WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, January 9, 2011

ตั้งแต่ต้นปี 'มาร์ค'งานเข้า

ที่มา ข่าวสด


กรณี นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ และคณะคนไทยรวม 7 คน ไปถูกจับกุมในเขต พื้นที่กัมพูชา

ทำให้เส้นทางของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในการก้าวข้ามปีเสือไฟเข้าสู่ปีกระต่าย เกิดความขลุกขลักไม่ราบรื่นตามแผน การที่วางไว้

นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อุตส่าห์จัดคิวออกทีวีแถลงแผนปฏิรูปประเทศไทย 4 ด้าน หวังสร้างความฮือฮาเป็นของขวัญต้อนรับปีใหม่ให้กับคนไทย

แต่ปรากฏว่าถูกข่าวนายพนิช กลบเสียสนิท

แถมนายอภิสิทธิ์ ยังต้องเปลืองตัวกับคลิป 'นายกฯรู้คนเดียว' ที่มีมือดีปล่อยออกมาทางยูทูบ ทั้งฉบับย่อ 4 นาทีกว่าๆ และฉบับเต็มยาว 20 นาที

ผลักดันให้ไม่เฉพาะรัฐบาลแต่รวมถึงประเทศไทยทั้งประเทศต้องตกเป็นเบี้ยล่างทางฝ่ายกัมพูชาทันที

จาก 'คลิปพสิษฐ์' ในช่วงคดียุบพรรค มาถึง'คลิปพนิช'กรณีกัมพูชา รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การ นำของนายอภิสิทธิ์ พลาดพลั้งเสียรังวัดไปไม่น้อย

ที่สำคัญกรณี 7 คนไทยไม่ว่าจะตั้งใจหรือพลัดหลงเข้าไปให้ทหารกัมพูชาจับกุม

ยังมีผลทำให้ความสัมพันธ์สองประเทศที่ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้ว จากเรื่องปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนตามแนวชายแดนที่ยังเคลียร์กันไม่ได้ ย่ำแย่หนักเข้าไปอีก

ตอกย้ำให้เห็นรัฐบาลชุดนี้ขาด แคลนทักษะในการผูกมิตรกับเพื่อนบ้าน

ขณะที่อีกมุมหนึ่งของเรื่องที่เกิดขึ้นยังเป็นเครื่องยืนยันว่ากลุ่มพันธมิตรฯ กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้เปลี่ยนสถานะจากมิตรมาเป็นศัตรูกันแล้วโดยสิ้นเชิง

ความไม่รอบคอบไม่รู้คิดของนายพนิช ยังเป็นการเปิดช่องให้พรรคฝ่ายค้านและคนเสื้อแดงฉวยโอกาสนำมาขยายผล สอยกระโดงคางรัฐบาลแบบเต็มๆ ในห้วงเวลาการต่อสู้ 'ยกสุด ท้าย' ทางการเมือง

ก่อนการยุบสภาเลือกตั้งใหม่

บรรยากาศการเมืองต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว

หลังจากนายกฯอภิสิทธิ์ ออกมาส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะยุบสภาก่อนรัฐบาลครบวาระอย่างแน่นอน

โดยผูกติดไว้กับ 3 เงื่อนไขเดิมคือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในความสงบเรียบร้อย

ขณะเดียวกันก็มีข่าวออกมาขยายในรายละเอียดว่ารัฐบาลวางแผนที่จะยุบสภาในช่วงกลางปีหรือราวเดือนพ.ค.-มิ.ย. โดยเน้นไปที่เงื่อนไขเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

เพราะตามขั้นตอนถ้าหากร่างแก้ไขผ่านที่ประชุมรัฐสภาวาระ 2-3 แล้วเสร็จในเดือนมี.ค. ก็ยังต้องใช้เวลาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีกประมาณ 2-3 เดือน ถึงจะยุบสภาจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้

กับอีกกระแสหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้คือข่าวว่ารัฐบาลอาจเล่นเกมยื้อ

ลากเวลาการปล่อยมือจากอำนาจออกไปนานกว่านั้น เพื่อจัดทำงบประมาณปี 2555 รวมถึงการจัดทำโผโยกย้ายข้าราชการประจำปีในเดือนก.ย.อีกรอบ

เพื่อกุมความได้เปรียบในสนามเลือกตั้งชนิดเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

กระนั้นก็ตามแผนดังกล่าวใช่ว่าจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบเสียทีเดียว เพราะต้องยอมรับว่าตลอดเส้นทางการอยู่ในอำนาจของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์นั้น ได้ทำลายมิตรและสร้างศัตรูเพิ่มไว้มากมาย

กองทัพเองก็เริ่มหวาดระแวงรัฐบาล ปล่อยให้เป็นแพะรับบาปจากเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดงเดือนเม.ย.-พ.ค.53

ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะได้ยัดเยียดข้อหา 'ขายชาติ' ให้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไปแล้วจากกรณีปราสาทเขาพระวิหารและกรณี 7 คนไทยถูกทางการกัมพูชาจับกุม

และล่าสุดกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังกลายเป็น 'ศึกใน' ระหว่างพรรคแกนนำกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีพรรคฝ่ายค้านคอยยืน'เสี้ยม'อยู่ข้างเวที

หลายคนประเมินว่าข้อแตกแยกทางความคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

จนทำให้แผนลากยาวอำนาจของใครบางคนไม่เป็นจริงในทางปฏิบัติ

นับตั้งแต่เหตุการณ์ปราบม็อบเสื้อแดงเดือนเม.ย.-พ.ค.53 จนมีคนตาย 91 ศพ บาดเจ็บอีกเกือบ 2,000 คน

กระแสรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ก็วูบวาบเจียนอยู่เจียนไปมาตลอด

กระทั่งผ่านพ้นคดียุบพรรคประชาธิปัตย์มาได้ 2 คดีซ้อน แม้จะมีข้อกังขาจากสังคมแต่รัฐบาลก็ดูเหมือนจะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

ทยอยปล่อยนโยบายประชาวิวัฒน์ออกมาเป็นระลอกใหญ่เพื่อเอาใจชาวรากหญ้า ทั้งยังแสดงอาการมือเติบขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการทั้งระบบ ตลอดจนนักการเมืองส.ส. ส.ว. ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา

ทุกอย่างดูเหมือนกำลังจะไปได้ด้วยดีสำหรับรัฐบาล ถ้าไม่ดันมาเกิดเรื่องนายพนิช และความขัดแย้งกับพรรคร่วมในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาเสียก่อน

นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์การเมืองอีกส่วนหนึ่งมองว่า ถึงรัฐบาลหวังว่าจะได้คะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้นจากนโยบายประชาวิวัฒน์

แต่ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่สามารถตอบคำถามกรณี 91 ศพได้ชัดเจน ก็เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะฝืนเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น

ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็เงื้อดาบรอที่จะยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเรื่องนี้อยู่แล้วทันทีที่สภาเปิดสมัยประชุมปลายเดือนม.ค.นี้

ซึ่งอาจจะสร้างความบอบช้ำให้ กับรัฐบาล จนนายกฯอภิสิทธิ์ ไม่กล้า ตัดสินใจยุบสภาเพื่อไปวัดดวงในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เนื่องจากอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบ

ขณะเดียวกันการยื้ออยู่ในอำนาจต่อไป ก็ยิ่งจะทำให้รัฐบาลได้รับความบอบช้ำหนักขึ้นไปอีก ถึงขั้นไม่สามารถแน่ใจได้ว่าต่อให้ลากยาวอยู่ไปจนครบเทอมเดือนธ.ค. สถานการณ์จะดีขึ้นหรือจะเละๆ เทะๆ กว่าเดิม

เพียงก้าวแรกในการเข้าสู่ปีใหม่ 2554 ก็พอจะมองออกว่าไม่ใช่ปีที่ง่ายดายสำหรับรัฐบาลอภิสิทธิ์ แน่นอน