WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, July 7, 2010

เสื้อแดงประจานรัฐจับขังเกิน30วัน-กินข้าวมื้อเดียว-ยึดทรัพย์สิน

ที่มา โลกวันนี้


เรื่องจากปก
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2834 ประจำวัน อังคาร ที่ 6 กรกฏาคม 2010
โดย -

แนวร่วมเสื้อแดงที่ถูกทหารนำมาปล่อยตัวกลางเมืองกาญจนบุรีแฉถูกกวาดต้อนขึ้นรถขณะยืนรอรถกลับบ้านตามประกาศ ศอฉ. ว่าหากออกจากพื้นที่ชุมนุมจะไม่มีความผิด เผยถูกนำเข้าค่ายทหารที่เมืองกาญน์ เวลากลางคืนคนควบคุมไม่แต่งเครื่องแบบยึดทรัพย์สินมีค่าไปหมด ให้กินข้าววันละแค่มื้อเดียว ตอนปล่อยใช้ผ้าดำผูกตาก่อนนำตัวออกมาจึงไม่รู้สถานที่คุมขัง คาดมีเสื้อแดงอีกกว่า 50 คนยังถูกควบคุมอยู่ ที่ปรึกษาองค์การฮิวแมนไรท์วอทช์จี้คณะกรรมการสิทธิฯตรวจสอบเพื่อช่วยเหลือคนที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ ชี้ขังเกิน 30 วันผิดกฎหมาย วิธีการควบคุมผิดหลักสิทธิมนุษยชนร้ายแรง สหรัฐทนเห็นสภาพประเทศไทยไม่ได้ ให้งบ 930 ล้านบาทใช้พัฒนาประชาธิปไตย

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค พร้อมด้วย พล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย นำประชาชนที่ถูกทหารจับตัวไปคุมขังไว้ที่จังหวัดกาญจนบุรีเมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ประกอบด้วย นายนาม วันดี อายุ 75 ปี อดีตกรรมการห้ามมวย ชาวจังหวัดนนทบุรี นายประยงค์ อยู่เอี่ยม อายุ 61 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัย ชาวกรุงเทพฯ นายอุบล สุขโข อายุ 52 ปี ชาวสมุทรปราการ นายประสาท อาจผักปรัง อายุ 49 ปี นายรุ่งโรจน์ เพ็งเส็ง อายุ 35 ปี ชาวพระนครศรีอยุธยา นายอัฒพงษ์ สรรพศรี นายนวล โชคเจริญ และนายพันธ์ศักดิ์ ฉิมพลี ชาวนาจากจังหวัดขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าว

เผยถูกกวาดต้อนไปจากศาลาแดง

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวที่จังหวัดกาญจนบุรีมาร้องเรียนกับพรรคเพื่อไทยผ่านทางญาติและเพื่อนว่าพวกเขาถูกจับตัวไปตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. จากบริเวณสามแยกศาลาแดงและลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 โดยมีการกวาดต้อนผู้ชุมนุมขึ้นรถไปร้อยกว่าคน และถูกนำไปขังไว้ที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีทั้งเด็ก คนแก่ และวัยรุ่น

“มี 8 คนหนีออกมาได้และมาร้องเรียนกับพรรคก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย นายสมชาย วิเชียรศรี ชาวเพชรบูรณ์ นายมนัส สุวรรณโณ ชาวสงขลา นายสุชาติ หลังพุด ชาวพระนครศรีอยุธยา นายชำนาญ พรมมา ชาวหนองบัวลำพู นายเฉลิม ใจงาม ชาวขอนแก่น นายวิเชียร บุญตาหลงชาว ชาวขอนแก่น และอีก 2 คนไม่ขอเปิดเผยชื่อ เกรงว่าจะได้รับอันตราย เขาหนีออกมาได้เพราะมีพระรูปหนึ่งที่ถูกจับไปด้วยให้ความช่วยเหลือ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยได้ให้ ส.ส.กาญจนบุรีของพรรคทั้ง 2 คนคือ พล.ท.มะกับ พล.ต.ศรชัย มนตริวัตร ประสานช่วยเหลือ”

30 คนถูกนำมาปล่อยให้กลับบ้านเอง

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ชุดที่ 2 ที่ออกมาได้เพราะถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้ที่หน้าวัดโพธิสัตย์บรรณพต อำเภอเมืองกาญจนบุรี จำนวน 30 คน ทั้งหมดไม่รู้สถานที่คุมขังเนื่องจากถูกปิดตาตลอดการเดินทาง เมื่อทราบข่าวจึงประสานพาตัวมาที่พรรคเพื่อนำไปยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

แฉขังเกิน 30 วันให้กินข้าววันละมื้อ

“ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินให้อำนาจควบคุมตัวได้เพียง 30 วัน แต่นี้จับไปตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. ปล่อยออกมาวันที่ 4 ก.ค. เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ทรัพย์สินที่ติดตัวไป เช่น โทรศัพท์มือถือก็ถูกยึด ให้กินอาหารวันละมื้อ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินเกินความจำเป็น ละเมิดสิทธิอย่างร้ายแรง เป็นการกระทำอันไม่สุจริต น่าจะผิดกฎหมาย ไร้มนุษยธรรม สมควรถูกประณาม พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้ปล่อยตัวประชาชนที่ยังถูกควบคุมอยู่ไม่ว่าที่ไหน เพราะเลยกำหนดควบคุมตัวตามกฎหมายแล้ว หากไม่ปล่อยตัวเกรงว่าคนเหล่านี้อาจถูกทำให้สาบสูญ” นายพร้อมพงศ์กล่าวพร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการนำประชาชนที่ถูกควบคุมตัวที่จังหวัดกาญจนบุรีมาปล่อยน่าจะเกิดจากความแตกแยกของคนในกองทัพที่ต้องการประจานรัฐบาล

ถูกจับขณะยืนรอรถกลับบ้าน

ทั้งนี้ หนึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกปล่อยตัวเปิดเผยว่า ถูกจับกุมระหว่างกำลังรอรถกลับบ้าน ตามที่รัฐบาลและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ประกาศให้ออกจากที่ชุมนุมแล้วจะจัดรถให้กลับบ้าน แต่กลับโดนทหารไล่ขึ้นรถและนำไปที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นค่ายทหารใด เพราะช่วงที่ถูกควบคุมไปเป็นเวลากลางคืน และตอนถูกปล่อยตัวก็มีผ้าสีดำปิดตาเอาไว้ แต่คาดว่าระหว่างทางจากค่ายถึงวัดในอำเภอเมืองใช้เวลาเดินทางไม่น่าจะเกิน 1 ชั่วโมง

คนคุมไม่แต่งเครื่องแบบยึดทรัพย์สิน

“คนที่ควบคุมตัวไม่ได้ใส่เครื่องแบบทหารนำทรัพย์สินมีค่าไปทั้งหมด และให้อาหารรับประทานเพียงแค่วันละมื้อเท่านั้น แต่พวกเขาไม่ได้ทำร้ายร่างกายหรือใช้อาวุธข่มขู่ ซึ่งระหว่างที่พวกตนออกมานั้นในค่ายดังกล่าวยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมอีกกว่า 50 คนที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว” หนึ่งในผู้ชุมนุมระบุ

พล.ท.มะกล่าวว่า ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ว่ามีการปล่อยตัวกลุ่มคนเสื้อแดงจึงส่งรถไปรับ คิดว่าการปล่อยตัวครั้งนี้มีเงื่อนงำ เพราะเป็นการปล่อยตัวในที่ชุมชน เสมือนว่าต้องการให้เป็นข่าวว่ายังมีกลุ่มคนเสื้อแดงถูกคุมขังอยู่ที่นั่นอีก การปล่อยตัวแบบนี้อาจแสดงให้เห็นว่ากองทัพกำลังเกิดความแตกแยก

จี้กรรมการสิทธิฯตรวจสอบ

นายสุนัย ผาสุก นักวิชาการอิสระและที่ปรึกษาองค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า การควบคุมผู้ต้องหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นที่สนใจขององค์การฮิวแมนไรท์วอทซ์ เพราะเป็นการควบคุมตัวที่ไม่ได้แจ้งและมีหลักประกันว่าคนเหล่านั้นจะได้พบญาติหรือไม่ การควบคุมตัวก็ไม่ได้ทำโดยเจ้าหน้าที่เฉพาะ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดหลักมนุษยชน เรื่องนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ต้องพิจารณาอย่างเร่งด่วน

ต้องปล่อยคนที่ไม่มีข้อหาทั้งหมด

“ผมคิดว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติควรไปตรวจสอบ เพราะขณะนี้ไม่มีใครรู้เลยว่ามีประชาชนถูกควบคุมตัวอยู่ที่ค่ายทหารในจังหวัดกาญจนบุรี ดังนั้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติควรไปตรวจสอบยอดบุคคลว่ามีผู้ถูกควบคุมตัวอยู่เท่าไร และถูกควบคุมตัวกี่วันแล้ว เพราะการควบคุมตัวหากเกิน 30 วันต้องมีการตั้งข้อหา ไม่เช่นนั้นจะต้องมีการปล่อยตัวออกมา” นายสุนัยกล่าว

สหรัฐยื่นมือช่วยพัฒนาประชาธิปไตย

ด้านสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา (ยูเสด) ที่จะให้งบประมาณสนับสนุนการเสริมสร้างประชาธิปไตยในประเทศไทย ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่ไม่ได้ให้งบช่วยเหลือด้านนี้ เนื่องจากมองว่าเหตุการณ์ในประเทศไทยหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกจนเป็นอันตรายต่อการพัฒนาประชาธิปไตย

ให้ 930 ล้านทำโครงการ 3 ปี

ทั้งนี้ ยูเสดให้ว่าจ้างบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งของสหรัฐรับงานนี้ และบริษัทดังกล่าวกำลังมองหาบริษัทในประเทศไทยรับงานต่ออีกทอดหนึ่ง โดยจะใช้เวลาดำเนินโครงการ 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 930 ล้านบาท การดำเนินโครงการจะมุ่งไปที่การศึกษาวิจัยองค์กรอิสระที่สำคัญของประเทศไทย เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และองค์กรอิสระอื่นๆที่สำคัญ โดยวิเคราะห์ถึงสภาพปัญหา สิ่งแวดล้อมทางสังคมและการเมือง ตลอดจนเครื่องมือในการทำงานขององค์กรอิสระต่างๆ และการเชื่อมโยงการทำงานกับองค์กรภายนอก

หลายประเทศจะให้งบช่วยเพิ่ม

ส่วนรูปแบบการทำงานจะเป็นการสำรวจความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชนและองค์กรประชาสังคมต่างๆทั่วประเทศ ก่อนสรุปออกมาเป็นแนวทางพัฒนาประชาธิปไตยไทย อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่านอกจากสหรัฐแล้วยังมีประเทศใหญ่ๆอีกหลายประเทศจะให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย