ที่มา thaifreenews
โดย bozo
พันธมิตรแถลงการณ์ประณาม
ทั้ง 'ฮุนเซ็น' - 'อภิสิทธิ์'โดนด่ายับ!!
ในทางพุทธศานา “กรรม” เป็นสิ่งที่เกิดจากการกระทำ
ดังนั้นการที่คนไทย 7 คน ที่ต้องติดคุกเขมรอยู่ในเวลานี้
หากจะมองว่าเป็นผลที่สืบเนื่องมาจากการกระทำ ก็คงไม่ผิดแต่อย่างใด
เพราะต้องยอมรับความเป็นจริงว่า เป็นกระบวนการลงพื้นที่
ที่ถือว่าหละหลวมและประมาทเอามากๆ
จนก่อให้เกิดความสงสัยตามมาต่างๆ นาๆ มากมาย
เพราะเรื่องในระดับที่นายกรัฐมนตรีเองก็รับรู้ว่า
มีการร้องเรียนจากประชาชน และจะมีการไปลงพื้นที่
แต่กลับดำเนินการเหมือนไม่ได้มีการเตรียมอะไรเลย
แถมคลิปทั้งภาพและเสียงยังสะท้อนชัดเจนถึงความประมาทไปถึงขั้นตัดสินใจ
ทั้งๆที่รู้ถึงผลที่จะเกิด
จึงต้องบอกว่าเป็นเรื่องของกรรม
ที่เกี่ยวข้องพัวพันกันในรัฐบาลยุคของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี่แหละ
ซึ่งทั้ง 7 คนคงต้องปลงให้ได้
เพราะรัฐบาลนี้อาจจะมีกรรมที่มาจากการทำให้คนบริสุทธิ์ติดคุกมาก่อนก็ได้
กรรมเลยมาลงตรงจุดนี้เต็มๆ ทำให้ทั้ง 7 คนต้องถือว่า ซวยไปโดยปริยาย
และนอกจากจะเป็นกรรม แล้วดูแนวโน้มก็ยังจะเป็นเวรต่อไปอีกด้วย
เพราะจนถึงขณะนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เองก็ยังอยู่ในสภาพ
ที่เหมือนกับทำงานไม่เป็น เลยงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี
ได้แต่พูดแค่ในหลักการว่า รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะช่วยเหลือ 7 คนไทยทุกวิถีทางอยู่แล้ว
และอยากให้ทุกคนติดตามสถานการณ์
“เราดูทุกทางอยู่แล้วและเบื้องต้นเราจะต้องดูแลทั้ง 7 คนให้ดีที่สุด
ส่วนปัญหาอื่นๆ ค่อยว่ากันทีหลัง”
แม้แต่ถูกจี้ถามว่าจะมีการใช้ฐานะส่วนตัวคุยกับสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ในการช่วยเหลือคนไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามด้วยการเดินเลี่ยงหนี
ไม่แปลกที่จะถูกสังคมมองว่านายอภิสิทธิ์
ไม่สนใจช่วยเหลือกรณีรัฐบาลกัมพูชาจับกุมคนไทยทั้ง 7 คน
และกำลังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมของประเทศกัมพูชา
เพราะยังไม่มีคำพูดที่ชัดเจนถึงวิธีการช่วยเหลือใดๆเลย
ทั้งๆที่ 7 คนไทยโดนคุมขังมาร่วม 2 สัปดาห์ หรือเกือบครึ่งเดือนแล้ว
เพราะไม่มีความชัดเจนในฐานะผู้นำในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้
จึงยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของภาวะผู้นำของนายอภิสิทธิ์ถูกกระทบโดยตรง
และเริ่มมีเสียงสะท้อนว่า
เรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ หากแก้ไขอะไรไม่ได้ก็ควรจะต้องแสดงความรับผิดชอบ
ร้อนถึงบรรดาคนรอบข้างนายอภิสิทธิ์
โดยเฉพาะนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวนายอภิสิทธิ์ ต้องออกมาแก้ต่างแทนว่า
รัฐบาลใช้ช่องทางต่างๆ เพื่อช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คนทุกวิถีทาง
ไม่เคยคิดจะลอยแพนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ หรือคนไทยคนอื่นๆ
ส่วนเรื่องที่มีการเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก
หากศาลกัมพูชาตัดสินว่าคนไทยทั้ง 7 มีความผิดนั้น
ผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลกัมพูชา
แต่การออกมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากนายกฯ จะให้นายกฯรับผิดชอบในฐานะอะไร
ซึ่งการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของส่วนบุคคล
ไม่ได้ทำในฐานะตัวแทนรัฐบาลหรือตัวแทนของนายกรัฐมนตรี
“หากเป็นเช่นนี้หากมีคนไทยคนใดคนหนึ่งกระทำความผิดหรือถูกศาลในต่างประเทศลงโทษ
และจะให้นายกฯแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกอย่างนั้นหรือ”นายเทพไท กล่าว
ขณะที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึง
กรณีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ตั้งทีมนักกฎหมาย
โดยมีนายการุณ ใสงาม นายณฐพร โตประยูร และพวกอีก 5 คน
เข้าไปช่วยเหลือด้านกฎหมายกับ 7 คนไทย ว่าทีมนักกฎหมายทั้ง 7 คนนั้น
เป็นการช่วยเหลือส่วนบุคคลของกลุ่มนายไชยวัฒน์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทรวงการต่างประเทศ
และการเดินทางไปของคณะทั้ง 7 คน ก็ไปในนามส่วนตัว
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระทรวงการต่างประเทศ
ไม่ได้เป็นการมอบหมายจากกระทรวงฯโดยตรง
อีกทั้งทางกระทรวงการฯไม่ได้ออกใบรับรองแก่ทีมนักกฎหมายที่นำโดยนายการุณ
อย่างไรก็ตามทีมนักกฎหมายดังกล่าว
ต้องมีการเจรจากับทีมทนายความของกระทรวงการต่างประเทศที่ดูแลเรื่องนี้
เพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อนกัน
ส่วนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) นำโดย
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม และ
นายเฉลิม บุญคู่
ชาวบ้านจากจ.สระแก้ว ร่วมกันแถลงข่าว
ประณามสมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ละเมิดอธิปไตยไทย
และจี้นายอภิสิทธิ์ให้กดดันเขมรปล่อย 7 คนไทยโดยไม่มีเงื่อนไข
โดยนายปานเทพ อ่านแถลงการณ์ครั้งที่ 1/2554 จำนวน 7 ข้อ คือ
1.ขอแสดงความเสียใจและให้กำลังใจ 7 คนไทยที่ถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัว
2. จากหลักฐานจุดที่ทหารกัมพูชาจับ 7 คนไทยนั้น
ได้ปรากฏหลักฐานอย่างมากมาย ว่าเป็นดินแดนประเทศไทยอย่างแน่นอน เช่น
เอกสารสิทธิ์ในการทำกินของราษฎรไทย
3. ขอประณามรัฐบาล และนายอภิสิทธ์ ที่มิได้ใช้อำนาจที่ตัวเองในการกดดันกัมพูชา
เพื่อให้ปล่อย 7 คนไทยเหมือนกับนานาประเทศ
4. ขอประณามบุคคลที่ให้ข่าวให้ร้ายกับคนไทย ที่ถูกกัมพูชาจับกุมว่า
ได้รุกล้ำเข้าไปในเขตแดนกัมพูชาอย่างไร้ความรับผิดชอบ ทั้งที่เป็นดินแดนของไทย อาทิ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม
นายชวนนท์
นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนสภาผู้แทนราษฎร
นางวาสนา ห่อนบุญเหิม ผอ.กองเขตแดน กรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศ และ
นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผวจ.สระแก้ว
5. ขอประณามนายฮุนเซน ทหารกัมพูชา และรัฐบาลกัมพูชา
ตลอดจนศาลกัมพูชาที่มาจับคนไทยในดินแดนประเทศไทยถือว่า
ละเมิดอธิปไตยไทยอย่างร้ายแรง แล้วนำเข้าสู่ศาลกัมพูชา
ทั้งๆที่ประเทศไทยเคยให้ชาวกัมพูชาที่เดือดร้อน
อพยพมาอาศัยอยู่จากสงครามในกัมพูชา
การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอธิปไตยไทย
และเนรคุณต่อราชอาณาจักรไทยอย่างไร้ยางอาย
6. เมื่อ 7 คนไทยไม่ได้ล้ำเขตแดนกัมพูชา แต่อยู่ในดินแดนไทย
จึงเรียกร้องให้นายกฯ และรัฐบาลไทย ต้องประกาศไม่รับคำตัดสินของศาลกัมพูชา
เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของประเทศ และ
7. ขอให้รัฐบาลไทยยื่นคำขาดอย่างเป็นทางการ
และใช้มาตรการกดดันอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อให้กัมพูชาปล่อยตัว 7 คนไทยโดยไม่มีเงื่อนไข
พล.ต.จำลองกล่าวว่า เราเสียดินแดนไทยไปแล้ว และจะเสียอีกมหาศาล
หากรัฐบาลไม่ทำตามข้อเสนอ 3 ข้อทันที คือ
ถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลก ยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ
ผลักดันเขมรที่ลุกล้ำดินแดนไทยออกไปทันที
จะต้องไม่ยอมรับผลการตัดสินศาลเขมร
นายกฯต้องแสดงท่าทีแข็งกร้าวเพื่อบีบบังคับให้ปล่อยตัวโดยเร็ว
รวมทั้งกองทัพไทยมีกำลังเหนือกว่าเขมรหลายเท่า
แต่ไม่ทำอะไรเลย เงียบกริบเหมือนประเทศไทยตกเป็นประเทศราชของเขมรไปแล้ว
นายกฯ อย่าใช้กำลังทหารอวดเด็กในวันเด็กเท่านั้น
ต้องเรียกทหารมาทำหน้าที่ปกป้องดินแดน
“หากรัฐบาลไม่ทำตามข้อเสนอ 3 ข้อจะต้องเกิดเหตุการณ์จับคนไทยอีกมาก”
พล.ต.จำลอง พยายามปลุกกระแสประชาชนให้ไปร่วมชุมนุม
ไม่เช่นนั้นคนไทยจะรับกรรมต่อไป
เพราะได้ นายกรัฐมนตรีขี้ขลาด ทำกลัว ทำง้อมาเรื่อย
จนกระทั่งจะไปกราบขอพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์เขมร
งานนี้หากไม่นำบทเรียนที่
พล.ต.จำลองถูกตำหนิตอนช่วงพฤษภาทมิฬ 35 มาคิดมาไตร่ตรองให้ดี
หากม็อบจุดติด
โอกาสที่จะเกิดสภาพเหมือนนิทานเรื่อง “น้ำผึ้งหยดเดียว” ก็มีสูงทีเดียว!!!
ด้านความเคลื่อนไหวของนายการุณ พร้อมด้วย
ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์
นายณฐพร โตประยูร กับคณะรวม 7 คน
ที่เดินทางถึงกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
โดยมีความต้องการที่จะเข้าเยี่ยมคนไทยทั้ง 7 คน
ที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำเปรซอ
ทั้งนี้ทีมที่ปรึกษากฎหมายของเครือข่ายฯ
จะยื่นคำร้องคัดค้านเขตอำนาจศาลกัมพูชา
โดยใช้กฎหมายระหว่างประเทศ และการละเมิดข้อตกลงเจนีวา ฉบับที่ 4 ข้อ 3 ปีค.ศ. 1949 ว่า
การที่ทางการกัมพูชาจับกุมตัวทั้ง 7 คน ต้องแต่งตั้งคณะอนุญาโตตุลาการจากทั้ง 2 ประเทศ
ขึ้นมาพิจารณาคดี ไม่ใช่การใช้กฎหมายของกัมพูชาชี้ขาดเพียงฝ่ายเดียว
ทีมที่ปรึกษากฎหมายของเครือข่ายฯ ยังตำหนิรัฐบาลไทย
ที่ไม่ระวังคำพูด กรณียอมรับว่าทั้ง 7 คนรุกล้ำอธิปไตยของกัมพูชา
จนทำให้เสียเปรียบในการต่อสู้ในชั้นศาล และยังเชื่อว่า
ความพยายามของกัมพูชาในการเพิ่มข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหารจะไม่เป็นผลสำเร็จ
สำหรับเรื่องการยื่นขอประกันตัว
สื่อมวลชนกัมพูชาเสนอข่าวโดยอ้างคำพูดของนายปิ๊ก วิชชะกา
หนึ่งในทีมทนายความของไทยว่า จะยื่นขอประกันตัวให้ออกจากเรือนจำชั่วคราว
โดยจะให้คำมั่นสัญญาต่อศาลว่าทั้ง 7 คน จะไม่หลบหนีคดี
และจะมารายงานตัวตามที่ศาลชั้นต้นนัดหมายอย่างเคร่งครัด
โดยให้สถานทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ เป็นผู้รับประกัน
และให้ผู้ที่ได้รับประกันตัวพักอาศัยอยู่แต่ในสถานทูตเท่านั้น
http://www.bangkok-today.com/node/8174