ที่มา ประชาทรรศน์
ส.ส.ปีนรั้วรุ่น1เตือนกองทัพอย่าเคลื่อนไหว 'สมชาย'ฉะ ผบ.ตร.วางตัวเป็นกลาง อย่ายุ่งการเมือง 'เหลิม'เย้ย 'มาร์ค'เก่งทฤษฎีไม่รู้ปฎิบัติ เตือน รับมือชี้แจงในสภาฯ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมการอภิปรายร่างนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 29-30 ธ.ค.นี้ว่า สำหรับประเด็นที่จะอภิปรายพรรคจะอภิปรายโดยเน้นหลักฐานที่ชัดเจน ไม่ใช้โวหา น้ำลายทำลายผู้อื่น เช่น จะอภิปรายกรณีที่นายสาทิตย์ วงค์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปลดรายการความจริงวันนี้ หรือกรณีที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทยโยกย้ายข้าราชการ เป็นต้น ส่วนเรื่องการหนีทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั้นมีแน่นอน เพราะวันนี้นายอภิสิทธิ์ ควรเปลี่ยนคำขวัญวันเด็กมาเป็น “ด้านได้ อายอด งดเกณฑ์ทหาร”
นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ ยังเรียกร้องไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ว่าให้ทหารอยู่ในที่ตั้ง เนื่องจากขณะนี้มีข่าวว่าจะมีทหารเข้ามาสนับสนุน ซึ่งประชาชนฝากบอกว่าบ้านเมืองนี้ไม่ใช่ทหารเป็นใหญ่แต่ประชาชนเป็นใหญ่
“การที่นายอภิสิทธิ์พูดย้ำแล้วย้ำอีกว่าขอให้ประชาชนนำบทเรียนเมื่อวันที่ 7 ตค.มาเป็นอุทาหรณ์นั้นตนขอพูดในฐานะ ส.ส.กระโดดกำแพง รุ่นที่ 1 ซึ่งจะสอนวิธีการกระโดดกำแพงว่าทำอย่างไรหาก วันที่19ธ.ค.นี้มีการปิดล้อม.สำหรับการปิดล้อมสภาฯเมื่อวันที่ 7 ต.ค.พวกเราในฐานะส.ส.ปีนรั้วรุ่น1ได้แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯไว้ที่สน.ดุสิต แต่เรื่องกลับเงียบไม่รู้ว่าตำรวจไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ระวังจะถูกข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่”นายสุรพงษ์ กล่าว
'สมชาย'ฉะผบ.ตร.วางตัวเป็นกลาง
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้จัดอภิปรายร่างนโยบายให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียง 2 วัน ซึ่งในวันที่ 29 ธ.ค.นี้พรรคฝ่ายค้านจะหารือร่วมกับวิปรัฐบาลเพื่อขอให้ขยายระยะเวลาเปิดอภิปรายเพิ่มอีก1 วันจากสองวันเป็นสามวัน เนื่องจากวันนี้มีฝ่ายค้านจำนวนมากได้แจ้งความประสงค์มาหลายคน
พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.เห็นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ฝึกซ้อมกันอย่างขยันขันแข็งเป็นพิเศษในการเตรียมรับมือกับกลุ่มคนเสื้อแดงและฝึกซ้อมเตรียมนำนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีออกจากสภาฯหากถูกประชาชนปิดล้อม ซึ่งผิดกับสมัยรัฐบาลที่แล้วไม่เห็นมาปกป้องรักษานายกรัฐมนตรี ดังนั้นแสดงให้เห็นแล้วว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสมัย พล.ต.อ.พัชรวาท วงค์สุวรรณ ผบ.ตร.สมัยรัฐบาลที่ผ่านมากับรัฐบาลปัจจุบันเป็นอย่างไร จึงขอเรียกร้องไปยังพล.ต.อ.พัชรวาทว่าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลาง ซึ่งการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นการผิดวินัย ตำรวจที่ดีต้องมีวินัย การกระทำที่จะสนับสนุนรัฐบาลไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ต้องไม่กระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชน
“วันนี้มีการสั่งการตั้งจุดตรวจบุคคลที่สงสัยว่าจะเป็นคนเสื้อแดงที่จะเดินทางมา กทม.อย่างแน่นหนา และตั้งด่านจุดสะกัดทั่วประเทศ ซึ่งตรงนี้จะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม การกลั่นแกล้งประชาชนที่สัญจรไปมา และวันนี้เตือนไปยังตำรวจว่าอย่าคิดสกัดกั้นคนที่จะเดินมาชุมนุมเรียกร้องตามสิทธิรัฐธรรมนูญ อย่ากลั่นแกล้งตรวจบัตรประชาชน จับกุมพรบ.รถยนต์เพื่อไม่ให้ประชาชนมาฟังการอภิปราย” พ.ต.ท.สมชาย กล่าว
'เหลิม'เย้ย'มาร์ค'รู้ไม่จริงเก่งทฤษฎีไม่รู้ปฎิบัติ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพือ่ไทย กล่าวว่า ตนได้อ่านนโยบายรัฐบาลแล้วพบว่ามีการลอกจากนโยบายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 99 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้รู้สึกเสียใจกับครม.ชุดนี้ การที่นายกฯออกกฎเหล็ก9ข้อเสมือนไม่ไว้ใจครม.ส่วนในข้อที่ 9ห้ามรมต.ทำตัวเหนือประชาชนตนอ่านแล้วดูเหมือนว่านายกฯไม่ได้อ่านรธน. ทั้งนี้ส่วนนโยบายเร่งด่วนไม่ได้กำหนดชัดเจน ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ อาจเก่งเรื่องเรียนแต่การปฎิบัติจริงเป็นคนละเรื่องกัน ส่วนที่มีข่าวว่านายอภิสิทธิ์จะนำเงินงบประมาณท้องถิ่นมากระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งเมื่อพูดไปแล้วนายอภิสิทธิ์ก็รู้ว่าผิดพลาดจึงออกมาแก้ต่างเพราะรัฐบาลต่างหากที่จะต้องนำเงินไปจัดสรรให้กับท้องถิ่น และในการอภิปรายพรรคฝ่ายค้านสมัยพรรคประชาธิปัตย์เคยอภิปรายถึงพริกถึงขิงมาแล้ว โวหารดีแต่เนื้อหาไม่ใช่ และขอให้นายอภิสิทธิ์ ควบคุมอารมณ์และเตรียมตัวตอบคำถามให้พร้อม อย่างไรก็ตามในนโยบายของรัฐบาลบางส่วนเป็นเรือ่งที่น่าอายเพราะ ไม่มีเรื่องการปราบยาเสพติด การจ้างงาน ส่วนการชุมนุมของเสื้อแดงคิดว่าไม่น่ามีอะไรรุนแรง คงไม่เป็นเหตุให้นายกฯเลื่อนการแถลงนโยบายออก