ที่มา Thai E-News
อ้อ-อ้ายสายลับ -"อ้อ"วริศรียาถูกกัมพูชาควบคุมตัวพร้อม"อ้าย"ส่งตัวให้ทางการไทยข้อหาเป็นแก๊งระเบิดพรรคภูมิใจไทย โดยDSIปฏิบัติต่อผู้ต้องหาทั้งสองในระดับVIP ล่าสุดจตุพร พรหมพันธุ์ ได้กล่าวหาว่าทั้งสองเป็นสายลับให้รัฐบาลแม่งาน -วริศรียา ซึ่งมีบทบาทในการระดมทุน 300 ล้านบาทสร้างหอเฉลิมพระเกียรติราชาภิเษกสมรส ให้สัมภาษณ์สื่อว่า"เราออกแบบหอเฉลิมพระเกียรติฯ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว พัฒนาแบบมาเรื่อยๆ แต่ไทยมีปัญหาด้านการเมืองเมื่อ 3 ปีที่แล้ว พอบ้านเมืองสงบเราจึงนำโครงการนี้มาสานต่อ เพราะเป็นวาระที่สมควรแล้ว"
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา ไทยทาวน์ยูเอสเอ
7 กรกฎาคม 2553
จตุพรซัดอ้อ-อ้าย สายลับรัฐบาล หวังล่ากี้ร์-แรมโบ้
จตุพร พรหมพันธุ์ ซัด อ้อ-อ้าย สายลับรัฐบาล ชี้เหตุถูกทางการกัมพูชา ส่งตัวให้ไทย เพราะแฝงตัวไปหวัง สืบหา อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และ สุพร อัตถาวงศ์ ยัน 4 ผู้ต้องหาบึมภูมิใจไทย ไม่ใช่การ์ด นปช.
นายจตุพร ยังกล่าวถึงการจับกุมตัวสองผู้ต้องหาก่อวินาศกรรมพรรคภูมิใจไทยที่ทางการเขมรส่งตัวกลับมา ว่า ได้เจรจากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกัมพูชาตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.แล้ว ทำให้เกิดความสงสัยในพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้งสอง ว่าหลังจากทั้งสองเข้าไปประเทศกัมพูชาแล้ว มีการกล่าวอ้างว่า ต้องการพบตัวแกนนำ นปช.เช่น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายสุพร อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้ อีสาน จะไปพบกันได้ที่ไหน ทางการกัมพูชา เกรงว่าจะเป็นการส่งสายลับมาหรือไม่
นอกจากนี้ มีการกล่าวอ้างว่า กลุ่มแกนนำ และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา ส่งผู้ต้องหาทั้งสองไป เป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะ พ.อ.อภิวันท์ ปฏิเสธไม่รู้จักผู้ต้องหาทั้งสอง ทางการกัมพูชา จึงสงสัยต่อพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้งสอง เนื่องจากกัมพูชาเคยปฏิเสธแล้วว่า นายอริสมันต์ และนายสุพร ไม่ได้อาศัยในประเทศ เมื่อลำดับเหตุการณ์ระเบิดที่พรรคภูมิใจไทย ด้วยรถเข็นเงาะ ได้ค่าจ้างแค่สองพันบาทเป็นเหมือนนิยาย คดีนี้จึงน่าสงสัยว่าเป็นการจัดฉากอย่างชัดเจน ตนไม่เคยรู้จักผู้ต้องหาทั้งสอง และยืนยันว่าผู้ต้องหาอีก 2 คนที่ถูกจับตั้งแต่แรกไม่ใช่การ์ด นปช.แหลมฉบัง พวกนี้ไม่ใช่แนวร่วมเดียวกันตนจึงไม่กลัวว่าจะเสียแนวร่วม เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นรัฐบาลคือผู้ได้ประโยชน์ ขณะที่พวกตนเสียประโยชน์
พลิกแฟ้มข่าว"อ้อ"ไม่ธรรมดาเคยหาทุนเฉลิมพระเกียรติ300ล้าน
พลิกแฟ้มข่าว"อ้อ"วริศรียา บุญสม ซึ่งถูกจับกุมที่เขมรโดยทางการระบุเป็น"เสื้อแดง"แก๊งระเบิดพรรคภูมิใจไทยนับว่า ไม่ธรรมดา โดยเธอเคยให้สัมภาษณ์หนังสือไทยทาวน์ยูเอสเอว่า เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนราว 300 ล้านบาทเพื่อสร้างหอเฉลิมพระเกียรติราชาภิเษกสมรส
ไทยทาวน์ยูเอสเอนำเสนอข่าว 'หอเฉลิมพระเกียรติราชาภิเษกสมรส' สัญลักษณ์แบบอย่างแห่งการครองเรือน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ในปี พ.ศ. 2553 นับเป็นวโรกาสมหามงคลยิ่งอีกวาระหนึ่งของปวงชนชาวไทย เนื่องจากเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 64 ปี
และยังเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงราชาภิเษกสมรสครบ 60 ปี (28 เม.ย. 2553) นับเป็น “แบบอย่างของการครองเรือน” ที่ดี และเป็น “เอกอัครศาสนูปถัมภก” ที่พระเกียรติคุณเป็นที่ชื่นชมไปทั่วโลก
ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิ 5 ธันวามหาราช จึงสานต่อจัดโครงการสร้าง “หอเฉลิมพระเกียรติราชาภิเษกสมรส” ที่เดียวในโลก ที่จะเป็นสถานที่รวบรวมพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจทุกด้านของทั้งสองพระองค์ ที่ทรงตรากตรำพระวรกายในการช่วยเหลือพสกนิกรชาวไทยให้อยู่เย็นเป็นสุขโดยเฉพาะเนื้อหาซึ่งพระองค์ทรงครองสมรสอย่างยาวนาน อันเป็นแบบอย่างของการสร้างครอบครัวที่อบอุ่นแก่พสกนิกรชาวไทยที่ควรนำไปประพฤติปฏิบัติ
หอเฉลิมพระเกียรติฯ นี้ ด้านบนจะสร้างเป็นหอสูงเพื่อประดิษฐานระฆังจำลองทำจากทองคำคู่ ที่ทำเนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองที่ทรงราชาภิเษกสมรสครบ 50 ปี โดยองค์ระฆังจริงได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายทั้งสองพระองค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าเมื่อการสร้างแล้วเสร็จ สถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ตัวแทนความรักที่ยิ่งใหญ่ของทั้งสองพระองค์ และจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมืองไทย
“เมื่อ 10 ปีก่อน 28 เม.ย. 2543 เราจัดให้มีพิธีเฉลิมฉลอง 50 ปี ราชาภิเษกสมรส ในครั้งนั้นมีกิจกรรมการหล่อระฆังทองคำคู่ ประกอบด้วย ระฆังมหาราชา มีพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และระฆังราชินี มีพระนามาภิไธย ส.ก. ทำจากทองคำแท้ หนักลูกละ 50 บาท ขนาดความสูง 9 ซม. ความกว้าง 5.9 ซม. เพื่อทูลเกล้าฯถวายทั้งสองพระองค์
ในโอกาสเดียวกันนั้น เราได้หล่อระฆังทองคำจำลอง 2 ลูก (ปิดทองคำเปลว) สูง 139 ซม. กว้าง 59 ซม. เหมือนของจริง เว้นแต่ขนาด ซึ่งระฆังจำลองคู่ที่ยังไม่ได้นำไปประดิษฐาน เนื่องจากยังไม่มีสถานที่ก่อสร้างหอระฆังที่เหมาะสม จึงเก็บรักษาไว้ที่วัดระฆังโฆสิตาราม เมื่อหอเฉลิมพระเกียรติฯ แล้วเสร็จ จะนำระฆังจำลองทองคำขึ้นประดิษฐาน” ดร.จรินทร์ สวนแก้ว ประธานมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช กล่าว
ด้วยงบประมาณในการจัดสร้างหอเฉลิมพระเกียรติราชาภิเษกสมรสมากถึง 300 ล้านบาท คณะจัดทำหอเฉลิมพระเกียรติฯ จึงจัดทำที่ระลึกพิเศษ “พระสมเด็จพุทธรัตนมณี” ทำจากเพชรแท้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์และวงการพระเครื่องไทย มอบให้แด่ผู้สมทบทุนมูลค่า 189,999 บาทด้วย
วริศรียา บุญสม หนึ่งในคณะกรรมการจัดหารายได้ก่อสร้างโครงการหอเฉลิมพระเกียรติฯ เล่าว่า “พระสมเด็จพุทธรัตนมณี” ถือเป็นพระที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด จัดทำเป็นที่ระลึกสำหรับผู้ที่สมทบทุนสร้างหอเฉลิมพระเกียรติฯ มูลค่า 189,999 บาท จะได้รับพระสมเด็จพุทธรัตนมณี ฝังเพชรแท้ พระปางสมาธิทองคำ ถือเป็นอมตะพระเครื่องชั้นสูง มีคุณค่าทางจิตใจ ประดับด้วยมณีรัตนชาติ 3 ชนิด ได้แก่ เพชร เอกแห่งรัตนะทั้งปวง บุษราคัม อัญมณีที่ทรงพลังและความเมตตา และไพลิน อัญมณีแห่งสวรรค์จิตใจมั่นคงตั้งอยู่ในความดีงาม กับโลหะชาติอีก 1 ชนิด คือ ทองคำ ซึ่งถือว่าเป็นราชาแห่งโลหะ สัญลักษณ์แห่งโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง จัดทำจำนวนจำกัดเพียง 5,999 องค์เท่านั้น ไม่มีการจำหน่าย
“สำหรับพระสมเด็จพุทธรัตนมณีทองคำ ประดับด้วยอัญมณีรัตนชาติทรงซุ้มระฆังบนบัลลังก์เมฆ ประดับเพชรกรอบล้อมรอบองค์พระ ลักษณะ ทรงซุ้มระฆังทำจากทองคำ 18K น้ำหนักเนื้อทองโดยประมาณ 25 กรัม ซุ้มระฆังขอบรอบนอกประดับไพลินยอดซุ้มด้านหน้าประดับด้วยบุษราคัม ตัวองค์พระประดับเพชร จำนวน 60 เม็ด ฐานบัลลังก์เมฆประดับเพชร จำนวน 134 เม็ด น้ำหนักโดยรวมอยู่ระหว่าง 1.558 กะรัต โดยมีการรับรองคุณภาพที่ออกโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ(องค์การมหาชน) ด้านล่างใต้ฐานองค์พระมีตราสัญลักษณ์ 5 ธันวามหาราช ด้านหลังองค์พระทำจากทองคำ 18K ประกอบรองลายขัดเงา มีตราสัญลักษณ์ระฆังทองคำคู่ และมีข้อความ “เฉลิมฉลองครบรอบราชาภิเษกสมรส 60 ปี” ใต้ฐานองค์พระมีรหัสหมายเลขกำกับ ซึ่งตรงกับใบรับรองคุณภาพ และที่สำคัญสามารถสลักชื่อผู้จองหรือบุคคลที่ต้องการมอบให้ได้” วริศรียา บอก
หอเฉลิมพระเกียรติราชาภิเษกสมรส 60 ปี
“ระฆัง” เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก พระเกียรติคุณเกริกไกร ดังนั้นจึงต้องหาสถานที่ที่เหมาะสมในการประดิษฐานระฆังทองคำจำลองขึ้น จากการเตรียมงานมานานนับ 10 ปี เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสม ในที่สุดก็ได้สถานที่สร้างหอเฉลิมพระเกียรติฯ จัดสร้างบนเนื้อที่ 9 ไร่ บริเวณมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยาโดยมีคณะกรรมการหลากหลายหน่วยงานร่วมดำเนินการจัดสร้าง อาทิ กระทรวงการคลัง กรมศิลปากร กรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งจะกลายเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งของชาติ เน้นศิลปกรรมร่วมสมัยรัชกาลปัจจุบัน
วริศรียา เล่าว่า หอเฉลิมพระเกียรติฯ สร้างเป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นที่ 1 ประกอบด้วย ห้องแสดงพระราชประวัติห้องแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ สำนักงานมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช และห้องประชุมเล็ก บริเวณชั้น 2 จัดเป็นลานอเนกประสงค์ ห้องนิทรรศการเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก หอระฆังเฉลิมพระเกียรติและห้องประชุมใหญ่
“กว่าจะได้สถานที่ที่เราคัดเลือกหลายแห่งทั้งพื้นที่ที่เหมาะสม ทัศนียภาพ เมื่อปี 2551 เราเพิ่งได้สถานที่ตรงมหาวิทยาลัยสงฆ์ พื้นที่ 9 ไร่ เป็นสถานที่ที่เหมาะสม สงบ ร่มเย็น สามารถจัดพระราชพิธีได้หลายๆ อย่าง พอเราได้ที่ เราจึงมีการออกแบบหอเฉลิมพระเกียรติฯ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว พัฒนาแบบมาเรื่อยๆ แต่ไทยมีปัญหาด้านการเมืองเมื่อ 3 ปีที่แล้ว พอบ้านเมืองสงบเราจึงนำโครงการนี้มาสานต่อ เพราะเป็นวาระที่สมควรแล้ว”
ลักษณะการก่อสร้างอาคารหอเฉลิมพระเกียรติฯ สร้างโดยใช้ศิลปะร่วมสมัยรัชกาลปัจจุบัน
“เราตั้งใจจะสร้างหอเฉลิมพระเกียรติราชาภิเษกสมรส ให้กลายเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของคนไทย การออกแบบอาคารจึงเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะไทยยุคเก่าและยุคใหม่ไว้ด้วยกัน ยุคเก่า เช่น รัตนโกสินทร์ตอนต้นถึงตอนปลาย มีการเปลี่ยนแปลงศิลปกรรมมาตลอด มีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยต่างๆ เป็นระเบียบ มีน้ำพุตั้งประดับตกแต่งอย่างสวยงาม หอนี้ถ้าแล้วเสร็จจะมีความหมายยิ่งต่อคนไทย เพราะไทยเราปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ ทั้งสองพระองค์ได้มีการราชาภิเษกสมรสที่ยาวนานที่สุดในโลก หอเฉลิมพระเกียรติฯ นี้ จะเป็นหอที่แสดงความรักที่ยั่งยืนยง และสถานที่ที่สร้าง 9 ไร่ ใหญ่มาก เวลาที่เครื่องบินจะลงที่สุวรรณภูมิก็จะสามารถเห็นหอเฉลิมพระเกียรติฯ นี้ได้จากมุมสูง เพราะรอบๆ สถานที่ไม่มีอาคารสูงเลยซึ่งเราคาดว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศไทยด้วย” วริศรียา บอก
เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของการก่อสร้างอาคารในครั้งนี้ต้องใช้เงินมากถึง 300 ล้านบาท ทางคณะอนุกรรมการฝ่ายหาทุนสร้าง “หอเฉลิมพระเกียรติฯ” จึงได้มีดำริในการจัดทำ “พระสมเด็จพุทธรัตนมณี” ด้วยเพชรแท้ขึ้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการพระเครื่องในประเทศไทยด้วย ใครสนใจสอบถาม 02-952-7230 ต่อ 238