ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
ข้อแรกสุดที่ต้องจดจารึกเอาไว้ และเชื่อว่าในอนาคตจะกลายเป็นบ่วงมามัดคอพรรคประชาธิปัตย์เมื่อต้องกลายเป็นฝ่ายค้าน รวมไปถึงบรรดากลุ่มการเมืองข้างถนน
คือการออกพ.ร.บ.ป้องกันการชุมนุมของประชาชน ก่อนที่จะเกิดการชุมนุมขึ้นจริง
จะหาข้ออ้างที่สวยหรูอย่างไรก็ตาม แต่นี่คือครั้งแรกที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งกระทำการแบบนี้
ทั้งที่น่าจะสุ่มเสี่ยงว่าจะเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ เรื่องสิทธิ์ในการชุมนุมของประชาชน
เชื่อว่าต่อไปรัฐบาลอื่นๆ คงใช้บรรทัดฐานเดียวกัน
พรรคประชาธิปัตย์ และม็อบพันธมิตรฯ ที่อาจจะออกมาอาละวาดอีกในอนาคต หากไม่ได้ดังใจก็อย่าโอดครวญ
บรรทัดฐานต่อมาคือการบริหารข้าราชการแบบ "เด็กดื้อ" หรือ "เด็กเอาแต่ใจ"
ชัดเจนกรณีศึก "ผบ.ตร." ที่ไม่เคยเป็นเรื่องใหญ่เลยในอดีต ก็สามารถทำให้กลายเป็นเรื่องขึ้นมาได้
ในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่ากันว่ามีอำนาจเหลือเฟือ ยังไม่กล้าดันคนที่ตนสนับสนุนเพราะติดขัดเรื่องอาวุโส และความเหมาะสมบางประการ
ไม่เช่นนั้นวงการตำรวจคงมีผบ.ตร.ที่ชื่อ "พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์" แทน "พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ" แล้ว
แต่บรรทัดฐานที่น่ากลัวที่สุดซึ่งรัฐบาลนี้จารึกเอาไว้ คือการใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการของตน
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุรรณ ผบ.ตร. ถูกเตะโด่งไปจีน ลงใต้ จนถูกย้ายมาช่วยราชการ
ใน 2 ครั้งแรกตั้งพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผบ.ตร. ขึ้นมารักษาการ ก่อนพยายามเข้าไปรื้อโผการแต่งตั้ง แต่ไม่สำเร็จ
หนสุดท้ายเลือกพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ขึ้นมารักษาการ เจตนาเพื่อให้ช่วยออกเสียงในก.ต.ช.เลือกผบ.ตร.ใหม่
ความพยายามเล่นงานก.ต.ช.ที่ไม่เอาด้วยกับนายกฯ ทั้งการขุดเรื่องเก่าขึ้นมา หรือถือโอกาสส่งไปทำงานต่างประเทศ แล้วตั้งคนที่คิดว่าคุมได้ขึ้นมาทำหน้าที่แทน
ทั้งหมดนี้เพื่อหวังชัยชนะในการเลือกผบ.ตร.
แต่ท้ายที่สุดก็หงายท้องเป็นครั้งที่ 2 เพราะเจอ "ข้อมูลสำคัญ" ทำให้คนที่ตั้งขึ้นมาแทนคนเก่าเพื่อหวังคะแนนเสียงตีกรรเชียงหนีไปดื้อๆ
ที่น่ากังวลอีกประการคือบรรทัดฐานขององค์กรอิสระ นักวิชาการ รวมไปถึงนักคิดทางการเมืองทั้งหลาย
ที่ไม่เคยมีปากมีเสียง หรือเคลื่อนไหวอะไรกับพฤติกรรมของรัฐบาลนี้
ในอนาคตหากมีรัฐบาลอื่น ใช้อำนาจลักษณะเดียวกับรัฐบาลนี้ ซึ่งเชื่อว่ามีแน่ๆ
พวกท่านทั้งหลายจะกล้าออกมาเคลื่อนไหว ให้คนเขาถอนหงอกเล่นหรือ!?