ที่มา ข่าวสด
กรณี นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ และคณะคนไทยรวม 7 คน ไปถูกจับกุมในเขต พื้นที่กัมพูชา
ทำให้เส้นทางของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในการก้าวข้ามปีเสือไฟเข้าสู่ปีกระต่าย เกิดความขลุกขลักไม่ราบรื่นตามแผน การที่วางไว้
นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อุตส่าห์จัดคิวออกทีวีแถลงแผนปฏิรูปประเทศไทย 4 ด้าน หวังสร้างความฮือฮาเป็นของขวัญต้อนรับปีใหม่ให้กับคนไทย
แต่ปรากฏว่าถูกข่าวนายพนิช กลบเสียสนิท
แถมนายอภิสิทธิ์ ยังต้องเปลืองตัวกับคลิป 'นายกฯรู้คนเดียว' ที่มีมือดีปล่อยออกมาทางยูทูบ ทั้งฉบับย่อ 4 นาทีกว่าๆ และฉบับเต็มยาว 20 นาที
ผลักดันให้ไม่เฉพาะรัฐบาลแต่รวมถึงประเทศไทยทั้งประเทศต้องตกเป็นเบี้ยล่างทางฝ่ายกัมพูชาทันที
จาก 'คลิปพสิษฐ์' ในช่วงคดียุบพรรค มาถึง'คลิปพนิช'กรณีกัมพูชา รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การ นำของนายอภิสิทธิ์ พลาดพลั้งเสียรังวัดไปไม่น้อย
ที่สำคัญกรณี 7 คนไทยไม่ว่าจะตั้งใจหรือพลัดหลงเข้าไปให้ทหารกัมพูชาจับกุม
ยังมีผลทำให้ความสัมพันธ์สองประเทศที่ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้ว จากเรื่องปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนตามแนวชายแดนที่ยังเคลียร์กันไม่ได้ ย่ำแย่หนักเข้าไปอีก
ตอกย้ำให้เห็นรัฐบาลชุดนี้ขาด แคลนทักษะในการผูกมิตรกับเพื่อนบ้าน
ขณะที่อีกมุมหนึ่งของเรื่องที่เกิดขึ้นยังเป็นเครื่องยืนยันว่ากลุ่มพันธมิตรฯ กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้เปลี่ยนสถานะจากมิตรมาเป็นศัตรูกันแล้วโดยสิ้นเชิง
ความไม่รอบคอบไม่รู้คิดของนายพนิช ยังเป็นการเปิดช่องให้พรรคฝ่ายค้านและคนเสื้อแดงฉวยโอกาสนำมาขยายผล สอยกระโดงคางรัฐบาลแบบเต็มๆ ในห้วงเวลาการต่อสู้ 'ยกสุด ท้าย' ทางการเมือง
ก่อนการยุบสภาเลือกตั้งใหม่
บรรยากาศการเมืองต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว
หลังจากนายกฯอภิสิทธิ์ ออกมาส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะยุบสภาก่อนรัฐบาลครบวาระอย่างแน่นอน
โดยผูกติดไว้กับ 3 เงื่อนไขเดิมคือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในความสงบเรียบร้อย
ขณะเดียวกันก็มีข่าวออกมาขยายในรายละเอียดว่ารัฐบาลวางแผนที่จะยุบสภาในช่วงกลางปีหรือราวเดือนพ.ค.-มิ.ย. โดยเน้นไปที่เงื่อนไขเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพราะตามขั้นตอนถ้าหากร่างแก้ไขผ่านที่ประชุมรัฐสภาวาระ 2-3 แล้วเสร็จในเดือนมี.ค. ก็ยังต้องใช้เวลาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีกประมาณ 2-3 เดือน ถึงจะยุบสภาจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้
กับอีกกระแสหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้คือข่าวว่ารัฐบาลอาจเล่นเกมยื้อ
ลากเวลาการปล่อยมือจากอำนาจออกไปนานกว่านั้น เพื่อจัดทำงบประมาณปี 2555 รวมถึงการจัดทำโผโยกย้ายข้าราชการประจำปีในเดือนก.ย.อีกรอบ
เพื่อกุมความได้เปรียบในสนามเลือกตั้งชนิดเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
กระนั้นก็ตามแผนดังกล่าวใช่ว่าจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบเสียทีเดียว เพราะต้องยอมรับว่าตลอดเส้นทางการอยู่ในอำนาจของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์นั้น ได้ทำลายมิตรและสร้างศัตรูเพิ่มไว้มากมาย
กองทัพเองก็เริ่มหวาดระแวงรัฐบาล ปล่อยให้เป็นแพะรับบาปจากเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดงเดือนเม.ย.-พ.ค.53
ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะได้ยัดเยียดข้อหา 'ขายชาติ' ให้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไปแล้วจากกรณีปราสาทเขาพระวิหารและกรณี 7 คนไทยถูกทางการกัมพูชาจับกุม
และล่าสุดกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังกลายเป็น 'ศึกใน' ระหว่างพรรคแกนนำกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีพรรคฝ่ายค้านคอยยืน'เสี้ยม'อยู่ข้างเวที
หลายคนประเมินว่าข้อแตกแยกทางความคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
จนทำให้แผนลากยาวอำนาจของใครบางคนไม่เป็นจริงในทางปฏิบัติ
นับตั้งแต่เหตุการณ์ปราบม็อบเสื้อแดงเดือนเม.ย.-พ.ค.53 จนมีคนตาย 91 ศพ บาดเจ็บอีกเกือบ 2,000 คน
กระแสรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ก็วูบวาบเจียนอยู่เจียนไปมาตลอด
กระทั่งผ่านพ้นคดียุบพรรคประชาธิปัตย์มาได้ 2 คดีซ้อน แม้จะมีข้อกังขาจากสังคมแต่รัฐบาลก็ดูเหมือนจะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
ทยอยปล่อยนโยบายประชาวิวัฒน์ออกมาเป็นระลอกใหญ่เพื่อเอาใจชาวรากหญ้า ทั้งยังแสดงอาการมือเติบขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการทั้งระบบ ตลอดจนนักการเมืองส.ส. ส.ว. ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา
ทุกอย่างดูเหมือนกำลังจะไปได้ด้วยดีสำหรับรัฐบาล ถ้าไม่ดันมาเกิดเรื่องนายพนิช และความขัดแย้งกับพรรคร่วมในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาเสียก่อน
นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์การเมืองอีกส่วนหนึ่งมองว่า ถึงรัฐบาลหวังว่าจะได้คะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้นจากนโยบายประชาวิวัฒน์
แต่ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่สามารถตอบคำถามกรณี 91 ศพได้ชัดเจน ก็เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะฝืนเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น
ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็เงื้อดาบรอที่จะยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเรื่องนี้อยู่แล้วทันทีที่สภาเปิดสมัยประชุมปลายเดือนม.ค.นี้
ซึ่งอาจจะสร้างความบอบช้ำให้ กับรัฐบาล จนนายกฯอภิสิทธิ์ ไม่กล้า ตัดสินใจยุบสภาเพื่อไปวัดดวงในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เนื่องจากอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบ
ขณะเดียวกันการยื้ออยู่ในอำนาจต่อไป ก็ยิ่งจะทำให้รัฐบาลได้รับความบอบช้ำหนักขึ้นไปอีก ถึงขั้นไม่สามารถแน่ใจได้ว่าต่อให้ลากยาวอยู่ไปจนครบเทอมเดือนธ.ค. สถานการณ์จะดีขึ้นหรือจะเละๆ เทะๆ กว่าเดิม
เพียงก้าวแรกในการเข้าสู่ปีใหม่ 2554 ก็พอจะมองออกว่าไม่ใช่ปีที่ง่ายดายสำหรับรัฐบาลอภิสิทธิ์ แน่นอน