WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, July 8, 2010

ศรัทธา ความเชื่อมั่น ภายใต้เงา พ.ร.ก. "ฉุกเฉิน" ต่อรัฐบาล "อภิสิทธิ์"

ที่มา ข่าวสด


หากใครติดตามการถาม-การตอบระหว่าง นักข่าว กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่อประเด็นการต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 3 เดือน

จะมองเห็น "แง่ง" จะมองเห็นปม "เงื่อน"

ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ว่า การต่ออายุพ.ร.ก.ออกไปจะสามารถทำให้ยุติการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลได้อย่างราบคาบหรือไม่

ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ไถลออกไปไกลถึงกรณีการยิงจรวดอาร์พีจีเข้าใส่ถังน้ำมันของกรมพลาธิการทหารบกในลักษณะและทิศทางที่ว่า "หลายฝ่ายรวมทั้งสื่อมวลชนเห็นว่าเป็นการสร้างสถานการณ์"

เป็นแง่งที่ไม่แน่ใจว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉินจะสามารถคืนความสงบเรียบร้อยให้ได้จริง เป็นเงื่อนปมที่คลางแคลงใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามิได้เป็นเรื่องจริง หากแต่เป็นการสร้างขึ้นโดยคนจากฝ่ายรัฐบาล

เป็นการสร้างเพื่อเป็นเงื่อนไขในการต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก

หากมองบนพื้นฐานทฤษฎี "ภาพลวงตา" จากบทสรุปของ นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

ก็อาจเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา

กระนั้น หากมองจากสภาพความเป็นจริงที่รัฐบาลเป็นผู้กุมกลไกแห่งอำนาจรัฐ ทั้งยังเป็นการกุมกลไกอำนาจบนพื้นฐานแห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินอันถือได้ว่าเป็นกฎหมายพิเศษ

แม้จะเป็น "ภาพลวงตา" ก็เป็นเรื่องน่าวิตก

เพราะว่าการมีพ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ในฐานะเป็นเครื่องมือ เหมือนกับว่ารัฐบาลอยู่ในฐานะเป็นฝ่ายได้เปรียบ อยู่ในฐานะเหนือกว่าทุกองคาพยพที่ดำรงอยู่ในสังคม

แต่คำถามที่เสนอเข้ามาก็คือ แล้วเหตุใดคนไม่เชื่อถือกับแถลงจากรัฐ

อย่างเช่นคำแถลงจากรัฐที่ว่าการยิงจรวดอาร์พีจีเข้าใส่คลังน้ำมัน กรมพลาธิการทหารบกเป็นการกระทำของฝ่ายที่ไม่หวังดี การลอบวางระเบิดที่พรรคภูมิใจไทยเป็นเรื่องของเสื้อแดง

แต่ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยรับฟังแล้วไม่ยอมเชื่อ หากมากด้วยความคลางแคลงใจ

ความคลางแคลงใจ ประการหนึ่ง มาจากการไม่สุกงอมและเห็นด้วยกับการคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ในฐานะเครื่องมือ

ดังที่ศูนย์วิจัยกรุงเทพ พบว่ามีคนกทม.ถึงร้อยละ 62.5 ต้องการให้ยกเลิก

ดังที่คณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเห็นว่า การต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปจะเป็นผลเสียต่อรัฐบาลเอง

ขณะเดียวกัน ความคลางแคลงใจประการหนึ่งมาจากความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาล

นั่นก็คือ ไม่เชื่อมั่นต่อคำแถลงจากนายกรัฐมนตรี ไม่เชื่อมั่นต่อคำแถลงจากรองนายกรัฐมนตรี ไม่เชื่อมั่นต่อเหตุผลที่ศอฉ.ให้มา

เห็นว่าเรื่องหลายเรื่องเป็นการกระทำในลักษณะสร้างสถานการณ์

เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อรักษาอำนาจอันเบ็ดเสร็จเอาไว้ทำลายล้างอีกฝ่ายอย่างไม่เป็นธรรม

ความรู้สึกอย่างนี้หากขยายกรอบและขอบเขตออกไปมากเท่าใดก็ยิ่งเป็นเรื่องน่ากลัว

การคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปอีก 3 เดือนสะท้อนการมองอย่างด้านเดียวของรัฐบาล

นั่นก็คือ มองแต่ในส่วนที่ตัวเองมีเครื่องมือในการจัดการอีกฝ่าย อันเป็นเรื่องได้ แต่มิได้มองว่าภายในเรื่องได้ก็ย่อมจะมีเรื่องเสียอันเป็นด้านลบดำรงอยู่อย่างมิอาจปฏิเสธได้

นั่นก็คือ ด้านที่เป็นเผด็จการ ด้านที่ใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม