ที่มา เดลินิวส์
รอคำตอบจาก “ทักษิณ” นัดเจรจา “เทพเทือก” ไม่ท้อต่อสายผ่านคนใกล้ชิดนายกฯไปแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้า เชื่อเป็นแนวทางสยบทุกปัญหา “บัญญัติ” เป็นห่วงปี 52 การเมืองกระเพื่อม ชู 5 แนวทางให้รัฐบาลใช้ฝ่าวิกฤติ เน้น “ห้ามโกง” เป็นสิ่งสำคัญ “จตุพร” จวกนายกฯปูดข่าวลอบทำร้ายหวังสร้างราคา “สุชาติ” สับนายกฯกลัวเงาตัวเอง จี้ให้ระวังคนในพรรคร่วมรัฐบาลจะดีกว่า เผยเตรียมขุนพลพร้อมชำแหละนโยบายรัฐบาลนอกสภา 5 ม.ค. อภิปรายในโรงแรม “พงศ์เทพ” เหน็บภาวะผู้นำของนายกฯถูกครอบงำ ปชป.สวนกลับต้องให้เวลาโชว์ผลงาน หลายฝ่ายห่วงหลังเลือกตั้งซ่อมรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ “อภิสิทธิ์” ชาร์จแบตจริงทำงานส่งเช็คเบอร์โทรข่มขู่
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการติดต่อเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและแกนนำกลุ่มเสื้อแดงว่า ได้ติดต่อผ่านคนใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ แต่จะพยายามเรื่อย ๆ ทั้งนี้ตนไม่ได้ติดต่อผ่านทางนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณ และไม่ได้กำหนดกรอบการนัดเจรจาว่าต้องจบภายในเวลาใด แต่จะทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศ ส่วนข้อเสนอจากแกนนำ นปช.เรื่องให้นายกฯยุบสภา ก็เป็นแนวคิดที่ต้องพูดคุยกันต่อไป
ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถาน การณ์การเมืองในปี 2552 ว่า ยังคงวุ่นวายไม่ราบรื่น ต้องยอมรับว่ามีปัจจัยเสี่ยงเรื่องเสียงสนับสนุนรัฐบาลที่ยังปริ่ม ๆ แต่ความชัดเจนคงเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 11 ม.ค. ว่าเสียงจะเพิ่มขึ้นที่ข้างไหนอย่างไร หากตัวเลขหมิ่นเหม่เชื่อว่าคงมีการล็อบบี้กันเกิดขึ้นอีกครั้ง ความชุลมุนวุ่นวาย การงัดเกมต่าง ๆ มาเล่นคงไม่ลดราวาศอกกัน รวมถึงคงมีการเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าแรงหนุนจากภาคธุรกิจ ที่อยากออกจากวิกฤติ และความเบื่อหน่ายของ ประชาชน คงเป็นกำลังใจให้รัฐบาลได้บ้าง
นายบัญญัติ ยังกล่าวว่า กรอบ 9 ข้อที่ ครม. มีมติร่วมกันออกมา นายกฯจำเป็นต้องทำให้ได้ รัฐบาลชุดนี้มีข้อได้เปรียบที่สามารถนำเอาบทเรียนที่ก่อให้เกิดความล้มเหลวของรัฐบาลก่อนมาใช้ประโยชน์ได้ และรัฐบาลจะอยู่ต่อไปได้ คือ ต้องไม่ทำใน 5 ข้อนี้ คือ 1.ไม่แบ่งแยกประชาชน 2.ไม่พูดจาท้าทายประชาชน 3.ไม่เลือกปฏิบัติ ในวงราชการ 4.ต้องไม่ลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในตอนแถลงนโยบาย และข้อ 5.ถือว่าสำคัญที่สุด เพราะทำให้รัฐบาลที่ผ่านมาล้มคว่ำ คือ ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญจะทำให้การเมืองปี 52 ร้อนมากขึ้นหรือไม่อยู่ตรงนี้
นายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ถึงรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ก่อนรับตำแหน่งรองเลขาธิการนายกฯว่า รัฐบาลชุดนี้มีความคาดหวังเหมือนกับรัฐบาลชุดอื่น ๆ ที่จะอยู่ให้ครบวาระ แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยเศรษฐกิจและการเมือง ส่วนตัวเชื่อว่าอายุรัฐบาลอภิสิทธิ์ น่าจะอยู่ยาวพอสมควรแต่บอก ไม่ได้ว่ายาวแค่ไหน เพราะประชาชนเริ่มเห็นแล้ว ว่าถ้าเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยครั้งเสถียรภาพทางการเมืองไม่ค่อยมี จะส่งผลกระทบกับประเทศ ถ้าปีแรกรัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายให้เห็นเป็นรูปธรรมได้หลายเรื่อง อาทิ แก้ปัญหาความแตกแยก ตัวเลขทางเศรษฐกิจได้ ก็จะเป็นบทพิสูจน์ในการทำงาน
ต่อข้อถามว่า มองบทบาทการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคเพื่อไทยอย่างไร นายปณิธาน กล่าวว่า ฝ่ายค้านปัจจุบันปรับตัวได้เร็วเหนือความ คาดหมาย ที่ผ่านมาจะเห็นว่าพร้อมเตรียมอภิปรายแม้ว่าจะเป็นรัฐบาลมานานติดต่อกันหลายปี เพราะมีข้อมูลอยู่ในมือค่อนข้างมากชำนาญเกี่ยวกับระบบเพียงแต่ว่าอาจต้องใช้เวลาบริหารจัดการ ระบบร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน และหาตัวผู้นำฝ่าย ค้านที่สร้างความเป็นเอกภาพ การเลือกตั้งซ่อมจะมีส.ส.เข้ามาใหม่อีกหลายคน อาจทำให้เสียงในสภาห่างกันไม่มากน่าจะมีผลต่อเสถียรภาพพอสมควร
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. ให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทของกองทัพอากาศต่อสถาน การณ์การเมืองไทยในปี 2552 ว่า การที่มีรัฐบาลเป็นพรรคร่วมก็ค่อนข้างจะมีประเด็นต่าง ๆ ที่ อาจจะมีอุปสรรคบ้าง แต่เราก็ให้กำลังใจอยาก จะเห็นว่าการบริหารงานของนักการเมือง พรรค การเมือง มาร่วมกันจะเห็นได้ว่าปีที่ผ่านมาจะมีอุปสรรคค่อนข้างมาก ดังนั้นเราหวังว่ารัฐบาลที่จะบริหารประเทศต่อไปน่าจะนำบทเรียนดังกล่าวมาปฏิบัติ ส่วนทหารก็คงจะอยู่บทบาทเดิมคือปฏิบัติหน้าที่ด้านความมั่นคง หากได้รับการร้องขอก็เข้าไปช่วยเหลือในฐานะเจ้าพนักงาน แต่โดยปกติเราก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ประเมินเสถียรภาพของรัฐบาล “อภิสิทธิ์” ว่า ขณะนี้รัฐบาลเปรียบเสมือนเด็กที่กำลังตั้งไข่ ดังนั้นการที่จะทำอะไรก็ต้องมีความระมัดระวัง และคิดว่ารัฐบาลจะต้องเจอศึกหนักยิ่งในปีนี้ปัญหาเศรษฐกิจยังเป็นประเด็นหลักในการทำงาน แต่เรื่องการเมืองก็ยังมีอยู่ทั้งนี้รัฐบาลผสมไม่ใช่จะราบเรียบทุกอย่างเหมือนกระแสคลื่นใต้น้ำ รัฐบาลจะอยู่นานหรือไม่ต้องดูจาก 3 เดือนแรก ในการเลือกตั้งซ่อมวันที่ 11 ม.ค. ที่จะมาถึง หากไปเพิ่มจำนวนส.ส.ให้กับพรรคฝ่ายค้านโอกาสที่จะมีเสียงข้างมากในสภาก็สุ่มเสี่ยงมาก แต่อาจจะมีผลต่อการเสนอกฎหมาย การถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ขณะที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ ถึงการบริหารงานรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ ได้อำนาจในการบริหารมาด้วยวิธีการที่ไม่ชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะการดึง ส.ส.กลุ่มหนึ่งของพรรคพลังประชาชนเดิมไปร่วมรัฐบาลด้วย และนำบุคคลที่มีส่วนร่วมกับการชุมนุมของกลุ่ม พันธมิตรฯมาเป็น รมต. ดังนั้น จึงต้องตอบคำถามกับสังคมถึงความเหมาะสม เมื่อเห็นโฉมหน้าของครม.ชุดนี้โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ทำให้หลายฝ่ายไม่มั่นใจนักธุรกิจหลายคน รู้สึกผิดหวัง นอกจากนี้ ภาวะผู้นำของนายกฯที่มีไม่มากถูกครอบงำจากหลายกลุ่ม ซึ่งแตกต่างจาก พ.ต.ท. ทักษิณ มีความเป็นผู้นำสูงที่นำประเทศแก้ไขปัญหาวิกฤติได้
นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพงศ์เทพ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์เรื่องภาวะผู้นำและการจัดตั้ง ครม. ว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะออกมาวิจารณ์คนที่เป็นนายกฯไม่ว่าด้านใด แต่ ความจริงนายพงศ์เทพควรจะให้โอกาสนายกฯ และ ครม.ชุดใหม่ได้บริหารประเทศไปซักระยะก่อน จึงค่อยมีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็ไม่น่าสงสัยเพราะนายพงศ์เทพ เป็นรมต.ในชุดรัฐบาลทักษิณ การวิพากษ์วิจารณ์ภาวะผู้นำมีหลายด้าน ควรจะบริหารราชการประเทศเพื่อคนทั้งประเทศไม่ใช่ผู้นำที่เข้ามาเพื่อทำประโยชน์ให้ตนเองครอบครัว และพวกพ้อง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวจากหน่วยข่าวทางลับว่าจะมีคนลอบทำร้ายนาย อภิสิทธิ์ว่า ตนไม่เชื่อว่านายอภิสิทธิ์กำลังตกอยู่ในอันตราย ตามที่มีรายงานอ้างหน่วยข่าวทางลับ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ไม่มีความสำคัญจนเป็น สาเหตุให้มีกระบวนการลอบทำร้าย ข่าวที่ออกมาน่าจะเป็นเพียงการสร้างภาพเพื่อเรียกคะแนนความสงสาร ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อโดยตรงจากนายสุเทพที่จะขอให้ยุติการเคลื่อนไหว แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะติดต่อมาหรือไม่ทางกลุ่มคนเสื้อแดงก็จะยังคงยืนยันที่จะกดดันให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาต่อไป
ส่วนนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ยอมรับว่ามีรายงานในทางลับถึงความไม่ปลอดภัยของนายกฯว่า นายกฯคงจะคิดไปเองจนกลัวเงาของตัวเองหรือไม่คนในรัฐบาลเดียวกันอาจจะเล่นกันเองก็ได้ อย่างไรก็ตามหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงสาเหตุอาจมาจากความไม่พอใจของประชาชนต่อการตั้งรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม ดังนั้นนายกฯไม่ควรที่จะสร้างความคับแค้นและความเหลืออดให้ประชาชนอีก
นายสุชาติ กล่าวถึงการอภิปรายนโยบาย รัฐบาลนอกสภาของพรรคฝ่ายค้านในวันที่ 5 ม.ค. นี้ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ว่า มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยร่วมลงชื่อขออภิปราย 56 คน นำโดย ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง, นายจตุพร, นายสุนัย จุลพงศธร ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และตนรวมไปถึงส.ส.จากพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกหลายคน อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช, พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน, นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน นอกจากนี้ตนจะประสานไปยังนายไชยยศ จิรเมธากร ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อแผ่นดินที่อกหักจากตำแหน่งรมต.ให้ร่วมอภิปรายนโยบายของรัฐบาลด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งหน่วยงานด้านการข่าวได้เตือนนายอภิสิทธิ์ว่า อาจจะมีคนคิดปองร้ายนั้น นายกฯ ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด แต่เพื่อความไม่ประมาทจึงได้งดเดินทางลงพื้นที่ ทั้งนี้ ได้มีการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรฯเข้าไปยังมือถือส่วนตัวของนายกฯเพื่อข่มขู่ พบว่าเบอร์โทรศัพท์ส่วนใหญ่เป็นเบอร์โทรศัพท์แบบเติมเงิน แต่ก็มีหมายเลขโทรศัพท์หนึ่งเป็นหมายเลขส่วนตัว ซึ่งนายกฯได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่รายงานว่าเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่พยายามก่อความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง อย่างไรก็ตามในช่วงวันปีใหม่นายกฯพร้อมครอบครัวได้ใช้เวลาช่วงไปพักผ่อนเป็นการส่วนตัวที่บริเวณอ่าวไผ่ป้อง จ.กระบี่
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า สิ่งสำคัญที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการเป็นอันดับแรกหลังจากช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่คือเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามแม้ว่าตนจะเดินทางมาพักผ่อน แต่ก็ยังคงต้องทำงานและไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเพราะการเข้ามาทำงานตรงนี้ เนื่องจากมีความต้องการที่จะทำงานให้กับบ้านเมืองอยู่แล้ว ทั้งนี้ เมื่อเปิดประชุมสภาสมัยสามัญก็คิดว่าฝ่ายค้านคงจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอย่างแน่นอน ซึ่งรัฐบาลก็คงต้องทำงานให้หนักมากขึ้น.
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการติดต่อเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและแกนนำกลุ่มเสื้อแดงว่า ได้ติดต่อผ่านคนใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ แต่จะพยายามเรื่อย ๆ ทั้งนี้ตนไม่ได้ติดต่อผ่านทางนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณ และไม่ได้กำหนดกรอบการนัดเจรจาว่าต้องจบภายในเวลาใด แต่จะทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศ ส่วนข้อเสนอจากแกนนำ นปช.เรื่องให้นายกฯยุบสภา ก็เป็นแนวคิดที่ต้องพูดคุยกันต่อไป
ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถาน การณ์การเมืองในปี 2552 ว่า ยังคงวุ่นวายไม่ราบรื่น ต้องยอมรับว่ามีปัจจัยเสี่ยงเรื่องเสียงสนับสนุนรัฐบาลที่ยังปริ่ม ๆ แต่ความชัดเจนคงเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 11 ม.ค. ว่าเสียงจะเพิ่มขึ้นที่ข้างไหนอย่างไร หากตัวเลขหมิ่นเหม่เชื่อว่าคงมีการล็อบบี้กันเกิดขึ้นอีกครั้ง ความชุลมุนวุ่นวาย การงัดเกมต่าง ๆ มาเล่นคงไม่ลดราวาศอกกัน รวมถึงคงมีการเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าแรงหนุนจากภาคธุรกิจ ที่อยากออกจากวิกฤติ และความเบื่อหน่ายของ ประชาชน คงเป็นกำลังใจให้รัฐบาลได้บ้าง
นายบัญญัติ ยังกล่าวว่า กรอบ 9 ข้อที่ ครม. มีมติร่วมกันออกมา นายกฯจำเป็นต้องทำให้ได้ รัฐบาลชุดนี้มีข้อได้เปรียบที่สามารถนำเอาบทเรียนที่ก่อให้เกิดความล้มเหลวของรัฐบาลก่อนมาใช้ประโยชน์ได้ และรัฐบาลจะอยู่ต่อไปได้ คือ ต้องไม่ทำใน 5 ข้อนี้ คือ 1.ไม่แบ่งแยกประชาชน 2.ไม่พูดจาท้าทายประชาชน 3.ไม่เลือกปฏิบัติ ในวงราชการ 4.ต้องไม่ลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในตอนแถลงนโยบาย และข้อ 5.ถือว่าสำคัญที่สุด เพราะทำให้รัฐบาลที่ผ่านมาล้มคว่ำ คือ ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญจะทำให้การเมืองปี 52 ร้อนมากขึ้นหรือไม่อยู่ตรงนี้
นายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ถึงรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ก่อนรับตำแหน่งรองเลขาธิการนายกฯว่า รัฐบาลชุดนี้มีความคาดหวังเหมือนกับรัฐบาลชุดอื่น ๆ ที่จะอยู่ให้ครบวาระ แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยเศรษฐกิจและการเมือง ส่วนตัวเชื่อว่าอายุรัฐบาลอภิสิทธิ์ น่าจะอยู่ยาวพอสมควรแต่บอก ไม่ได้ว่ายาวแค่ไหน เพราะประชาชนเริ่มเห็นแล้ว ว่าถ้าเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยครั้งเสถียรภาพทางการเมืองไม่ค่อยมี จะส่งผลกระทบกับประเทศ ถ้าปีแรกรัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายให้เห็นเป็นรูปธรรมได้หลายเรื่อง อาทิ แก้ปัญหาความแตกแยก ตัวเลขทางเศรษฐกิจได้ ก็จะเป็นบทพิสูจน์ในการทำงาน
ต่อข้อถามว่า มองบทบาทการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคเพื่อไทยอย่างไร นายปณิธาน กล่าวว่า ฝ่ายค้านปัจจุบันปรับตัวได้เร็วเหนือความ คาดหมาย ที่ผ่านมาจะเห็นว่าพร้อมเตรียมอภิปรายแม้ว่าจะเป็นรัฐบาลมานานติดต่อกันหลายปี เพราะมีข้อมูลอยู่ในมือค่อนข้างมากชำนาญเกี่ยวกับระบบเพียงแต่ว่าอาจต้องใช้เวลาบริหารจัดการ ระบบร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน และหาตัวผู้นำฝ่าย ค้านที่สร้างความเป็นเอกภาพ การเลือกตั้งซ่อมจะมีส.ส.เข้ามาใหม่อีกหลายคน อาจทำให้เสียงในสภาห่างกันไม่มากน่าจะมีผลต่อเสถียรภาพพอสมควร
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. ให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทของกองทัพอากาศต่อสถาน การณ์การเมืองไทยในปี 2552 ว่า การที่มีรัฐบาลเป็นพรรคร่วมก็ค่อนข้างจะมีประเด็นต่าง ๆ ที่ อาจจะมีอุปสรรคบ้าง แต่เราก็ให้กำลังใจอยาก จะเห็นว่าการบริหารงานของนักการเมือง พรรค การเมือง มาร่วมกันจะเห็นได้ว่าปีที่ผ่านมาจะมีอุปสรรคค่อนข้างมาก ดังนั้นเราหวังว่ารัฐบาลที่จะบริหารประเทศต่อไปน่าจะนำบทเรียนดังกล่าวมาปฏิบัติ ส่วนทหารก็คงจะอยู่บทบาทเดิมคือปฏิบัติหน้าที่ด้านความมั่นคง หากได้รับการร้องขอก็เข้าไปช่วยเหลือในฐานะเจ้าพนักงาน แต่โดยปกติเราก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ประเมินเสถียรภาพของรัฐบาล “อภิสิทธิ์” ว่า ขณะนี้รัฐบาลเปรียบเสมือนเด็กที่กำลังตั้งไข่ ดังนั้นการที่จะทำอะไรก็ต้องมีความระมัดระวัง และคิดว่ารัฐบาลจะต้องเจอศึกหนักยิ่งในปีนี้ปัญหาเศรษฐกิจยังเป็นประเด็นหลักในการทำงาน แต่เรื่องการเมืองก็ยังมีอยู่ทั้งนี้รัฐบาลผสมไม่ใช่จะราบเรียบทุกอย่างเหมือนกระแสคลื่นใต้น้ำ รัฐบาลจะอยู่นานหรือไม่ต้องดูจาก 3 เดือนแรก ในการเลือกตั้งซ่อมวันที่ 11 ม.ค. ที่จะมาถึง หากไปเพิ่มจำนวนส.ส.ให้กับพรรคฝ่ายค้านโอกาสที่จะมีเสียงข้างมากในสภาก็สุ่มเสี่ยงมาก แต่อาจจะมีผลต่อการเสนอกฎหมาย การถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ขณะที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ ถึงการบริหารงานรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ ได้อำนาจในการบริหารมาด้วยวิธีการที่ไม่ชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะการดึง ส.ส.กลุ่มหนึ่งของพรรคพลังประชาชนเดิมไปร่วมรัฐบาลด้วย และนำบุคคลที่มีส่วนร่วมกับการชุมนุมของกลุ่ม พันธมิตรฯมาเป็น รมต. ดังนั้น จึงต้องตอบคำถามกับสังคมถึงความเหมาะสม เมื่อเห็นโฉมหน้าของครม.ชุดนี้โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ทำให้หลายฝ่ายไม่มั่นใจนักธุรกิจหลายคน รู้สึกผิดหวัง นอกจากนี้ ภาวะผู้นำของนายกฯที่มีไม่มากถูกครอบงำจากหลายกลุ่ม ซึ่งแตกต่างจาก พ.ต.ท. ทักษิณ มีความเป็นผู้นำสูงที่นำประเทศแก้ไขปัญหาวิกฤติได้
นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพงศ์เทพ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์เรื่องภาวะผู้นำและการจัดตั้ง ครม. ว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะออกมาวิจารณ์คนที่เป็นนายกฯไม่ว่าด้านใด แต่ ความจริงนายพงศ์เทพควรจะให้โอกาสนายกฯ และ ครม.ชุดใหม่ได้บริหารประเทศไปซักระยะก่อน จึงค่อยมีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็ไม่น่าสงสัยเพราะนายพงศ์เทพ เป็นรมต.ในชุดรัฐบาลทักษิณ การวิพากษ์วิจารณ์ภาวะผู้นำมีหลายด้าน ควรจะบริหารราชการประเทศเพื่อคนทั้งประเทศไม่ใช่ผู้นำที่เข้ามาเพื่อทำประโยชน์ให้ตนเองครอบครัว และพวกพ้อง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวจากหน่วยข่าวทางลับว่าจะมีคนลอบทำร้ายนาย อภิสิทธิ์ว่า ตนไม่เชื่อว่านายอภิสิทธิ์กำลังตกอยู่ในอันตราย ตามที่มีรายงานอ้างหน่วยข่าวทางลับ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ไม่มีความสำคัญจนเป็น สาเหตุให้มีกระบวนการลอบทำร้าย ข่าวที่ออกมาน่าจะเป็นเพียงการสร้างภาพเพื่อเรียกคะแนนความสงสาร ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อโดยตรงจากนายสุเทพที่จะขอให้ยุติการเคลื่อนไหว แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะติดต่อมาหรือไม่ทางกลุ่มคนเสื้อแดงก็จะยังคงยืนยันที่จะกดดันให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาต่อไป
ส่วนนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ยอมรับว่ามีรายงานในทางลับถึงความไม่ปลอดภัยของนายกฯว่า นายกฯคงจะคิดไปเองจนกลัวเงาของตัวเองหรือไม่คนในรัฐบาลเดียวกันอาจจะเล่นกันเองก็ได้ อย่างไรก็ตามหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงสาเหตุอาจมาจากความไม่พอใจของประชาชนต่อการตั้งรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม ดังนั้นนายกฯไม่ควรที่จะสร้างความคับแค้นและความเหลืออดให้ประชาชนอีก
นายสุชาติ กล่าวถึงการอภิปรายนโยบาย รัฐบาลนอกสภาของพรรคฝ่ายค้านในวันที่ 5 ม.ค. นี้ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ว่า มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยร่วมลงชื่อขออภิปราย 56 คน นำโดย ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง, นายจตุพร, นายสุนัย จุลพงศธร ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และตนรวมไปถึงส.ส.จากพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกหลายคน อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช, พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน, นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน นอกจากนี้ตนจะประสานไปยังนายไชยยศ จิรเมธากร ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อแผ่นดินที่อกหักจากตำแหน่งรมต.ให้ร่วมอภิปรายนโยบายของรัฐบาลด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งหน่วยงานด้านการข่าวได้เตือนนายอภิสิทธิ์ว่า อาจจะมีคนคิดปองร้ายนั้น นายกฯ ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด แต่เพื่อความไม่ประมาทจึงได้งดเดินทางลงพื้นที่ ทั้งนี้ ได้มีการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรฯเข้าไปยังมือถือส่วนตัวของนายกฯเพื่อข่มขู่ พบว่าเบอร์โทรศัพท์ส่วนใหญ่เป็นเบอร์โทรศัพท์แบบเติมเงิน แต่ก็มีหมายเลขโทรศัพท์หนึ่งเป็นหมายเลขส่วนตัว ซึ่งนายกฯได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่รายงานว่าเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่พยายามก่อความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง อย่างไรก็ตามในช่วงวันปีใหม่นายกฯพร้อมครอบครัวได้ใช้เวลาช่วงไปพักผ่อนเป็นการส่วนตัวที่บริเวณอ่าวไผ่ป้อง จ.กระบี่
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า สิ่งสำคัญที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการเป็นอันดับแรกหลังจากช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่คือเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามแม้ว่าตนจะเดินทางมาพักผ่อน แต่ก็ยังคงต้องทำงานและไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเพราะการเข้ามาทำงานตรงนี้ เนื่องจากมีความต้องการที่จะทำงานให้กับบ้านเมืองอยู่แล้ว ทั้งนี้ เมื่อเปิดประชุมสภาสมัยสามัญก็คิดว่าฝ่ายค้านคงจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอย่างแน่นอน ซึ่งรัฐบาลก็คงต้องทำงานให้หนักมากขึ้น.