ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
หลายคนอ่านข่าวคำกล่าวปราศรัยของ นายกฯ ฮุนเซน แล้วมีความเห็นไปในทำนองเดียวกันว่า
ปฏิบัติการรัฐบาลไทยในการ 'ขอคืน' ตัวนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ และคณะ 7 คนไทยจากฝ่ายกัมพูชานั้น
ใครเคยคิดว่าเป็นเรื่องง่าย เห็นทีต้องเปลี่ยนความคิดใหม่
โดยเฉพาะท่าทีแข็งกร้าวของนายกฯ ฮุนเซน ที่ระบุตอนนี้เรื่องทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นกรุงพนมเปญแล้ว
"ไม่มีใครเรียกร้องให้ปล่อยตัวได้"
ไม่ว่าส.ส.พรรคเพื่อไทย เกลอเก่าอย่างทักษิณ หรือแม้แต่องค์การนานาชาติ
นายกฯ กัมพูชายังเตือนรัฐบาลไทยและกลุ่มคนไทยที่กำลังเคลื่อนไหวออกแถลงการณ์โจมตีกัมพูชา
ให้หยุดการกระทำดังกล่าวเสียถ้าไม่อยากให้สถานการณ์ในภายภาคหน้ายุ่งยากไปกว่านี้ และขอให้เคารพกระบวนการศาลของกัมพูชา
"อย่ามาพูดข่มขู่ว่าให้ปล่อยทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข"
ประโยคหลังนี้เข้าใจว่านายกฯ ฮุนเซน ต้องการสื่อไปถึงนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยตรง
เพราะถ้ายังจำกันได้ นายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นคนประกาศกร้าวใส่ทางกัมพูชาก่อนในตอนแรกว่า จะต้องปล่อยตัว 7 คนไทยโดยไม่มีเงื่อนไข
เชื่อว่าตอนนั้นนายกฯ อภิสิทธิ์ ไม่ทันได้รอบคอบ รู้คิด ว่าตนเองกำลังตกเป็นเหยื่อให้คนไทยบางกลุ่มที่วางแผนไว้ตั้งแต่แรก
ต้องการนำเรื่องนี้มาขยายผลจุดชนวนกระแสคลั่งชาติบ้าๆ บอๆ อย่างที่เคยทำมาตลอดในประเด็นปราสาทเขาพระวิหาร
โดยไม่สนใจว่าพฤติกรรมการยุยงให้รัฐบาลที่ตนเองมีส่วนปลุกปั้นขึ้นมา นำพาประเทศชาติเข้าสู่สมรภูมิการสู้รบกับเพื่อนบ้านนั้น
จะสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้ประชาชนโดย เฉพาะที่อยู่อาศัยตามแนวชายแดนอย่างไรบ้าง
ยังดีที่สังคมไทยมีเหตุมีผลเพียงพอ รู้จักรักชาติรักแผ่นดินในทางที่ถูกต้อง
กระแสกู้ชาติติงต๊องก็เลยปลุกไม่ขึ้น
แล้วถ้าหากใครจะควานหาความมีสติของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่ยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้าง หลังผ่านเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดงจนมือเปื้อนเปรอะไปหมด
ก็จะพบว่ารัฐบาลยัง 'บ้องตื้น' ไม่พอที่จะเห็นดีเห็นงามกับคำยุยงให้รบเช้ารบเย็นของคนกลุ่มนี้
ส่วนคนกลุ่มนี้จะใช่กลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มพันธมิตรหรือไม่
คงไม่ต้องบอก