอยตั้งจุดสกัดแต่อย่างใด
ส่วนบริเวณหน้ารัฐสภา มีกำลังตำรวจนครบาลเตรียมพร้อมรักษาความสงบเรียบร้อย นอกจากนี้ ยังมีการนำรถห้องขังและรถดับเพลิงมาเตรียมพร้อมไว้ภายในรัฐสภาด้วย
ปิดล้อมสภาได้ทุกด้าน บอกเปิดทางให้ส.ส.เข้าสภาได้
เวลา 00.30 น. กลางดึกวันที่ 29 ธันวาคม กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้เดินมาถึงหน้ารัฐสภา ได้ปิดถนนอู่ทองใน รวมถึงถนนราชวิถี บริเวณด้านข้างรัฐสภา (บริเวณแยกพิชัย) ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงเหล็กมากั้น และมีรถขังผู้ต้องหาจำนวน 3 คัน จอดกีดขวาง โดยมีตำรวจวางแนวป้องกันอยู่ประมาณ 300-400 นาย พร้อมด้วยโล่ และมีชุดตำรวจปราบจราจลเสริมเป็นแนวกั้นอีกชั้นหนึ่ง โดยรักษาประตูทางเข้ารัฐสภา รวมถึงแยกการเรือน เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาปิดกั้นได้ ทั้งนี้ นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ ยืนยันว่า จะให้ส.ส.เข้าประชุมสภาได้ แต่หากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล้าจริงก็เข้ามาได้ทุกเมื่อ
เวลา 01.00 น. แกนนำกลุ่ม นปช. ได้นำรถ 6 ล้อ พร้อมเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านกั้นอยู่หน้าประตูด้านข้างสภา โดยนายจตุพร พรหมพันธ์ บอกว่า ขอให้ตำรวจเปิดทางให้ผู้ชุมนุม เพราะมาโดยสงบและยืนยันว่า จะต้องเข้ามาให้เต็ม ถ.ราชวิถี และจะยอมให้ส.ส.เข้าประชุมเพื่อร่วมแถลงนโยบายรัฐบาล โดยให้เวลาตำรวจ 10 นาทีในการถอนกำลัง และนำรถขนผู้ต้องหาที่จอดขวางออกจากพื้นที่ ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยอมเปิดทางให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวมาปิดบริเวณประตูด้านข้างของสภา พร้อมนำรถ 6 ล้อ ปราศรัยมาจอดขวางประตูด้านข้างสภา ถือได้ว่า ขณะนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงได้ปิดล้อมรัฐสภาไว้ทุกด้านแล้ว
ดีเดย์บุกหน้าสภาคืน28ธ.ค.
เวลา 20.00 น. วันที่ 28 ธันวาคม นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย แกนนำ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวหลังเวทีว่า จะปิดรายการความจริงวันนี้สัญจรในเวลา 23.00 น.เพื่อเคลื่อนขบวนไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภา โดยเน้นย้ำกับผู้ชุมนุมอย่างเคร่งครัด 3 ข้อ คือ 1. ชุมนุมโดยสันติ 2. ไม่ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และ 3. ให้ระมัดระวังมือที่สามยั่วยุให้เกิดความรุนแรง โดยจะชุมนุมจนถึงเวลาเปิดประชุมสภา นอกจากนี้ยังมีพระสงฆ์ 1,000 รูปจากทั่วประเทศเข้าร่วมด้วย สำหรับการเคลื่อนขบวนได้ประสานงานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล และสน.ท้องที่ให้ช่วยอำนวยความสะดวกดูแลความปลอดภัยร่วมกับการ์ดอาสาและนักรบพระเจ้าตาก โดยยืนยันว่าจะไม่ขัดขวางการเข้าประชุมสภา โดยจะให้กลุ่มผู้ชุมนุมยกมือไหว้พรรคประชาธิปัตย์ให้ช่วยคืนอำนาจแก่ประชาชนโดยยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว
เวลา 21.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังตำรวจทราบว่า กลุ่มผู้ชุมนุมสื้อแดงจะเคลื่อนมาชุมหน้ารัฐสภา ได้มีการจัดวางกำลัง 4 จุด บริเวณ แยกการเรือน แยกถนนอู่ทองใน แยกพิชัย และแยกราชวิถี ขณะที่ทางบนเวทีผู้ชุมนุมเสื้ออแดงฝั่งสวนสัตว์เขาดินประกาศให้ผู้ชุมนุมที่นำรถมาให้นำรถย้ายออกจากบริเวณใกล้เคียงเพื่อความปลอดภัย
เวลา 22.30 น. กลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนประมาณ 400 คน เริ่มทยอยจากสนามหลวงมาถึงบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยรถยนต์ส่วนตัวและรถจักรยานยนต์ เพื่อมาสมทบกับผู้ชุมนุมที่หน้ารัฐสภา โดยมีกำลังตำรวจ 1 กองร้อย คอยดูแลความเรียบร้อย พร้อมตั้งจุดเจรจากับผู้ชุมนุม 3 จุด ที่แยกสะพานผ่านฟ้า สะพานมัฆวานฯ และแยกสวนมิสกวัน
เสื้อแดงครึ่งพันชุมนุมหน้าสภา
ก่อนหน้านี้ กลุ่มชุมนุมคนเสื้อแดงและกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นับหมื่นทยอยปักหลักบริเวณสนามหลวงและบางส่วนไปชุมนุมหน้ารัฐสภาเพื่อชุมนุมขับไล่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเรียกร้องให้ยุบสภารวมทั้งต่อต้านการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 ธันวาคม ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงาน เวลา 08.00 น. วันที่ 28 ธันวาคม มีกลุ่มประชาชนใส่เสื้อสีแดงมาร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. ประมาณ 500 คน มีการใช้แผงเหล็กทำการปิดถนนอู่ทองใน ตั้งแต่หน้ารัฐสภาจนถึงทางโค้งบริเวณพระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งมีการ์ด นปช.ตรวจค้นสัมภาระผู้ร่วมชุมนุมป้องกันการพกอาวุธเข้าไปในพื้นที่หน้ารัฐสภา ขณะที่บนเวทีมีการกล่าวปราศรัยโจมตีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์อย่างรุนแรง
เวลา 10.30 น. เกิดเหตุการ์ดของกลุ่ม นปช.ทะเลาะกันเอง เมื่อผู้สื่อข่าวจะเข้าไปทำข่าว กลับถูกการ์ด นปช.สกัดไว้ไม่ให้การทำข่าวและถ่ายภาพ ผู้สื่อข่าวจึงเดินออกมายืนตามจุดต่างๆ แต่การ์ด นปช.ซึ่งถือไม้อยู่ได้เดินตาม ผู้สื่อข่าวจึงเดินหลบเข้าไปในรัฐสภาและถอดป้ายชื่อออกเพื่อความปลอดภัย แต่ก็มีบุคคลแอบใช้หนังสติ๊กกระสุนหัวน็อตยิงเข้าไปในรัฐสภา ตำรวจจึงเก็บหัวน็อตไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่ภายในรัฐสภา มีตำรวจประมาณ 2 กองร้อย เข้าไปรักษาความปลอดภัยและนำป้ายคัทเอ๊าต์ขนาดใหญ่ มีข้อความ อาทิ "ชุมนุมโดยสงบ เคารพกฎหมาย ไม่เกิดความวุ่นวาย แยกย้ายโดยสันติ" "ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ตามวิถีประชาธิปไตย ในกรอบของกฎหมาย ช่วยกันป้องกันผู้ไม่หวังดีต่อชาติ เป็นต้น ไปติดตั้งหน้ารัฐสภา และเวลา 17.30 น. ได้มีการเพิ่มกำลังตำรวจทั้งจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล หน่วยปฏิบัติการพิเศษ 191 ตำรวจตระเวนชายแดน รวม 24 กองร้อย คอยดูแลตรวจตราเต็มพื้นที่รัฐสภา
สนามหลวงอื้อ-29ธ.ค.เคลื่อนพล
ส่วนที่บริเวณท้องสนามหลวง เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม นปช. มีผู้ชุมนุมเสื้อแดงจํานวนหลายพันคนเดินทางมาร่วมคึกคัก บนเวทีปราศรัยเริ่มมีแกนนํา นปช.หลายคนทยอยมาถึง อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกฯ พร้อมกับประกาศบนเวทีว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันนี้จะชุมนุมแบบยืดเยื้อ โดยจะปักหลักชุมนุมที่สนามหลวงตลอดทั้งคืน ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภา วันที่ 29 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะแถลงนโยบายต่อสภา
ทั้งนี้ สําหรับเวทีปราศรัยของกลุ่ม นปช.ตั้งหันหน้าไปทางวัดพระแก้ว ระบุว่าความจริงวันนี้สัญจรครั้งที่ 4 ภายใต้หัวข้อ "ความจริงวันนี้ ความจริงประเทศไทย ไม่ไว้วางใจอภิสิทธิ์" และนอกจากนี้ยังเตรียมรถบรรทุกปราศรัยเคลื่อนที่ไว้อีกหลายคัน และบริเวณพื้นที่การชุมนุมยังมีการตั้งโต๊ะเปิดรับสมาชิกรับส่งเอสเอ็มเอส เกี่ยวกับเรื่องการเมือง และความเคลื่อนไหวของ นปช.และความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตร โดยส่งผ่านระบบมือถือ หรือพีเพิล นิวส์ มีผู้ชุมนุมจํานวนมากให้ความสนใจ ซึ่งผู้สมัครจะเสียค่าใช้จ่ายเองตามค่าบริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์ตามปกติ
ส่วนบรรยากาศรอบสนามหลวง ยังมีการตั้งเต๊นท์หลายหลังเพื่อจำหน่ายของที่ระลึก อาทิ ตีนตบ เสื้อแดง หมวกแดง และผ้าโพกแดง ซึ่งได้รับความสนใจจํานวนมาก และยังมีกลุ่มคนขับแท็กซี่ที่รับส่งผู้โดยสารบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิถือป้ายผ้าขนาดใหญ่ ซึ่งมีข้อความโจมตีการปิดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
"จตุพร" ยันชุมนุม3วันเป้ายุบสภา
ต่อมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า การชุมนุมจะเริ่มปราศรัยเวลา 16.30 น. มี นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และจบที่ตน ประเด็นส่วนใหญ่จะพูดถึงเส้นทางการเงินของบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด ที่มีจ่ายงบประชาสัมพันธ์ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งทำประชาสัมพันธ์ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งประเด็นนี้จะมีผลทำให้ถึงกับยุบพรรค โดยจะมีสลิปการจ่ายเงิน ตัวละครอย่างละเอียด และยังมีการพูดถึงการหนีทหารของนายอภิสิทธิ์ มีเอกสารประกอบอย่างชัดเจน
นายจตุพรกล่าวว่า ในส่วนของนายนพดล จะปราศรัยถึงนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของพันธมิตรที่ปิดสนามบิน ส่วนนายวีระ จะพูดถึงความเสียหายของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตที่เข้ามาบริหารประเทศ สำหรับการเคลื่อนขบวนไปชุมนุมต่อที่รัฐสภานั้น จะมีความชัดเจนในเวลา 20.00 น. และยืนยันจะชุมนุมกันอย่างสงบ แม้จะไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภา ก็จะไม่มีการตัดน้ำตัดไฟ หรือนำโซ่ไปคล้องประตูเข้าออกรัฐสภา แกนนำจะควบคุมไม่ให้เกิดความรุนแรงแน่นอน ถ้าหากไม่มีคนปลอมตัวมาใส่เสื้อแดงแล้วก่อเหตุ ซึ่งการชุมนุมของ นปช.จะสิ้นสุดภายใน 3 วันนี้ หลังเทศกาลปีใหม่ค่อยว่ากันอีกครั้ง ทั้งนี้มีเป้าหมายให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน
อุบไต๋ทักษิณโฟนอินให้รอดู
ผู้สื่อข่าวถามว่าคืนนี้จะมีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายจตุพรยิ้มก่อนตอบว่า โดยปกติแล้วแกนนำ นปช.และอดีตนายกฯติดต่อพูดคุยตลอดเวลา ซึ่งจะมีการโฟนอินสดบนเวทีปราศรัยเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา แต่จะถือเป็นประเพณีปฏิบัติหรือไม่ก็คงต้องรอฟัง เมื่อถามว่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตร ได้ฉลองที่เมืองทองธานี นายจตุพรกล่าวว่า การจัดงานของกลุ่มพันธมิตรทำไปบนความเสียหายของประเทศ มีการลำเลิกบุญคุณ และการที่นายอภิสิทธิ์ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็เป็นเพราะพันธมิตร
เวลา 15.10 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขึ้นเปิดเวทีปราศรัย ระบุว่า มวลชนกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมาร่วมท้องสนามหลวงและหน้ารัฐสภา ต่างถูกสกัดจากกระทรวงมหาดไทย กองทัพ และตำรวจ ที่ต้องการอุ้มพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้รถยนต์ที่จะนำคนจากจันทบุรีมาร่วมชุมนุมก็ถูกสกัดด้วยตะปูเรือใบที่จังหวัดชลบุรี
ม็อบ 2
นับหมื่นร่วม-ล่ารายชื่อถอด "จรัญ"
เวลา 17.00 น. ยังคงมีประชาชนมาร่วมชุมนุมอย่างคึกคักนับหมื่นคน ทำให้สภาพการจราจรโดยรอบตั้งแต่ ถนนราชดำเนินกลาง ต่อเนื่องถนนหน้าพระลาน และถนนหน้าพระธาตุติดขัด เนื่องจากผู้ชุมนุมบางส่วนนำรถยนต์ส่วนตัวมาจอดรอบสนามหลวง ส่วนภายในท้องสนามหลวง พ.ต.ท.เอกรัตน์ เปาอินทร์ รอง ผกก.สน.ชนะสงคราม พร้อมกำลังจำนวนหนึ่งนำสุนัขตำรวจมาตรวจความเรียบร้อย และแจกจ่ายใบปลิววิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการชุมนุมโดยสงบไม่ขัดต่อฎหมายมาติดแจ้งเตือนทั่วบริเวณชุมนุม
ขณะที่ทางแกนนำผู้ชุมนุมนำรูปปั้นจตุคามรามเทพและสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาตั้งให้ผู้ร่วมชุมนุมได้สักการะเพื่อเป็นสิริมงคล และตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอนนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และขอแก้กฎหมายไม่ให้นำเงินภาษีสุรายาสูบไปอุดหนุนสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสปีละ 2,000 ล้านบาท และล่ารายชื่อยื่นฟ้องกลุ่มแกนนำพันธมิตรฐานเป็นผู้ก่อการร้ายต่อสหประชาชาติ หรือยูเอ็น
"อดิศร" ย้ำม็อบไม่ปิดล้อมรัฐสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า รูปแบบการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งนี้ ไม่แตกต่างจากรูปแบบการจัดตั้งมวลชนของกลุ่มพันธมิตร นอกจากมีเวทีการปราศรัยแล้ว ยังมีการตั้งเต๊นท์พยาบาล มีการนำกล่องบรรจุน้ำเกลือหลายรังมาเตรียมพร้อม หากมีการใช้แก๊สน้ำตาสลายชุมนุม มีเต๊นท์การ์ดรักษาความปลอดภัย และเต๊นท์เสบียงแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มให้กับผู้ชุมนุม
เวลา 17.30 น. นายอดิศร เพียงเกษ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีท่ามกลางผู้เข้าร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 คน จนเต็มท้องสนามหลวงฝั่งสะพานพระปิ่นเกล้า โดยโจมตีการกระทำการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงการประชุม ส.ส.เพื่อแถลงนโยบายในวันที่ 29-30 ธันวาคม ว่าจะไปสังเกตการณ์ด้วยความสงบไม่คุกคาม ไม่ปิดล้อมรัฐสภา แต่ถ้าหากมีจำนวนกลุ่มผู้ชุมนุมไปจำนวนมากก็ช่วยไม่ได้ ถ้าหากจะนั่งบังประตูเข้าออกบ้าง แต่ยืนยันว่าจะไม่ปิดล้อม
ตร.รับมือเข้ม-ใช้กล้องมัดทำผิด
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้ากลุ่มคนเสื้อแดงจะรวมตัวชุมนุมหน้ารัฐสภาและสนามหลวง ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เวลา 10.50 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ในฐานะรองโฆษก บช.น.แถลงผลการประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ซึ่งมี พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. เป็นประธานร่วมกับรอง ผบช.น, ผบก.น.1-9, ผบก.ตปพ. และ ผบก.จร. ว่า ตำรวจเตรียมพร้อมไว้อย่างดี นำกำลังพลซุ่มซ้อมรูปขบวนตามยุทธวิธีต่างๆ ที่จะใช้ควบคุมผู้ชุมนุมให้เกิดความสงบ หลีกเลี่ยงการปะทะไม่ให้เกิดความรุนแรง
"อย่างครั้งนี้ที่น่าเป็นห่วงฝากเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมว่าการเอาถุงดำไปครอบปิดกล้องวงจรปิดรัฐสภา เมื่อวานเจ้าหน้าที่รัฐสภาให้เอาออก เมื่อเช้าไปตรวจใหม่มีการเอาถุงดำไปครอบใหม่อีกแล้ว เป็นพฤติกรรมที่ทำให้เห็นว่ามีเจตนาอะไรไม่ดี กลัวจะมีหลักฐาน ครั้งนี้จะมีการบันทึกภาพเสียงหลายกล้อง ไม่ว่าจะเป็นกล้องของ กทม.และตำรวจจัดมืออาชีพในการบันทึกภาพ ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ทุกขั้นตอนจะมีหลักฐานทั้งหมด และจะนำไปสู่การขออนุมัติจับกุมออกหมายจับมาดำเนินคดี แต่ถ้าจับได้ก็จะดำเนินการทันทีเพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า"
แจกใบปลิว4หมื่นแผ่นเตือน
พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า บช.น.จะจัดเอกสารแผ่นปลิวประมาณ 40,000 แผ่น แจกผู้ชุมนุมพร้อมทั้งให้สื่อประชาสัมพันธ์ ขอให้ชุมนุมในกรอบ หากเกิดอะไรนอกกรอบผู้จัดการชุมนุมต้องสลายการชุมนุมกันเอง ตำรวจจะเตือนเป็นระยะๆ บอกว่าขณะนี้ไม่สงบแล้ว ผู้ที่นำคนมาต้องสลายการชุมนุมเองคือยุติการชุมนุม ไม่เช่นนั้นจะมีความผิด และหากเลยเถิดถึงขนาดใช้กำลังประทุษร้าย ล้มล้างการชุมนุม ก็แปลว่าปิดล้อมไม่ให้เข้าประชุม คือล้มการประชุม ซึ่งเป็นการประชุมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 176 บัญญัติให้รัฐบาลที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินได้นั้น ต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน ก็หนีไม่พ้นข้อหากบฏ ต้องขออนุมัติหมายจับและตำรวจใช้มาตรฐานเดียวกัน
พล.ต.ต.อำนวยกล่าวอีกว่า การรักษาความสงบเรียบร้อยมีกำลังทั้งสิ้น 24 กองร้อย รวมทั้งจะมีเครื่องวอล์คทรู (เครื่องตรวจอาวุธและวัตถุระเบิด) ไปตรวจอาวุธด้วย ผู้ชุมนุมจะต้องเดินผ่านเครื่องวอล์คทรูเข้าไปทางลานพระบรมรูปทรงม้า (ลานพระราชวังดุสิต) ทั้งหมด ส่วนด้านถนนราชวิถีไม่เปิดให้เข้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแผ่นปลิว 40,000 แผ่น ตำรวจนำไปปิดที่บริเวณสนามหลวง หน้ารัฐสภา ตลอดจนแยกอู่ทองใน รวมทั้งแจกให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม เรื่องชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ตามวิถีประชาธิปไตย ในกรอบของกฎหมาย ช่วยกันป้องกันผู้ไม่หวังดีต่อชาติ เนื้อหาระบุว่า การชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ประชาชนชาวไทยพึงกระทำได้โดยชอบ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายที่ไม่ละเมิดกฎหมายและสิทธิของผู้อื่น
สุ่มค้นอาวุธไม่ตั้งกำแพงสกัด
เวลา 16.00 น. พล.ต.ต.พงษ์สันต์ ในฐานะผู้ช่วย ผบ.เหตุการณ์รับผิดชอบฝ่ายปฏิบัติการ ประชุมร่วมกับ รอง ผบช.น. ผู้แทน บก.น.1-9 บก.ตปพ. บก.จร. คอมมานโด กองปราบปราม บช.ภ.1,2,7 และ บช.ตชด. เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุม นปช.อีกครั้งใช้เวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นแถลงว่า ผู้ร่วมชุมนุมทยอยมายังท้องสนามหลวงประมาณ 20,000 คน มีตำรวจคอยดูแล 1 กองร้อย ซึ่งคิดว่าเพียงพอ แต่ก็มีผู้ชุมนุมบางส่วนอยู่หน้ารัฐสภาประมาณ 300-400 คน จากการข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมอาจเคลื่อนขบวนจากสนามหลวงมาหน้ารัฐสภาในคืนนี้ ตามเส้นทางถนนราชดำเนิน ตำรวจจะมีจุดสังเกตการณ์รวม 6 จุด รวมทั้งผู้ต้องสงสัยที่อาจจะพกพาอาวุธเข้ามา
"ทั้งนี้ ตำรวจจะไม่ใช้วอร์คทรู แต่จะใช้เป็นแฮนสแกน คือ ตรวจจากการแต่งกายหรือวัตถุที่ถือแทน จะไม่ให้นำท่อนเหล็กแป๊บ หนังสติ๊กเข้าไป อะไรที่เป็นอาวุธตำรวจสามารถจับได้ รวมทั้งระหว่างทางในการเคลื่อนมาที่รัฐสภา คงไม่มีแนวกำแพงกั้น เพราะไม่มีประโยชน์ และขณะนี้มีโล่ประจำกายอย่างเดียว"
ส่วนการวางกำลังป้องกันเหตุบริเวณสถานที่สำคัญรอบกรุงเทพฯอย่างไร พล.ต.ต.พงษ์สันต์กล่าวว่า มีการวางกำลังตามจุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นทำเนียบรัฐบาล พื้นที่ บช.น. และเน้นสถานที่ราชการ เพิ่มความเข้มตรวจเป็นพิเศษอยู่แล้ว
อดีตผู้สมัครส.ส.ชุมพรไม่เกี่ยวเสื้อแดง
วันเดียวกัน นายสมชาย คุณวุฒิ อายุ 52 ปี ผอ.โรงเรียนบ้านใหม่สมบูรณ์ ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร ปี 2548-49 พรรคไทยรักไทย (ทรท.) เปิดเผยว่า ตามที่ นสพ.มติชน เสนอข่าวม็อบเสื้อแดงเตรียมเข้ากรุงเทพฯ เพื่อปิดล้อมรัฐสภาในวันที่ 29 ธันวาคมโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงมหาดไทย (ศปก.มท.) รายงานว่า ตนเป็นแกนนำม็อบเสื้อแดงใน จ.ชุมพร ขึ้นไปสมทบกับม็อบเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ข่าวดังกล่าวทำให้ตนได้รับความเสียหายมาก เพราะหลังลงสมัคร ส.ส.ชุมพรเมื่อปี 2548-49 แล้ว ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกเลย และได้กลับเข้ารับราชการเป็น ผอ.ร.ร.บ้านใหม่สมบูรณ์ และขณะนี้เป็นข้าราชการอาจถูกเพ่งเล็งจากผู้บังคับบัญชา เนื่องจากมีวินัยข้าราชการควบคุมอยู่ จึงขอความเป็นธรรมและอยากถามไปยัง ศปก.มท.ว่า ไปนำข้อมูลมาจากไหน การให้ข่าวแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
วิปรบ.ยังไม่หารือ"ย้าย-เลื่อน"
ขณะที่ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล กล่าวว่า เชื่อว่าการประชุมสภาในวันที่ 29-30 ธันวาคมจะสามารถแถลงนโยบายได้ โดยขณะนี้ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องเลื่อนการประชุมหรือย้ายสถานที่แต่อย่างใด ส่วนที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยกว่า 40 คนระบุว่าจะไม่เข้าประชุมนั้น ไม่น่าจะมีผล แต่อยากขอร้องให้มาเข้าประชุมมากกว่า เพราะประชาชนอยากเห็น ส.ส.ใช้สภาเป็นที่แก้ปัญหาบ้านเมือง และพรรคเพื่อไทยเองก็เป็นคนเรียกร้องมาตลอดว่า มีอะไรให้ไปพูดกันในสภา
พท.ขู่รบ.ทำร้ายเสื้อแดงช่วยตอบโต้
ทางด้าน นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมพรรค พท. ว่าหารือร่วมกันระหว่าง ส.ส.ภาคเหนือและภาคอีสานทั้งหมดแล้วว่า ในวันแถลงนโยบายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่รัฐสภา ในวันที่ 29-30 ธันวาคม พวกตนจะทำหน้าที่ตามปกติ แต่ภายนอกรัฐสภา เป็นเรื่องของกลุ่มม็อบเสื้อแดง และหากว่ารัฐบาลกระทำการใด ๆ ที่เป็นการทำร้ายประชาชนกลุ่มนี้ พวกตนจะไม่ยอมเด็ดขาด
"ส.ส.ในพรรคทั้งภาคเหนือและอีสานจะกลับเข้าพื้นที่ระดมพลกลุ่มคนเสื้อแดงอีสาน-ล้านนา ชุมนุมประท้วงและยึดสถานที่ราชการ ดังเช่นที่ม็อบพันธมิตรกระทำเหมือนที่ผ่านมาทันที ไม่มีการเกรงใจใดๆ อีกต่อไป ในส่วนของทหารที่แสดงความเป็นกลางมาตลอด ก็หวังว่า จะยึดมั่นในความเป็นกลางต่อไป อย่าได้แสดงพฤติกรรมเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอันขาด" นายวิสุทธิ์กล่าว
เชื่อ"รบ.อภิสิทธิ์" โดดกำแพงรุ่น2
ขณะที่ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุม ส.ส.พรรค เพื่อเตรียมการอภิปรายนโยบายรัฐบาล โดยนายสุรพงษ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลนี้อยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แบบเดียวกับวันที่ 7 ตุลาคม วันแถลงนโยบายรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่พวกตนกระโดดหนีข้ามกำแพง เชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงก็จะสนองให้ นายอภิสิทธิ์ จะเป็นรัฐบาลกระโดดกำแพงรุ่นสอง ในส่วนตำรวจ สน.ดุสิต ระวังพฤติกรรมจะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 เพราะก่อนหน้าที่ได้ไปยื่นหลักฐานแจ้งความกับนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
พ.ต.ท.สมชายกล่าวว่า ที่แปลกไปคือตำรวจก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดทำอะไร แต่พอคนเสื้อแดงจะมาฟังการแถลงนโยบาย ตำรวจกลับขยันขันแข็ง ซ้อมเตรียมรับมือโดยเฉพาะซ้อมเตรียมการนำนายอภิสิทธิ์ ออกจากรัฐสภา หากปิดล้อม ขอเรียกร้อง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลผู้ชุมนุมเสื้อแดงเหมือนกับดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตร และอย่านำตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง วางตัวให้เป็นตำรวจที่คอยปกปักรักษาประชาชน ส่วนทหารต้องมีวินัย อย่ากระสันนายสนับสนุนรัฐบาล
"เฉลิม"เย้ยปชป.ไม่หนีไปตั้งหลัก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า มีรายงานว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำใบปลิว 4 หมื่นแผ่น แจกทั่วกรุงเทพฯ และในอีกหลายจังหวัด โดยระบุว่าการชุมนุมขัดขวางการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาล จะโดนข้อหากบฏ จึงขอเตือนว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการข่มขู่ประชาชน และต้องยอมรับว่าตอนนี้มีตำรวจบางคนที่เปลี่ยนสีเร็ว การชุมนุมครั้งนี้จะถือเป็นยกที่ 1 ที่รัฐบาลจะต้องเจอ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายกรัฐมนตรีระบุอาจจะเลื่อนวันแถลงนโยบายออกไปหากสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงรุนแรง ว่า ไม่คิดว่าจะมีอะไรรุนแรง ที่มีคนมาประท้วงเป็นเพราะเรื่องการได้ตำแหน่งและตั้งรัฐบาลมาแบบไม่สง่างาม เพราะตอนเลือกตั้งได้คะแนนนิดเดียว จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร โดยจะเข้ารัฐสภาแต่เช้าวันที่ 29 ธันวาคม จะไม่ทำเหมือนนายอภิสิทธิ์ที่หนีไปตั้งหลักที่พรรค
ม็อบ 5
"น้องเนวิน"ชี้ม็อบแผ่วเหลือ1ใน 5
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ กล่าวว่า เท่าที่ประเมินคาดว่าบริเวณหน้ารัฐสภาในวันที่ 29 ธันวาคม น่าจะมีประมาณหมื่นคน หากถามว่ามากหรือไม่ต้องไปดูกลุ่มเสื้อแดงที่ชุมนุมที่รัชมังคลากีฬาสถาน และสนามศุภชลาศัย ที่มีประมาณ 4-5 หมื่นคน ลดไป 1 ใน 5 แสดงว่าคนลดน้อยลงเรื่อยๆ แต่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เชื่อว่าไม่เกิดความรุนแรง เพราะถ้ารุนแรงรัฐบาลเลื่อนแถลงนโยบายได้
ศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงมหาดไทย (ศปก.มท.) รายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม ที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุมที่หน้ารัฐสภา ในวันที่ 29 ธันวาคมว่า ในหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคอีสานประชาชนได้เริ่มออกจากพื้นที่แล้ว และที่ จ.อุดรธานี พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ชวนประชาชนผ่านทางวิทยุชุมุชนคนรักดร เอฟเอ็ม 97.50 ให้ไปร่วมที่กรุงเทพฯ แต่การตรวจสอบพบว่ามีไม่มาก เนื่องจากมติของชมรมคนรักอุดรจัดเวทีต่อต้านที่สนามทุ่งศรีเมือง
ส่วนที่ จ.พิษณุโลก พบว่าแกนนำกลุ่มรักประชาธิปไตยเมืองสองแคว ได้รับการติดต่อจาก นปช.ส่วนกลาง ให้นำมวลชน 500 คน ไปร่วมที่ กทม. แต่แกนนำกลุ่มประชุมร่วมกันไปได้แค่ 200 คน ที่ จ.กาญจนบุรี นายนิวัฒน์ พรหมโชติ อดีตนายก อบต.หนองบัว และกลุ่มหัวคะแนนของ พล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย นำมวลชน 280 คน มาร่วมผู้ชุมนุมแล้ว และนางชบา สิงหกลางพล พี่สาวนายณรงค์ศักดิ์ กอบไทย กลุ่มนปช. ที่เสียชีวิตจากการประทะกับกลุ่มพันธมิตรเมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา จะนำประชาชนจาก อ.ไทรโยค 30 คน ร่วมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการรายงานของ ศปก.มท. ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ไม่มีการรายงานความเคลื่อนไหวของ จ.สมุทรปราการ และในพื้นที่ภาคใต้แต่อย่างใด
เสื้อแดงเมืองจันท์โวยถูกสกัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ที่ จ.นครราชสีมา กลุ่มโคราชรักษ์ประชาธิปไตย ประมาณ 20 คน มาร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา 3 วัน ที่ จ.จันทบุรี กลุ่มเสื้อแดงจันทบุรี 200 คน นำโดยนายสำเริง ประจำเรือ ส.อบจ.เขต 1 อ.เมืองจันทบุรี รวมตัวขึ้นรถบัสใหญ่ 2 ชั้น จำนวน 3 คัน ซึ่งมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบได้ทำการบันทึกภาพและจดทะเบียนรถยนต์ไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรถบัสจำนวน 3 คัน ออกจาก อ.เมือง และระหว่างที่วิ่งบนเส้นทางถนน 344 (ถนนสายบ้านบึง-แกลง) นายวินัย นิ่มนวล คนสนิทของนายสำเริงได้แจ้งให้ทราบว่าตำรวจ อ.แถลง ได้ตั้งด่านและให้ทั้ง 3 คันหยุดจอดพร้อมกับขอตรวจค้นอาวุธและสิ่งกฎหมายภายในรถอย่างละเอียด และไม่พบสิ่งของต้องสงสัยใดๆ ก่อนจะปล่อยให้เดินทางต่อไป
กระทั่งเวลา 13.45 น. ที่บนถนนเส้นเดียวกัน ตรงจุดบ้านเนินโมก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ได้ขับแซงหน้าขบวนรถกลุ่มเสื้อแดง ก่อนโยนตะปูเรือใบเต็มพื้นถนน ทำให้รถบัสทั้ง 3 คันยางแตก ต้องเสียเวลาเปลี่ยนอะไหล่ยางกันร่วมชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุบลราชธานี กลุ่มชักธงรบประมาณ 200 คน ตั้งเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาล บริเวณลานจอดรถตลาดสดเทศบาล 5 บ้านดู่ ต.ในเมือง อ.เมือง พร้อมมวลชนได้นำป้ายผ้าเขียนข้อความโจมตีไม่ต้อนรับนายอภิสิทธิ์ รวมทั้งโจมตีนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน เป็นคนทรยศต่อชาวอีสาน