WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, July 7, 2010

บทวิเคราะห์! เลือกตั้งซ่อมเขต 6 (ตอนจบ)

ที่มา บางกอกทูเดย์



(ต่อจากตอนที่แล้ว)

\เราจะมาพูดกันต่อถึงความเข้มข้นในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 6 ซึ่งเป็นการต่อสู้กันระหว่างสองพรรคใหญ่คือ “พรรคประชาธิปัตย์” กับ “พรรคเพื่อไทย”

โดยมีทิศทางและอนาคตทางการเมืองของประเทศชาติเป็นเดิมพัน
วันนี้มาถึง “เขตหนองจอก” ซึ่งเขตเลือกตั้งที่ 25 เขตนี้เป็นฐานเสียงที่หนาแน่นมากของ “พรรคไทยรักไทย”

เพราะผู้สมัครอย่าง “กำนันมงคล กิมสูนจันทร์” กำนันหนุ่มนักพัฒนาเป็นที่รักของคนหนองจอกมาก
เขาจึงเอาชนะ “นายวสันต์ กระโจมทอง” ของประชาธิปัตย์ได้อย่างไม่ยากเย็น 39,656 ต่อ 24,352 คะแนน

หรือแม้แต่การเลือกตั้งปี 48 กำนันมงคลก็เอาชนะ “นายอนันต์ ฤกษ์ดี” ของประชาธิปัตย์อย่างท่วมท้นถึง 78,296 ต่อ 35,906 คะแนน

สุดท้าย “เขตคลองสามวา” สมัยปี 44 อยู่ในเขตเลือกตั้งที่ 26 ร่วมกับเขตมีนบุรี เป็นการต่อสู้ระหว่างเลือดแม่พระธรณีบีมวยผมด้วยกัน

ระหว่างนักธุรกิจก่อสร้างหนุ่มที่เริ่มเล่นการเมืองท้องถิ่นกับประชาธิปัตย์แต่มาเล่นการเมืองระดับชาติกับไทยรักไทย “วิชาญ มีนชัยนันท์” สู้กับครูจอมเก๋าอดีต ส.ส. หลายสมัยผู้มีฐานเสียงหนาแน่นกับชาวมุสลิม “สมัย เจริญช่าง”

แต่วิชาญก็เอาชนะได้ไม่ยาก 43,274 ต่อ 33,083 ปี 48 วิชาญ ก็เอาชนะ นายประพันธ์ บุษยไพบูลย์ 73,744 ต่อ 43,034 คะแนน

การเลือกตั้งซ่อมเขต 6 คราวนี้ทั้ง สมัย เจริญช่าง และ วิชาญ มีนชัยนันท์ จึงได้รับความไว้วางใจจากพรรคการเมืองต้นสังกัดให้เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง

ทั้งหมดนั้นคือภาพรวมของการเลือกตั้งเขตเล็ก 2 ครั้ง ในปี 44 และ 48 ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าพรรคไทยรักไทยเอาชนะประชาธิปัตย์ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งสองครั้ง

แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยน...เกิดการรัฐประหารในปี 49 รัฐธรรมนูญถูกยกเลิก กติกาบางประการมีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งเขตเลือกตั้งในกรุงเทพฯ มีการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมทั้งหมด

เขตเลือกตั้งเล็กๆ เหล่านั้นถูกรวมเป็นเขต 6 มีการเฉือนบางส่วนของบางเขตออกไป เช่นตัดมีนบุรีออกจากคลองสามวา ตัดลาดกระบังออกจากหนองจอก ตัดสะพานสูงออกจากคันนายาว

แน่นอนว่า...ฐานเสียงพื้นฐานของพรรคการเมืองย่อมมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แม้กระแสคนกรุงเทพฯ จะเหมือนกันก็ตาม

การเลือกตั้งในปี 50 ผลการเลือกตั้งจึงทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาประสบชัยชนะอย่างท่วมท้นในภาพรวมของกรุงเทพฯ

แต่ในเขตที่พรรคไทยรักไทยมีฐานเสียงที่หนาแน่นพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ทั้งหมด

เขต 6 ก็เช่นกัน... ประชาธิปัตย์เอาชนะได้แค่ 2 ใน 3 คน เท่านั้น คือ สมัย เจริญช่าง กับ ทิวา เงินยวง ทั้งที่สอบตกซ้ำซากมา 2 สมัย

อีกหนึ่งที่นั่งยังคงตกเป็นของพลังประชาชนหรือเพื่อไทยคือ ส.ส.ไพโรจน์ อิสรเสรีพงศ์ โดยทั้ง 3 คนได้คะแนนเกิน 1 แสน ที่ 4, 5 และ 6 ได้คะแนน 9 หมื่นกว่าทั้งหมด

จากภาพรวมของการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา 3 ครั้ง...ถ้าเว้นที่จะกล่าวถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก. ก็จะไม่สมบูรณ์

เพราะ ส.ก. คือ ผู้กุมคะแนนพื้นฐานที่สำคัญในชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพฯ ที่แม้กระแสจะดีเพียงใดแต่ถ้าฐานประชาชนในชุมชนมีหนาแน่น โอกาสที่จะชนะเลือกตั้งจึงมีสูง

นักการเมืองในกรุงเทพมหานครที่มีฐานเสียงชุมชนหนาแน่นมีหลายคน เช่น ปวีณา หงสกุล การุณ โหสกุล วิชาญ มีนชัยนันท์ หรือของประชาธิปัตย์ เช่น องอาจ คล้ามไพบูลย์ สมเกียรติ ฉันทวาณิช เป็นต้น

ในเขตเลือกตั้งที่ 6 ที่มีเขตปกครอง 4 เขต มี ส.ก.ได้เขตละ 1 คน พรรคเพื่อไทยมีส.ก.ถึง 3 คน ส.ก.หนองจอก ไพฑูรย์ อิสรเสรีพงศ์ ส.ก. คันนายาว พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ และ ส.ก.บึงกุ่ม กศิน พุกรักษา ส่วนพรรคประชาธิปัตย์มี ส.ก. เพียงคนเดียวในเขตคลองสามวา คือ นายวิรัช อินช่วย

ฐานชุมชนส่วนใหญ่จึงยังคงเป็นของพรรคเพื่อไทยมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ แม้การเลือกตั้งสมาชิกสภาเขต หรือ ส.ข. เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา

ขณะการชุมนุมคนเสื้อแดงดำรงอยู่และมีการเลือกตั้ง 3 ใน 4 เขตปกครองของเขตเลือกตั้งที่ 6 พรรคประชาธิปัตย์จะเอาชนะได้ในเขตบึงกุ่ม และ เขตคลองสามวา แบบยกทีม แต่พรรคเพื่อไทยก็สามารถเอาชนะแบบยกทีมได้เช่นกันที่คันนายาว

การเลือกตั้ง ส.ข.ที่ผ่านมาแม้จะเป็นเครื่องชี้กระแสได้บ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด...เพราะมีผู้มาลงคะแนนเพียง 30% เท่านั้น

คะแนนทั้ง 2 พรรค ได้รับก็ใกล้เคียงกันมาก จึงอาจประเมินได้ว่า... คะแนนพื้นฐานทั้งสองพรรคใกล้เคียงกันมาก เหลือเพียงกระแสคนกรุงเท่านั้น ที่จะตัดสินชัยชนะ

ถึงวันนี้กระแสคนกรุงเทพฯ ที่อาจชี้ไปที่คนชั้นกลาง ถามว่า...มีความพอใจต่อรัฐบาลเพียงใด คำตอบก็คือ “สอบตก”

เพราะจากโพลล์หลายสำนักก่อนหน้านี้ที่ให้คะแนน “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เพียง 4 กว่า จากเต็ม 10

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนชั้นกลางในกรุงเทพฯ พอใจบทบาทของ “พรรคเพื่อไทย” ในฐานะฝ่ายค้าน และบทบาทของ นปช. คนเสื้อแดง ที่เป็นแกนนำการชุมนุมครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกิดเหตุการณ์สยดสยองในที่สุด

แต่เชื่อว่า...คนกรุงเทพฯ ในเขต 6 ก็จะให้คำตอบแก่สังคมไทยเองว่า พวกเขาต้องการอะไร?
การขุดคุ้ย การด่าทอ การโจมตีซึ่งกันและกัน จึงไม่น่าจะใช่ยุทธวิธีในการเอาชนะคนกรุงเทพฯ ในเขตนี้

และข้อสังเกตที่น่าจะเป็น “ตัวแปรสำคัญ” อีกอย่างหนึ่งก็คือ...ในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง...ตามปฏิทินตรงกับ “วันหยุดยาว” ในช่วงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาคือ วันอาสาฬบูชา และ วันเข้าพรรษา พอดิบพอดี

ซึ่งก็ต้องดูว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจะมีมากน้อยเพียงใด...และผลคะแนนจะออกมาตาม “สถิติเดิม” หรือไม่?

ดังนั้น การเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ จึงน่าจะไม่ใช่เป็นการต่อสู้ระหว่าง “พนิช วิกิตเศรษฐ์” กับ “ก่อแก้ว พิกุลทอง” แต่เพียง 2 คน ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่าง ประชาธิปัตย์ กับ เพื่อไทย เพียง 2 พรรค

ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างเสื้อแดง กับ เสื้อเหลือง เพียงลำพัง และไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างไพร่กับอำมาตย์ แต่จะเป็นการต่อสู้เพื่อเอาชนะใจประชาชนอย่างแท้จริง

ชัยชนะจะเป็นของใคร ยากจะคาดเดา!

คนเมือง