ที่มา Thai E-News
วงการพ่อค้าก็มี"ข้อมูลใหม่"-ดุสิต นนทะนาคร ก้าวขึ้นเป็นประธานหอการค้าไทยแทนตัวเต็งคนเก่าแบบกะทันหัน ว่ากันว่าเพราะมี"ข้อมูลใหม่"มาโค้งสุดท้าย ดุสิตเป็นลูกหม้อเครือซิเมนต์ไทย เช่นเดียวกับประมณฑ์ สุธีวงศ์ ประธานหอการค้าคนก่อนหน้านี้ ล่าสุดเขาประกาศหนุนรัฐบาลใช้พรบ.ความมั่นคงควบคุมการชุมนุมของเสื้อแดงในวันที่19ก.ย.นี้
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดชุมชนฟ้าเดียวกัน
11 กันยายน 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกา"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ซึ่งเคยเขียนซีรีส์ยอดฮิต"ลากไส้สื่อเหี้ย"อันลือลั่น กลับมาอีกครั้งด้วยซีรีส์ชุดใหม่ลากไส้แวดวงNGO,นักวิชาการ,นักสิทธิมนุษยชน,นักกิจกรรมสังคม,นักศิลปิน,นักธุรกิจ,ศาล,องค์กรอิสระ และฝ่ายซ้ายเก่า ซึ่งเขาได้ตีแผ่วงการด้วยสำนวนฮาร์ดคอร์ดิบเถื่อนให้เห็นว่า เพราะเหตุใดแวดวงดังกล่าวจึงได้ผิดเพี้ยนเปลี่ยนจุดยืนมาสนับสนุนขบวนการอำมาตย์ได้อย่างน่าพิศวงอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งไทยอีนิวส์ได้รับอนุญาตจากผู้เขียน และกรุณาตรวจทานแก้ไขก่อนการเผยแพร่เป็นตอนๆ
หลังจากว่าถึงองค์กรซ่อนเงื่อนสารพัดมาแล้ว ก็มีแฟนๆสอบถามมาว่าแวดวงพ่อค้านี่ก็แปลกๆดูลำเอียงเข้าข้างม็อบเหลือง กระทืบพวกเสื้อแดงเหลือเกิน มันเป็นอะไรยังไงของมัน เบื้องหลังเบื้องลึกคืออะไร ขอบอกไว้ก่อนว่า อันนี้มันเป็นแห้ว...แล้วจะหาว่าไม่บอก
คนวงนอกไม่รู้ขี้รู้ไส้แวดวงพ่อค้า โดยเฉพาะพวกหอการค้าไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมไทย ก็คงคิดกันง่ายๆว่าที่พวกนี้ให้ท้ายเสื้อเหลืองพันธมิตร กระทืบเสื้อแดง ถือหางปชป. กระทืบเหลี่ยมจมธรณี คงเพราะพวกเสื้อแดงกับเหลี่ยมมันเลว พวกเหี้ยเหลืองกับปชป.เลิศเลอเป็นเทวดา นักธุรเขาเลยเลือกข้าง
แต่ใดๆในประเทศนี้ ล้วนแต่มีที่มาที่ไป เบื้องหน้าที่เขาพูดที่เขาแสดง ให้ดูด้วยว่าเบื้องหลังของพวกเขาคืออะไร..คือใคร?
ผมพาไปโฟกัสบทบาทของนายดุสิต นนทะนาคร ซึ่งเพิ่งได้เป็นประธานหอการค้าคนใหม่เมื่อตอนต้นปีนี้(และในแวดวงพ่อค้าก็เป็นเรื่องอื้อฉาว ซุบซิบกันสนั่นวงว่า มีเบื้องหลังที่ห้ามพูดกันถึงที่มาที่ไปที่นายดุสิตได้เป็นประธานหอการค้า)
ดุสิต นนทะนาคร ผู้ก้าวขึ้นเป็นประธานสภาหอแบบพลิกล็อกเพราะ"ข้อมูลใหม่"
#พงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ทำได้ใกล้เคียงที่สุดคือการเป็น"ว่าที่"ประธานหอการค้า ก่อนจะสละสิทธิ์ท่ามกลางเสียงซุบซิบลั่นวงการค้า
ตามคิวและตามสัญญาสุภาพบุรุษแล้ว เมื่อประมณฑ์ สุธีวงศ์ ลูกหม้อของค่ายปูนซิเมนต์ไทยหมดวาระลงแล้วในตอนต้นปีนี้ จะเป็นคิวของพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานคนที่ 1 ขึ้นเป็นแทน จนมีการแจกประวัติ"ว่าที่ประธานหอการค้าคนใหม่"และเตรียมเลี้ยงฉลองยกใหญ่( ลิ้งค์ ) แต่แล้วพอใกล้วันเลือกประธานเข้าจริงๆ ก็เกิด"ข้อมูลใหม่"ขึ้นมา อันมีผลให้นายพงษ์ศักดิ์ต้องประกาศไม่ขอชิงตำแหน่งนี้ โดยอ้างเหตุผลอย่างกะทันหันว่า ต้องไปดูแลธุรกิจทอผ้าของตัวเอง เพราะเจอผลกระทบทางเศรษฐกิจ และขอให้รองประธานคนที่2คือดุสิต นนทะนาคร ขึ้นเป็นแทน...
ซึ่งคนในวงการบอกว่า เป็นเหตุผลที่ต้องประกาศไปทั้งน้ำตา และไม่มีใครเชื่อ แต่ก็ต้อง"ตามนั้น" เพราะนี่เป็นเหตุผลที่ฟังแล้วดูจะกล้อมแกล้มไปได้ที่สุดแล้วต่อสถานการณ์พลิกผันครั้งใหญ่ของวงการหอการค้า
อะไรคือเหตุของการพลิกผัน และทำไมต้องเป็นดุสิต?
ดุสิต มีบทบาทก่อนหน้านั้น โดยออกมาพูดตอนม็อบพันธมิตรยึดสนามบินว่า
"ไทยจะต้องยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองโดยเร็วที่สุด เพราะถ้าปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อ ภาคธุรกิจจะมีปัญหาแน่นอน โดยมองว่า การที่รัฐบาลไม่สามารถยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ขณะที่สังคมไทยก็มีความแตกแยก ไม่มีความสามัคคี ทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงควรที่จะประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดโอกาสให้นักการเมืองหรือพรรคการเมืองอื่น ๆ เข้ามาบริหารประเทศ อย่างไรก็ตาม หากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออก ก็ควรที่จะประกาศยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่"
ต่อมาเมื่อมีการแก้ไขปัญหาพันธมิตรยึดสนามบินด้วยการรีบร้อนสั่งยุบพรรคพลังประชาชน มีผลให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 2 ธันวาคม
ตอนนั้นดุสิตซึ่งเป็นรองประธานสภาหอฯก็ออกมาเป็นตัวตั้งตัวตีแถลงข่าวร่วมกับสภาอุตสาหกรรม กับสมาคมธนาคารไทยว่า พรรคพวกแม้วพอได้แล้ว เป็นนายกฯมา 2 คนแล้ว ทั้งสมัคร สุนทรเวช ทั้งสมชาย บ้านเมืองก็ชิบหายมากพอแล้ว ให้คนอื่นคือฝ่ายมาร์ค-ประชาธิปัตย์ลองเป็นมั่ง พวกพ่อค้าจะได้ทำมาหากินกันเป็นปกติสุข...
สำหรับสถานการณ์ชุมนุมของเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.ที่จะถึงนี้ ดุสิตออกมาหนุนรัฐบาลเต็มที่ โดยกล่าวว่า
การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น ขึ้นอยู่กับประชาชนว่ามีความรัก ความสามัคคี และมองประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักหรือไม่ ควรคิดว่าจะสามารถร่วมกันระดมความคิดว่าภายหลังจากที่เศรษฐกิจโลกดีขึ้น จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวรวมทั้งจะทำอย่างไรในการเสริมสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ
ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็เป็นกฎหมายสากลที่ใช้กันทั่วโลก ซึ่งจะเอามาใช้เมื่อมีความจำเป็น และไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าตกใจหากจะเอามาประกาศใช้ในภาวะที่ประชาชนในประเทศไม่มีความสามัคคี
ฟังแล้วก็ดูดีใช่มั๊ย ก็พ่อค้าพูดหนะ เขาบอกให้เงียบๆกันหน่อย ทะเลาะกันชิบหาย ให้มาร์คเป็นเหอะ บ้านเมืองจะได้สงบ พวกกรุจะได้ทำมาหาแดก..ใครออกมาแนวอื่นๆนี่ก็แปลว่าพวกมึงไม่รักสงบเหรอ สุดท้ายก็เสร็จโจร จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นแม่งสงบอย่างพวกสมาคมส้นตีนมันอ้างซักวัน
ลูกหม้อเครือซิเมนต์ไทยผู้สืบมรดกต่อจากลูกหม้อซิเมนต์ไทยอีกราย
หลังพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ยอมกลืนเลือดสละการชิงเก้าอี้ประธานหอแล้ว ดุสิตก็หมดก้างฉลุยขึ้นเป็นประธานสภาหอการค้าคนใหม่ฉลุยในวันที่ 26 มีนาคม 2552
ต่อมาไม่นานก็เกิดม็อบเสื้อแดงชุมนุมใหญ่ไล่มาร์คตอนสงกรานต์ ซึ่งหากเป็นไปตามมาตรฐานเดิม ดุสิตก็ควรต้องออกมาแถลงข่าวให้ท้ายม็อบ และไล่รัฐบาลออกเพราะคุมม็อบไม่อยู่บ้านเมืองวุ่นวาย พ่อค้าทำการค้าขายไม่ได้ แต่หนนี้ดุสิตพูดอีกอย่างว่า
ภาคเอกชนเรียกร้องให้ผู้ที่ออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาล ยุติการกระทำใดๆ ที่จะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ก่อนที่ผลกระทบจะส่งผลเสียหายไปมากกว่านี้ เอกชนได้พยายามร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศคลี่คลาย ส่วนรัฐบาลก็ได้ดำเนินนโยบายและมาตรการเพื่อทำให้บรรยากาศด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งความเชื่อมั่นของประเทศดีขึ้น บุคคลที่เป็นต้นเหตุของการบั่นทอน ควรจะใช้สติทบทวนและไตร่ตรองโดยรอบคอบ ต้องมองถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในประเทศ มิใช่ประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง
ดุสิตจบปริญญาโทจากอเมริกา เป็นลูกหม้อทำงานกับเครือซิเมนต์ไทยมาแต่ต้นจนเกษียณ เขาเป็นมือบริหารปูนใหญ่ในรุ่นเดียวกับชุมพล ณ ลำเลียง มีตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของเครือซิเมนต์ไทยหลายบริษัท ตำแหน่งสุดท้ายเป็นที่ปรึกษาฝ่ายจัดการ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)ขึ้นชื่อเรื่องเป็นมือการตลาดของซิเมนต์ไทย
เป็นเครือซิเมนต์ไทยอันมีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นกิจการที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
#ประมณฑ์ สุธีวงศ์ ลูกหม้อซิเมนต์ไทย ประธานหอฯคนก่อน ซึ่งออกมากันรันตีว่าพงษ์ศักดิ์จะได้เป็นประธานคนใหม่ ( ดูลิ้งค์ )แต่สถานการณ์พลิกต้องได้คนของเครือซิเมนต์ไทยเป็นประธานต่อ
ก่อนหน้าดุสิตนั้น ประธานหอการค้าไทยชื่อ ประมนต์ สุธีวงศ์ โดยเขามีโควต้ามาจากการเป็นประธานคณะกรรมการโตโยต้าประเทศไทย และเป็นคนไทยคนแรกที่เป็นประธานโตโยต้า
เขาเก่งกล้าสามารถมาจากไหน? หากใครรู้จักบริษัทญี่ปุ่นดีก็จะพบว่าเขาใช้คนญี่ปุ่นเป็นประธานทั้งนั้น หรือไม่งั้นก็ต้องเรียนจบญี่ปุ่น เหมือนพรรคพวกผมที่อยู่ช.การช่างทำกับพวกกูมาไกกูมิ ต้องจบญี่ปุ่น ไม่งั้นหมดสิทธิ์ แต่ประมนต์นี่จบตรี โทจากเมกา...อ้าวแล้วมันมายังไงของมัน อัจฉริยะเหรอ..
คำตอบคือพอดีว่าประมนต์มาจากเครือซิเมนต์ไทย
นายประมณฑ์เป็นลูกหม้ออยู่ที่เครือซิเมนต์ไทยมาแต่หนุ่มยันเกษียณในปี2542 ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย..ปูนซิเมนต์ไทยที่มีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ถือหุ้นใหญ่นั่นเอง
เครือซิเมนต์ไทยถือหุ้นใหญ่ในโตโยต้าประเทศไทย 10% เช่นเดียวกับบริษัทจากต่างประเทศที่มาลงทุนในไทยโดยทั่วไปที่เครือสำนักงานทรัพย์สินฯจะได้รับเกียรติให้เข้าไปร่วมถือหุ้นด้วยในฐานะเจ้าบ้านที่ดี รวมทั้งกรณีของรถไถนาคูโบต้า รถไถนาเดินตามที่มียอดขายสูงสุดในเมืองไทย ก็มีทรัพย์สินเข้าไปถือหุ้น 10 %
เมื่อควายเหล็กบุกหนัก ไปที่ไหนก็เลยมีแต่คูโบต้า จนดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิชัยพัฒนาต้องไปรณรงค์ใช้ควายจริงไถนาในตอนนี้ นะแหละครับ..
นายประมณฑ์ก็เช่นเดียวกับพ่อค้าใหญ่ของไทยทั่วไปคือมีลักษณะของการนำเงินไปผนวกกับปืนแล้วกลายเป็นอำนาจอันยากจะท้าทาย ในการรัฐประหาร19กันยายน เขาได้ตำแหน่ง สนช.อย่างที่ไม่ต้องเดาให้ยาก
ใขณะที่ต่อต้านขับไสรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง นายประมณฑ์เคยเชียร์องคมนตรีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มาเป็นนายกฯหลังการรัฐประหาร19กันยาฯว่า
"ท่านเป็นคนดี เป็นที่เคารพนับถือ มีผลงานในอดีตเป็นที่ยอมรับ จึงเหมาะสมกับตำแหน่งนายกฯ"
ส่วนตอนดันมาร์คเป็นนายกฯก็มีประมนต์ลงนามในแถลงการณ์ประมาณนี้แหละ" พวกแม้วเป็นนายกฯมา2คนแล้วยุ่งชิบหาย ให้มาร์คเป็นมั่งเหอะ พวกพ่อค้าจะได้ทำมาหากินสงบสุข"
สันติ วิลาสศักดานนท์ คนสหพัฒน์ สปอนเซอร์หลักพันธมิตร-เนชั่ว
#สันติ วิลาสสักดานนท์ คนค่ายสหพัฒน์ สปอนเซอร์ใหญ่พันธมิตร
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีสำคัญในเรื่องดันมาร์คเป็นนายกฯ..คนนี้เป็นใคร?
แน่นอนว่าเขาไม่ได้กินตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เฉยๆ แต่ยังเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง(SPI)บริษัทในเครือสหพัฒนพิบูล ยักษ์ใหญ่ที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคขายคนไทยมานานหลายทศวรรษ เป็นสหพัฒน์ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากมาหลายปีจากการถูกพวกโมเดิร์นเทรด อย่างคาร์ฟู โลตัสเล่นงาน อ่วมแอ้ระแน้
วงจรธุรกิจที่ขายสินค้าป้อนโชห่วยที่เป็นขุมสมบัติมาแต่ยุคเจ้าสัวเทียม โชควัฒนา กำลังยอบแยบ จนกระทั่งณรงค์ โชควัฒนา ลูกชายเจ้าสัวเทียมคนที่4 ต้องออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในการต่อต้านการขยายตัวของห้างโมเดิร์นเทรด เป็นการเคลื่อนไหวที่แนบแน่นอย่างยิ่งกับพันธมิตรของสนธิ ลิ้มทองกุล และว่ากันว่าสหพัฒน์เป็นสปอนเซอร์หลักของพันธมิตร
ทั้งสันติ และณรงค์ยังมีสายสัมพันธ์ในลักษณะเอาเงินไปเชื่อมกับปืนและเป็นอำนาจอำมาตยาฯของสังคมไทย จึงไม่แปลกที่ทั้งสองได้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช. )ในยุคที่คมช.ทำรัฐประหารสำเร็จในปี2549
สหพัฒน์จัดงานใหญ่ซุปเปอร์แกรนด์เซลทุกปี และทุกปีจะมีเครือเนชั่นจัดอีเว้นต์เป็นออกาไนเซอร์ให้ แล้วเปรมก็ต้องไปเปิดงานทุกปี มีอยู่ปีที่มีรูปน้ำลายหกเรี่ยราดใส่หนุ่มหล่อล่ำที่สหพัฒน์จัดไปต้อนรับเอาใจนั่นไง
ส่วนคนสุดท้ายคืออภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย
คนนี้ไม่ค่อยมีเหี้ยอะไรเด่นนัก เข้าใจว่าเป็นแบงก์เกอร์จากแบงก์ของรัฐคนแรกนะที่ได้เป็นประธานสมาคมธนาคารไทย ก่อนนี้จะเป็นนายแบงก์จากธนาคารพาณิชย์ภาคเอกชนทั้งหมด
อภิศักดิ์ก็เรียนจบวปอ.เหมือนประมนต์ เหมือนสันติ สภาหอ สภาอุต แต่โทษทีไปนั่งตรงไหนก็บังเอิ๊ญว่า ชิบหายตรงนั้น ทั้งบงล.ไอเอฟซีที บรรษัทไอเอฟซีที แบงก์บีบีซี แบงก์นครหลวง ล่าสุดกรุงไทย ผมหละหวั่นใจว่าเดี๋ยวจะซวยไปอีกรายอยู่เนี่ย. .
ทั้ง3ตัวสภา สมาคมนี่จะพบว่าเป็นตัวแทน หรือมือปืนนั่นแหละ ตัวจริงหลังฉากก็อีกเรื่อง
ตัวจริงเสียงจริงใหญ่สุดทางแบงก์ก็เจ้าสัวชาตรี ป๋าแกก็รัดคอตีเข่าอยู่หมัดมาตั้งแต่มีวปรอ. ใหม่ๆโน่นแล้ว ใหญ่ทางการค้าก็พวกเครือซิเมนต์ไทย ไม่รู้ใครเป็นเจ้าของ ผมชักลืมๆเหมือนกัน ใหญ่ทางอุตสาหกรรมการค้าอุปโภคบริโภคก็เจ้าสัวธนินท์แล้วก็สหพัฒน์ พวกนี้ก็ต้องทำมาหาแดกกับเจ้ากับนายกับเจ้าของประเทศตัวจริงกันทั้งนั้น
แล้วพ่อค้าใหญ่เออออ เห็นดีเห็นงามไปตามๆกันไหม คำตอบคือไม่ทั้งหมด แต่มีแนวโน้มไปอย่างนั้น..อันนี้มันมีเหตุ
ความจริงคติไทยว่า10พ่อค้าไม่เท่า1พญาเลี้ยง พวกอำมาตย์จะหมิ่นแคลนพ่อค้าเอามากแต่ก่อนนะ แต่เกิดparadigm shiftเอาตอนป๋าเปรมเป็นนายกฯ
ไอเดียป๋าคือทำไงให้ทุนบวกปืนแล้วเป็นพลังมหาศาล เพื่อการซาบซึ้งอย่างหาที่สุดมิได้ ก็เกิดสิ่งที่เรียกว่า วปรอ. หรือวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐและเอกชนขึ้น รุ่นแรกๆที่มาเรียนก็อย่างพวกเจ้าสัวชาตรี แบงก์กรุงเทพฯอะไรงี้
พ่อค้าต้องระดับของจริงเท่านั้นถึงได้มาเรียนที่นี่ ก็มาเรียนกับพวกนายพล เรียนกันปีกว่า เรียนกันแทบทุกวัน ตอนแรกก็เข้าค่ายลูกเสือละลายพฤติกรรม เรียนรู้กินนอน ไปเที่ยวดูงานเมืองนอกด้วยกัน ทำรายงานด้วยกัน ตกเย็นกินข้าว เสาร์อาทิตย์ตีกอล์ฟ ตกค่ำตีหม้อด้วยกัน มันก็เกิดการสร้างคอรัปชั่น เอ๊ย!คอนเน็คชั่นระหว่างเงินกับปืนขึ้นมา
หลังๆสถาบันพระปกเกล้าของดร.ปื๊ด-บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ก็มีหลักสูตรคล้ายๆวปอ.นี่ขึ้นมาเหมือนกัน เอาพวกนายพล พวกพ่อค้าใหญ่ พวกนักวิชาการ เอ้นจีโอตัวเป้ง สื่อตัวพ่อตัวแม่ทั้งหลายไปสุมหัวสร้างคอรัปชั่น เอ๊ย!คอนเน็คชั่นกันขึ้น มันก็เป็นการเลื่อนไหลทางสังคมแบบไทยๆ ให้คนที่ว่ามีเงิน มีอำนาจ มีปืน มีสื่อในมือ มีปากพูด มีคนฟังมารวมตัวกัน แล้วก็ออกมาอย่างที่เห็นๆคือรวมก๊วนรวมแก๊งกันเสร็จ ก็เล่นพวกกันชิบหายเลยเมืองไทย
พวกนี้ก็จะสร้างคอนเน็คชั่นกันไป เช่น พอทหารทำปฏิวัติรัฐประหาร ก็เอาพวกพ่อค้าเพื่อนร่วมรุ่นไปเป็นรัฐมนตรี ไปเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ เอาไปนั่งเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจหาเงิน เพราะทหารหาเงินไม่เป็น...เส้นทางมันก็จะรวมกรรมเฉพาะกิจกันแบบนี้
นี่คือลักษณะที่ว่าเป็นเอกลักษณ์แบบไทยๆ หากคุณหวังว่าจะเกิดการปฏิวัติของกฎุมพี หรือของพวกพ่อค้า มึงก็ฝันไปเหอะ เพราะตอนนี้เงินกับปืนมันเสพสังวาสเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว
เสพสังวาสกันจนตกลูกออกมาเป็น"ประชาธิปไตยแบบไท้ยไทย"...เอวัง!
อย่าพลาดซีรีส์สุดมันส์ในชุดนี้ตอนที่ผ่านมา
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่1):เอ็นโตดี NGO พวกเขาไม่ได้โง่และไม่ได้บ้าแต่ว่าเพี้ยน..
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่2):ยอยศการเมืองภาคประชาชน นาฏกรรมบนลานกว้าง
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่3):ในนามของการหยุดทำร้ายประเทศไทย พวกเขาออกใบอนุญาตฆ่าผู้เรียกร้องประชาธิปไตย
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่4):NGO-เอ็นโตดี ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่5):ผลสำรวจเบื้องหลังคนทำโพลล์
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่6):ใครสั่งโค่นเหลี่ยม?
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่7):Conspiracy theoryชู้รักเลดี้แชตเตอร์ลีย์
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่8):ฉากและบางถ้อยคำสำคัญวันยึดอำนาจ
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่9):Between the lineของระบอบเทวดา
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่10):ตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก
ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่11):กลุ่มกษัตริย์นิยมกับประชาธิปไตยแบบไท้ยไทย
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่12):มหาลัยใหญ่โตเหวย! มืดจริงหนอสถาบันอันกว้างขวาง
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่13):นักศึกษาประชาชนและมวลชนผู้ขมขื่น รวมกันหยัดยืน..
00000000
บทความเกี่ยวเนื่อง:ซีรีส์สุดมันส์รวมฮิตลากไส้สื่อเห้เสร็จแล้ว เชิญโหลดกระจาย