ที่มา ประชาทรรศน์
'สุขุม นวลสกุล' ชี้ 'มาร์ค 1' ต้องเป็น รัฐบาลผสมเท่านั้น ระบุประสบการณ์ที่ผ่านมาการเมืองผสมพันธุ์มีความอ่อนแอ เหตุ มีเรื่องให้เขย่าขวัญและต่อรองตลอดเวลา
ในยุคพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถือเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยพรรคอื่น จัดว่าเป็นรัฐบาลพรรคเดียว แต่ก็มีอายุไม่นาน ส่วนที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า เกิดจากการผสมพันธุ์จากหลายพรรคหลายกลุ่ม อย่างไรก็ตาม"ความมั่นคงของรัฐบาล" มิใช่ว่าจะเป็นรัฐบาลผสมหรือพรรคเดียวเป็นรัฐบาลเท่านั้น เพราะการปฏิวัติรัฐประหาร มักจะมาจาก การคอรัปชั่น เล่นพรรคเล่นพวก สถาบันฯ เบื้องสูงกระทบกระเทือน ปกติการ "ยุบสภา" คือทางออกที่ดี ของระบอบประชาธิปไตย และทั่วโลกก็ยอมรับในจุดนั้น เหตุผลของการยุบสภา ย่อมเป็นที่ทราบกันดีว่า ต้องมาจากความไม่ลงรอยจากสภา หรือ สส. และหากการทำงานของรัฐบาลผสม เป็นไปโดยสุจริต โอกาสที่จะเป็นรัฐบาลผสมครบ 4 ปีก็มีอยู่มาก การเปลี่ยนแปลงสูตรรัฐบาลผสมบ่อยๆ บางทีก็มิใช่เรื่องของความมั่นคงทางการเมือง หากแต่เป็นความจำเป็นในการดำเนินนโยบาย การเป็น"รัฐบาลผสม" นั้น หากสามารถดูแลให้ผ่านเลย 2 ปีไปได้ ก็น่าจะถือว่าสอบผ่านเรื่องความมั่นคงทางการเมือง ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ควรดูเป็นแบบอย่าง
รองศาสตราจารย์ สุขุม นวลสกุล นักวิชาการทางรัฐศาสตร์ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้แสดงความคิดเห็นกับ รัฐบาลชุดปัจจุบันที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยนำพาพรรคร่วมรัฐบาลที่กระจัดกระจายมารวมตัวกันในครั้งนี้ หากจะมองว่าเป็นรัฐบาลพันธ์ผสมจะว่าอย่างนั้นก็ได้ “จากประสบการณ์ของ ผมที่ผ่านมาในชีวิตมีโอกาสได้สัมผัสกับรัฐบาลผสม ซึ่งแน่นอนมันก็จะมีความอ่อนแอ เพราะรัฐบาลก็จะมีเรื่องให้คอยเขย่าขวัญอยู่ตลอด เพราะจะมีเรื่องการต่อรองและพึ่งพากันตลอดเวลา”
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวออกมาว่ารัฐบาลของประชาธิปัตย์ได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลนั้นได้แรงสนับสนุนจากพื้นที่สีเขียวและสีเหลืองนั้นตรงนี้ตนไม่อยากวิจารณ์ หากดูกันอย่างผิวเผินซึ่งมันก็ไม่มีอะไรระบุหรือบ่งชี้ชัดว่า คนที่ใส่ชุดทหารออกมาบอกว่าเป็นนอมินีของประชาธิปัตย์ มันไม่ได้ปรากฏชัดเจน และภาพที่แสดงออกมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ขณะที่ตนมองว่าประชาชนที่ไม่ได้ศึกษาปัญหาการเมืองอย่างลึกซึ้งก็จะไม่เข้าใจถึงกลไกต่างๆของภาพที่ออกมาด้วย
อย่างไรก็ตามในภาวการณ์แบบนี้ ไม่มีทางเลือกอื่น รัฐบาลหลังโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ ต้องเป็น"รัฐบาลผสม" เท่านั้น ซึ่งรัฐบาลผสมเองก็มีข้อดีกว่าข้อเสีย เพราะรัฐบาลผสมมีการประนีประนอมเรื่องผลประโยชน์ ที่ทำให้มีสภาพของรัฐบาลมีเสถียรภาพได้ ความเป็นเผด็จการของการบริหารประเทศแบบ "รัฐบาลพรรคเดียว" ก็จะลดน้อยลง ไม่เหมือนกับที่เคยประสบพบเจอมา เมื่อครั้งรัฐบาลของ "ทักษิณ 2" ที่มีอายุเพียง 1 ปีเศษ ก็เป็นรัฐบาลพรรคเดียวล้วนๆ แถมยังมีช่วง "สูญญากาศทางการเมือง" ที่ นายกรัฐมนตรีไม่ลา ไม่ทำงาน ไปตีกอล์ฟ ไปชอปปิ้ง ให้ประชาชนบาดหัวใจ เป็นเหตุให้ประชาชน สื่อมวลชน นักวิชาการ จะออกมากดดันในรูปแบบต่างๆ ดังที่เราเห็น
แม้ว่าในตอนนี้เราคงไม่สามารถเลือกอะไรที่ดีกว่านี้ได้ เพราะ "การเมือง" สามารถพลิกขั้วและเปลี่ยนแปลงได้แค่ชั่วข้ามคืน !! แต่สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนั้น อยู่ที่ว่าการปลี่ยนขั้วจะนำประเทศเดินต่อไปได้หรือไม่ต่างหาก?????