WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, January 10, 2011

ลัทธินำตน โดย กาหลิบ

ที่มา thaifreenews

โดย bozo

เรียบเรียงโดย Nangfa



คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ลัทธินำตน
โดย กาหลิบ

จำนวนมวลชนอันมหาศาลที่แยกราชประสงค์
ซึ่งเป็นภาพประทับใจของวันอาทิตย์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๔ คือ
หลักฐานยืนยันว่า
ขบวนประชาธิปไตยเลิกยึดกับตัวผู้นำ และรวมตัวกันด้วยอุดมการณ์อย่างแท้จริง

แล้วก็ไม่ได้ขึ้นกับองค์กรนำด้วย
เพราะองค์กร (ที่ว่า) นำอยู่ในขณะนี้ยังส่งสัญญาณที่สลับสับสนอยู่
ไม่มีความแน่ชัดเลยว่าจุดยืนในปัจจุบันเป็นอย่างไรแน่ อย่าว่าแต่อนาคตเลย
คงต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย
ในการจัดตั้งตัวเองเสียก่อนจะไปจัดตั้งมวลชนในระดับต่อไปได้

แต่มวลชนมิได้ถอยหลังไปเพราะเหตุที่ว่านี้เลย
กลับมุ่งมั่นเดินหน้าเพื่ออนาคตต่อไปอย่างน่าชื่นใจ
และคงจะน่าหวาดกลัวสำหรับฝ่ายตรงข้ามที่นึกว่า
ฆ่าแล้ว
ขังแล้ว
ทำลายชื่อเสียงเกียรติคุณและ
ยึดทรัพย์สินที่เขาหามาด้วยความบริสุทธิ์แล้ว

ขบวนการน่าจะหดตัวลงไปจนไร้พลัง ที่ไหนได้
นัดใหม่เมื่อใด
ก็จะเห็นสีแดงเบ่งบานเต็มถนนหนทางและแน่นขนัดไปทั่วบ้านทั่วเมือง

ถ้ายังไม่ทุพพลภาพขนาดปัญญาอ่อน เขาคนนั้นก็ต้องรู้ว่างานนี้ประชาชนเอาจริง
โดยปราศจากความกลัว ความลังเล และผลประโยชน์ส่วนตัว
ไม่ว่าจะทางตรงหรืออ้อม
โอกาสในการต่ออายุของลัทธิปิศาจก็คงจะลดน้อยถอยลงไปตามกรรม

สังเกตภาพรวมและความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้แล้ว
ก็น่าจะเรียกปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ว่า

“ลัทธินำตน” หรือ “Doctrine of Self-Governing”

ตรงข้ามกับลัทธิบูชาบุคคลที่ครอบงำสังคมไทยมานานนับร้อยปี

ผู้ที่จิตใจไม่เข้มแข็ง
หรือขาดอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่จะทำให้เกิดเคารพนับถือในตัวเอง
ก็มักไขว่คว้าหาสิ่งที่เชื่อว่าเข้มแข็งกว่า ทรงพลังกว่า และดีเลิศประเสริฐศรีมากกกอดไว้
บ้างถือเทพ
บ้างก็ถือผี
บ้างก็หลุดหายเข้าไปในไสยศาสตร์ (ซึ่งแปลว่าศาสตร์แห่งความมืดดำ)
บ้างก็ยึดถือสิ่งที่นึกว่าเป็นศาสนธรรม
แต่ความจริงเป็นความยึดมั่นถือมั่นกับเปลือกกับกระพี้ จนหลงใหลใฝ่ฝัน
กลายเป็นปัญหาใหม่ที่เรียกกันว่า ติดดี

แต่หนักที่สุดคือ
ลัทธินี้ได้ชักนำคนไทยไปสู่ความยึดมั่นถือมั่นกับตัวบุคคล
ในทางการเมืองจนไม่อาจมองเห็นหลักประชาธิปไตย
และศักดิ์ศรีความเป็นคนของตัวเองได้เลย
เพราะบุคคลนั้นๆ ตั้งตัวขึ้นเป็นมาตรฐานแห่งความดีและความจริงของสังคม
ยกตัวเองจนเหนือกว่ากฎธรรมชาติ นานเข้าผู้คนก็เริ่มลืมว่า
เขาเป็นคนที่มีเลือดมีเนื้อเหมือนกับคนอื่นๆ แถมมองไม่เห็นว่า
มีอกุศลมูลหนักหนาอยู่ในตัวมากกว่าผู้ปฏิบัติธรรมทั่วไปเสียด้วยซ้ำ

การดำรงอยู่ของผู้วิเศษทางการเมือง
ทำให้เกิดลัทธิประหลาดขึ้นในเมืองไทย ขัดหลักธรรมชาติ
และหลักประชาธิปไตยทุกข้อ แม้กระทั่งสำหรับพุทธศาสนิกชนที่แท้
ลัทธิของเขาคนนี้ก็ขัดอย่างจังต่อธรรมะของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หรือพุทธธรรม เรียกว่าหาอะไรที่สัมพันธ์กับความเป็นอารยะมิได้เลย

ต่อมาเมื่อผู้คนก้าวหน้าและเรียนรู้ดีขึ้น
ก็กลับมีผู้นำอื่นๆ ที่อยากเลียนแบบดารา ยกตัวเองขึ้นเป็นผู้นำการเมืองในขั้นเทพ
หรือใครก็ตามที่เหนือกว่าคนธรรมดาสามัญ
ทำความผิดซ้ำซากจนสังคมไทยถูกบังคับให้กระโดดจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง
ยึดมั่นกับตัวบุคคลต่อไปอย่างกบเลือกนาย
จึงเกิดผู้นำการเมืองรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมานำพรรคการเมือง รัฐบาล
และแม้กระทั่งในเวทีชุมนุมประท้วง

โชคดีที่กรรมของแต่ละคนพาให้ภาพมายาเหล่านี้หลุดหายไปทีละภาพทีละแผ่น
มวลชนคนเสื้อแดงผู้ผ่านทั้งความผิดหวังและสมหวังมานานปี
จึงกำหนดใจตนเองเสียใหม่ว่า จะยึดเอาแนวทางเป็นหลักและเอาตัวบุคคลเป็นรอง

กิจกรรมส่วนตัวจึงค่อยๆ ยกระดับขึ้นเป็นกิจกรรมส่วนรวม

การต่อสู้ทางการเมืองจึงขยายจากกิจกรรมเพื่อกลุ่ม
เพื่อพวกมาสู่การรณรงค์ที่เป็นสาธารณะ

การรวมตัวของคนเสื้อแดงจึงยิ่งใหญ่ตระการตา
โดยไม่ต้องรอให้ผู้นำพร้อมนำ
ตรงกันข้ามผู้อยากนำจะต้องก้าวให้ทันมวลชนที่เดินหน้าเต็มตัวอย่างทหารหาญ
และนำเสนอแนวทางการเมือง
ที่มวลชนเขาเห็นว่าก้าวหน้าและไม่ด้อยพัฒนาเหมือนในอดีต

ราชประสงค์เนืองแน่นในคืนนั้นมิใช่ด้วยลัทธิบูชาบุคคล แต่เป็นลัทธินำตนโดยแท้.


http://democracy100percent.blogspot.com/2011/01/blog-post_10.html