ที่มา บางกอกทูเดย์
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ รวมถึง เอฟบีไอ จับกุม“เจอรัลด์ – แพทริเซีย กรีนส์” ในความผิดฐานเปิดบริษัทขึ้นมาบังหน้า คิดต่อยอดทางธุรกิจ...แต่เป็นการต่อยอดในทาง “ไม่ซื่อสัตย์” ผิดศีลธรรมและผิดจริยธรรมโดยมีการ“จ่ายสินบนใต้โต๊ะ” ให้อดีตบิ๊ก ททท.นี่คือประเด็นใหญ่ที่สังคมไทยไม่ควรลืม และควรจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า อดีตบิ๊ก ททท.ที่ว่านั้นเป็นใครกัน?
แม้ว่าในยุคสมัยปัจจุบัน ความวุ่นวายในการแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์จะเกิดขึ้นอย่างหนักหน่วง จนทำให้คนดีๆหลายคนต้องท้อถอยคิดว่า ทำดีคงจะไม่ได้ดี อย่างที่เคยเชื่อมั่นเสียแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอไปเพราะหลายกรณีได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสวรรค์และนรกก็มีการออนไลน์ข้อมูลแล้วกรรมเห็นชาตินี้...ไม่ต้องรอชาติหน้า!หลายเรื่องปรากฏให้เห็นมาแล้วโดยเฉพาะหากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศที่กฎหมาย สามารถใช้เป็นที่พึ่งพิงแสวงหาความยุติธรรมได้อย่างแท้จริงแต่หากเป็นประเทศสารขัณฑ์บางประเทศที่กฎหมายอยู่ภายใต้อำนาจทางการเมือง
อันนั้นต้องถือเป็นเคราะห์กรรมของประเทศแต่แน่นอนว่าไม่ใช่แน่ สำหรับประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาล่าสุด ประจักษ์พยานของความศักดิ์สิทธิ์และเที่ยงตรงของกฎหมายพิสูจน์ให้เห็นชัดอีกครั้งกรณี “คดีใหญ่”ฉาวข้ามโลก “สินบนใต้โต๊ะ” กว่า 60 ล้านบาท...ศาลสหรัฐฯ สั่งตัดสิน 2 สามีภรรยา“เจอรัลด์ – แพทริเซีย กรีนส์” ในความผิดข้อห้า “สมคบคิด” และ “ฟอกเงิน” เพื่อสิทธิ์ในการแลกจัดภาพยนตร์ ในเทศกาลบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์มเฟสติวัล เป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี2545- 2550ศาลสหรัฐฯ มีกำหนดตัดสินโทษในวันที่17 ธันวาคมนี้...ซึ่งทั้งคู่อาจถูกจำคุกตลอดชีวิต!นี่คือกระบวนการ “ยุติธรรม” ของต่างประเทศที่ชัดเจนและเที่ยงธรรม... ทำให้นึกถึงกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยที่หลายๆ กรณี หากไฟไม่รนก้นก็ไม่คิดจะลุกขึ้นทำสุดแสนเชื่องช้าเหมือนเต่าล้านปี!ทำให้บางทีกรณีนี้ คนไทยอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่า…“จุฑามาศ ศิริวรรณ” อดีตผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นหนึ่งใน“ผู้ถูกกล่าวหา” ว่าอาจจะเชื่อมโยงอยู่กับเหตุการณ์แห่งคดีดังกล่าวหรือไม่?ซึ่งเป็นสิ่งที่จุฑามาศคงจะต้องใช้กระบวนการทางกฎหมายเช่นกันในการพิสูจน์ยืนยันความบริสุทธิ์ ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าหนึ่งในรูปแบบการ “ทุจริตคอรัปชั่น”ที่เป็นที่นิยมกันในสังคมไทย ก็คือการที่ผู้มีอำนาจมีหน้าที่ นั่งเป็นประธาน “หัวโต๊ะ”ในขณะที่ “เหยื่ออันโอชะ” จะเป็นคนเดินก้มหน้าถือตัวเลขปริศนาเข้ามายื่นให้ด้วยความเต็มใจถือเป็นธรรมเนียมที่พูดกัน แต่แน่นอนว่าไม่เคยมีประธานคนใด หรือหน่วยงานใดๆทั้งสิ้น คิดที่จะยอมรับฉะนั้นกรณีสิทธิ์ในการแลกจัดภาพยนตร์ในเทศกาลบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนลฟิล์ม เฟสติวัล เป็นเวลา 5 ปี จึงเป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องการพิสูจน์ว่า จริงหรือไม่???และหากเป็นจริง เกี่ยวข้องกับใครระดับไหนบ้าง มีใครเผลอไผลไปนั่งเป็น
ประธานหัวโต๊ะหรือเปล่า!!!วันนี้ สหรัฐฯ ตัดสินแล้วว่า 2 สามีภรรยา “เจอรัลด์ – แพทริเซีย กรีนส์”มีความผิดจริงแท้ 100 %คดีใหญ่ ซึ่งเป็นที่จับตามองของคนทั่วโลก...ทำไม? ประเทศไทยกลับ“ทำเป็นลืม” เหมือนปลาทองในขวดแก้วณ วันนี้กระบวนการยุติธรรมของไทยยังไม่ได้มีการดำเนินการให้ขัดเจนว่าจุฑามาศ...มีความผิดหรือไม่? เกี่ยวข้องหรือ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องใหญ่ระหว่างประเทศที่ควรมีการตรวจสอบ สืบพยาน เพื่อตัดสินให้เกิดความกระจ่างแก่ “สาธารณชน”ให้คนทั่วโลกได้ชัดเจน ว่าคนไทยไม่เกี่ยวเป็นเรื่องต่างชาติทำกันเอง อะไรประมาณนั้นแต่ถึงวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงนิ่งเงียบ...อดีตผู้ว่าฯ ททท. ยังไม่ได้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบพิสูจน์ความบริสุทธิ์แต่อย่างใด!สื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯต่างประโคมข่าวกันครึกโครม เพราะเป็นเรื่องที่แสดงถึงความรู้สึก“น่าอับอาย”ในการทำมาหากินที่“ไม่สุจริต”กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ รวมถึง เอฟบีไอจับกุม “เจอรัลด์ – แพทริเซีย กรีนส์”ในความผิดฐานเปิดบริษัทขึ้นมาบังหน้าคิดต่อยอดทางธุรกิจ...แต่เป็นการต่อยอดในทาง “ไม่ซื่อสัตย์” ผิดศีลธรรมและผิดจริยธรรม โดยมีการ“จ่ายสินบนใต้โต๊ะ”ให้อดีตบิ๊ก ททท.นี่คือประเด็นใหญ่ที่สังคมไทยไม่ควรลืมและควรจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า อดีตบิ๊ก ททท.ที่ว่านั้นเป็นใครกัน?ซึ่งในรายละเอียดมีการระบุว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีแวดวงคนที่ใกล้ชิดของ“จุฑามาศ”ผ่านธนาคารในอังกฤษ สิงคโปร์และหมู่เกาะเจอร์ซี่ทั้งหมด 41 ครั้งเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นกว่า 60 ล้านบาท...แลกกับรายได้กว่า 350 ล้านจากการจัดงาน 5 ปี เป็นการหว่านเหยื่อชิ้นเล็กเพื่อให้ได้ “ปลาตัวใหญ่”ครั้งนั้น “จุฑามาศ” ยืนยันเสียงแข็งว่า
...ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับคำกล่าวอ้างดังกล่าวเลย และทำทุกอย่าง “โปร่งใส”ถึงขั้นมีการระบุว่า...เช็กไปที่บริษัทต้นตอแล้วเป็นเรื่องขัดแย้งภายในพร้อมลั่นว่า หาก “เอฟบีไอ” กล่าวหาว่ามีส่วนร่วมจริงๆ ก็จะยื่นฟ้องกลับทันทีเพราะเป็นการ “ใส่ร้ายป้ายสี” ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่“จุฑามาศ” ประกาศลาออกจากรองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินหลังพ้นวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย “จุฑามาศ”เคยพูดไว้ว่า“อะไรก็ตามที่มีประโยชน์ และโดยประสบการณ์ และความรู้ที่มีที่ผ่านมาเราได้ทำงานตามตำแหน่งหน้าที่...เกษียณแล้วอยากจะสอนหนังสือ แต่อยากไปสอนที่ชนบท ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ สอนให้รู้จักวิธีคิด สอนให้เขาช่วยตัวเองได้แนะวิธีคิดว่าจะทำอะไร เพื่อให้ตัวเองมีเงินอยู่ได้ มีอาชีพได้”ไม่มีใครรู้ว่า...วันนี้จุฑามาศยังยืนยันในถ้อยคำเดิมของตนหรือไม่?เพราะ วันนี้ อดีตผู้ว่า ททท. ยังสนุกกับการเป็นที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวพันกับเรื่องของการท่องเที่ยวอยู่และเชื่อว่า เมื่อทางสหรัฐมีการตัดสินออกมาเช่นนี้ จุฑามาศ คงจำเป็นต้องพิสูจน์ความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อไม่ให้ใครต่อใครสงสัยได้เพราะเรื่อง “ทุจริตคอรัปชั่น” กับ“นักการเมือง” รวมถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ตามกระทรวง หรือหน่วยงานต่างๆเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับ “สังคมไทย”มาเนิ่นนาน...เหมือน กาฝาก ที่คอยแย่งน้ำและอาหารจากต้นไม้ใหญ่บุคคลเหล่านี้จำนวนไม่น้อยที่สร้างฐานะขึ้นมาจากการกระทำหน้าที่อัน “ไม่สุจริต”ดังนั้นด้วยความเป็นนักบริหารหญิงที่ผ่านตำแหน่งระดับสูงมาแล้ว จุฑามาศคงไม่มีวันยอมให้ภาพลักษณ์ที่สร้างมาช้านานต้องอยู่ในความคลุมเครือเช่นนี้แน่ฉะนั้นกระบวนการยุติธรรมของไทยควรที่จะต้องเข้ามาช่วยเหลือ พิสูจน์กันให้ชัดๆไปเลยถ้าผิดก็ว่าตามผิด แต่ถ้าไม่ผิด เสียงครหาจะได้หมดไปจากผู้หญิงที่ชื่อ “จุฑามาศศิริวรรณ” คนนี้เสียที ■
15 กันยายน 2552 คณะลูกขุนนครลอสแองเจลิสว่าเจอรัลด์ กรีนส์ และ แพทริเซีย กรีนส์ คู่สามีภรรยาเจ้าของบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ในฮอลลีวูดของสหรัฐฯซึ่งถูกตั้งข้อหาติดสินบน จุฑามาศ ศิริวรรณอดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือ ททท.เพื่อให้ได้รับงานใน เทศกาลบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนลฟิล์ม เฟสติวัล เป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2545- 2550มีความผิดในข้อหาสมคบคิดและฟอกเงินโดยอัยการระบุในคำฟ้องว่า...เจอรัลด์ กรีนส์ และแพทริเซีย กรีนส์ ตั้งบริษัทขึ้นมาบังหน้าเพื่อติดสินบนอดีตผู้ว่าการ ททท.โดยจ่ายเงินไปทั้งหมด 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ราว 61.2 ล้านบาท) แลกกับการได้เป็นผู้จัดงานเทศกาลภาพยนตร์ฯสินบนบางส่วนจ่ายเป็นเงินสดให้โดยตรง...ในรูปของค่านายหน้าตกประมาณ 10-20% ที่เหลือโอนเข้าบัญชีธนาคารบุตรสาวและเพื่อนของอดีตผู้ว่าการ ททท.แล้วชดเชยด้วยการโก่งราคาค่าจัดงานด้านทนายของ “แพทริเซีย” กล่าวว่า...การจ่ายเงินดังกล่าวไม่ใช่สินบน ทั้งคู่เป็นคนดี เป็นเจ้าของบริษัทที่ทำให้คนจำนวนมากมีงานทำ และเป็นบริษัทที่ลงทุนหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาธุรกิจในไทยส่วนทนายความของ “เจอรัลด์” ระบุ...อัยการต้องการส่งสารไปถึงธุรกิจบันเทิงโดยใช้คดีของลูกความเขาเป็นทางผ่านเจอรัลด์ กรีนส์ และ แพทริเซีย กรีนส์ เป็นบุคคลในธุรกิจแวดวงบันเทิง “คู่แรก” ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดตามกฎหมายการทุจริตในต่างประเทศของสหรัฐฯโดยศาลมีกำหนดตัดสินโทษในวันที่ 17 ธันวาคมนี้และทั้งคู่อาจถูกจำคุกตลอดชีวิต ■