ที่มา thaifreenews
โดย samurai
น้องใหม่ขอฝากตัวด้วยนะครับ อย่ารับน้องแรงกันนักนะครับ
ผมเองช่วงก่อนปฏิวัติ ๑๙ กันยายน ๔๙ ก็เคยเป็นเหลืองเนื่องจากรับแต่สื่อฝ่ายเหลือเพียงฝ่ายเดียว แต่หลังจากปฏิวัติก็จะมาอยู่ตรงกลาง เริ่มไม่พอใจพันธมิตรตั้งแต่มาขับไล่รัฐบาลสมัคร "อะไรกันวะยังไม่ได้ทำงานเลยไล่แล้ว" เริ่มเกลียด ยึดทำเนียบ ยึด nbt ล้อมรัฐภา เริ่มเป็นแดงอ่อนแล้วพอยึดสนามบินแดงเข้มเลยครับ ในขณะนั้นผมเริ่มเข้าใจตั้งแต่มีการยึดสนามบิน แล้วก็ยุบพรรคพลังประชาชน พฤติกรรมที่เกิดขึ้นมีลักษณะเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำระหว่างศาลรัฐธรรมนูญ ทหาร พันธมิตร ทำให้ผมมองต่อไปอีกว่าคนที่จะสั่งศาล สั่งทหาร สั่งพันธมิตรได้ในประเทศไทยมีอยู่ไม่กี่คน การที่ผู้มีอำนาจปล่อยให้พันธมิตรยึดสนามบินจึงทำให้ผมเข้าใจได้ว่าผู้มีอำนาจในบ้านนี้เมืองนี้ไม่ได้รักชาติ ไม่ได้รักประชาชนจริง ต้อง การเพียงเพื่อรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น พันธมิตรใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงกว่าจะระดมคนไปยึดสนามบินได้ ถ้าทหารตำรวจจะขัดขวางจริงๆ ย่อมทำได้
เรื่องตาสว่างนั้นผมเองได้รับข้อมูลข่าวสารจากรุ่นพี่ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เหตุการณ์ตั้งแต่ปี ๕๐ จนถึงปัจจุบัน เป็นการตอกย้ำว่าข้อมูลข่าวสารที่ผมได้รับมาตั้งแต่เรียนมหาลัยเป็นความจริง
เมื่อก่อนผมยังไม่กล้าที่จะเข้าร่วมกับคนเสื้อแดงเพราะเกรงว่า ดร.ทักษิณ จะใช้เสื้อแดงเป็นเครื่องมือในการต่อรองอะไรบางอย่าง
แต่ปัจจุบันนี้ผมเชื่อว่ามวลชนคนเสื้อแดงได้ก้าวข้ามทักษิณ ก้าวข้ามแกนนำบางคนไปแล้ว ผมจึงยินดีที่จะเข้าร่วมกับคนเสื้อแดงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
Re
โดย ลูกชาวนาไทย
จุ๊ๅๆๆๆ ผมจะบอกควา่มลับอะไรให้ครับ
เสื้อแดงนั้น "ใช้ทักษิณเป็นเครื่องมือ" ครับ เป็นเครื่องมือเพื่อจุดกระแสปฏิวัติสังคมครับ
คุณคิดดูคนอย่างหมอเหวง หรือแม้แต่ อ.ใจ ที่เป็นพวกเอียงซ้าย ทำไมจึงยอมรับทักษิณครับ
เขาดำเนินยุทธศาสตร์ "แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง" เพื่อปลุกกระแสประชาชน ให้รวมกันสุดท้ายก็ได้มีโอกาสทำให้คนตาสว่างครับ หากไม่ใช้กระแสทักษิณ เสื้อแดงก็มาไม่ได้ถึงตรงนี้ครับ
ตอนนี้ขั้นตอนกระแส เลยทักษิณไปแล้ว (แต่ไม่ได้ก้าวข้ามทักษิณ) หากตามตำราพิชัยสงครามซุนหวู เขาเรียก "กลยุทธ์ยืมร่างคืนชีพ" ครับ
เรื่องนี้มีประวัติในยุคปลายราชวงศ์จิ๋น ยุคลูกของจี๋นซีฮองเต้ ที่รวบรวมเมืองต่างๆ เอาไว้ได้หมด แต่ปกครองแบบกดขี่ทารุณ เกณฑ์คนำไปสร้างกำแพงเมืองจีนตายกันเป็นเบือ แต่ทหารราชวงศ์จิ๋นเข็มแข็งเกินไป จึงไม่เกิดกบถ
ในยุคนั้นมีชาวบ้านที่เป็นชายฉกรรจ์ถูกเกณฑ์ให้ไปเป็นทหารประมาณ 900 คน เดินทางไปรับหน้าที่ตามหมายเกณฑ์ แต่ด้วยฝนตกหนักน้ำท่วมแม่น้ำเหลือง ทำให้เดินทางไม่ได้ แต่กฎหมายราชวงศ์จิ๋นหนัก คือ หากคนที่โดนเกณฑ์ทหารไปรายงานตัวไม่ทันกำหนด จะถูกประหารทั้งหมด ชายฉกรรจ์ทั้ง 900 คน ไม่มีหวังจะไปทันแล้ว ผู้นำของชายเหล่านั้นสองคน (ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว) คิดว่า ถึงอย่างไรก็ต้องตาย กบถเสียเลยดีกว่า เพราะอย่างไรก็ต้องตาย เลยจับนายกองราชวงศ์จิ๋นฆ่าทิ้งและเป็นกบถ ยึดเมืองใกล้ได้ และประกาศว่า "ทายาทของเจ้ารัีฐอู๋" ต้องการกู้ชาติบ้านเมือง ประชาชนรัฐอู๋ที่ถูกกลืนชาติคิดว่ามี "ทายาทของอ๋องรัฐอู๋" เป็นผู้นำก็มาเข้าร่วมกบถ และสุดท้ายก็เกิดกบถทั่วแผ่นดิน สิ้นราชวงศ์ของจิ๋นซีฮ่องเต้
ที่จริงไม่มีทายาทของอู๋อ๋อง แต่กลยุทธ์นี้เขาเรียก "ยืมร่างคืนชีพ" ยืมชื่อเสียงผู้อื่นเพื่อสร้างความยอมรับ
เสื้อแดงก็อาศัยบารมี ชื่อเสียงทักษิณขึ้นมา ครัีบ
ก็เข้าทำนองเอื้อกันและกัน ทักษิณก็ึคงหวังพึ่งเสื้อแดง เสื้อแดงหวังพึ่งบารมีทักษิณ เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง
กว่าจะบ่มเพาะประชาชนมาถึงจุดนี้ได้ ก็ต้องผ่านอะไรมากมายครับ แต่เราก็เดินมาถึงจุดนี้จนได้ครับ จนฝ่ายตรงข้าม เหลือเพียง "เสาค้ำยัน" อันเดียวเท่านั้น และถึงจุดที่ เสื้อแดงไม่มีวันสลายได้แล้ว
นี่ต้องขอบคุณชื่อเสียงของทักษิณที่สร้างมา และการต่อสู้ของประชาชนครับ
ชัยชนะยังมาไม่ถึง แต่ไม่ไกล มองเห็นได้ ใกล้สัมผัส แต่ยังไม่ถึง แต่ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงระดับสำนึกในใจคนอย่างถอนรากถอนโคนแล้ว
ประเทศไทยจึงถึงจุดเปลี่ยนแล้ว และเปลี่ยนไปแล้ว เหลือแต่เพียงเรายังตีเมืองเขาไม่ได้เท่านั้นเอง แต่ใกล้่แล้ว
เราพ้นคำว่าแพ้ไปแล้วด้วย