ที่มา thaifreenews
โดย bozo
ศุกร์ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๔
วันอาทิตย์มะรืนนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์จัดงานวันครู
เวลา ๑๐.๓๐ – ๑๒.๐๐ น.นายกิติตพงศ์ พวงศิริ พูด ‘“ การพัฒนาครู...สู่ความก้าวหน้า...
ในการให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะของครูและบุคลากรทางการศึกษาตามแนวทางใหม่”
เวลา ๑๓.๐๐-๑๖.๐๐ น. นิติภูมิพูด "มิติโลก มิติรัฐ กับการจัดการศึกษาท้องถิ่นไทย"
ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษามหาราชา ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์
ผู้อ่านท่านที่เคารพครับ
เรื่องของ ๗ คนไทยนี่ดูเหมือนว่า
จะชักนำทำให้สถานะของราชอาณาจักรไทยตกต่ำในเวทีระหว่างประเทศ
ยากที่จะดึงขึ้นให้กลับมาสู่สถานะปกติดังเดิมแล้วนะครับ
อยู่ดีๆ ท่านเหล่านี้ก็เดินเข้าไปที่ชายแดน ไป
ทำให้คนไทยทั้งประเทศตกหลุมแห่งความอับอายขายขี้หน้า
ยิ่งมีคนไทยไปพูดจาเรื่องดึงกฎเจนีวามาอ้าง
มันยิ่งทำให้นานาอารยะประเทศมองเห็นเราเป็นพวกป่าเถื่อนที่ไม่มีความรู้
ทะลึ่งไปอ้างกฎที่ใช้กับเชลยศึกสงคราม
ทั้งคนเขมรและคนไทยก็เลยสงสัยว่าพวกเอ็งกลายเป็นเชลยศึกสงครามไปตั้งแต่เมื่อใด
ตอนจะไปสร้างเรื่องก่อราว คนไทยไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย มีเพียงนายกรัฐมนตรีเท่านั้นที่รู้
พอขัดสนอับจนปัญญาก็จะก็มาขอให้สหประชาชาติช่วย
สมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์เป็นนายกรัฐมนตรี ราชอาณาจักรไทยของเรา
มีศัตรูประเทศคอมมิวนิสต์รอบข้าง
ประเทศไทยไชโยของเรามีสถานะดีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ในยุคพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัน ผู้ที่มีวิชั่นกว้างไกล
ทำให้สนามรบรอบบ้านกลายเป็นสนามการค้า
พอนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี อ้าว เราก็มีปัญหาระหองระแหง
กินแหนงแคลงใจกันระหว่างเพื่อนบ้านอีกแล้ว
กระทั่งสมัยของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ความสัมพันธ์ของไทยกับเพื่อนบ้านทุกประเทศ
จึงกลับมาเป็นปกติ และกับบางประเทศ เรามีความสัมพันธ์ดีกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ
การกระทำของ ๗ คนไทย + นายกษิต ภิรมย์ + กลุ่มพันธมิตรฯ ฯลฯ
ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทย
คนไทยที่ทำไว้ดีมากในเวทีโลกก่อนหน้านี้ต้องมลายหายไป
ผู้อ่านท่านลองนึกถึงคนไทยเหล่านี้ซีครับ
ดร.ศุภชัย พาณิชยภักดิ์ อดีต ผ.อ. การค้าโลก,
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน หรือแม้แต่
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ที่ไต่ไปจนได้เป็นแคนดิเดทเลขาธิการของสหประชาชาติ
ท่านเหล่านี้สร้างชื่อเสียงในทางดีให้ประเทศชาติบ้านเมืองทั้งนั้น
ก่อนหน้ารัฐบาลยุคนี้
คนไทยและรัฐบาลไทยไปจีน จีนเกรงใจ
ไปญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเกรงใจ
ไปที่ไหนมีแต่รัฐบาลและประชาชนผู้คนของประเทศนั้นๆ เกรงใจ
เพราะในสมัยนั้นผู้นำไทยเข้มแข็ง เก่งทางด้านการเจรจาต่อรอง มีให้ มีรับ ฯลฯ
แต่พอมาถึงวันนี้ เรากลับมีสถานการณ์ในประเทศเป็นศัตรูกับเพื่อนบ้าน
เหมือนในยุคของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์
ซึ่งเป็นผลพวงมาจากสงครามเย็น
ซึ่งไทยเราเลือกข้างอยู่กับทางสหรัฐอเมริกา
ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน + ศักดิ์ศรีของประเทศและประชาชนคนไทย
ที่เคยดีมากที่สุดในสมัยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
และสมัยพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร
กลับมาละลายหายไปในยุคที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรีจนหมดสิ้น
คนไทยแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรแล้ว
เดินทางไปประเทศไหนต้องเอาปี๊ปคลุมหน้าไปด้วย
มันน่าอายจริงๆ นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ และนายกษิต ภิรมย์
โดนสมเด็จฮุนเซ็นเอามือตบหน้าสั่งสอนเบาๆ แทบทุกวัน
แม้แต่วันพุธที่ผมกำลังเขียนต้นฉบับเปิดฟ้าส่องโลกของศุกร์วันนี้
สมเด็จฮุนเซ็นก็ออกแถลงการณ์ชี้แจงจุดยืนความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
แถมสมเด็จฮุนเซ็นยังเรียกกลุ่มคนไทยที่เคลื่อนไหวสร้างปัญหา
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอยู่ในขณะนี้ว่า เป็นพวกหัวรุนแรง
ผู้บริหารระดับหัวหน้ารัฐบาลและระดับรัฐมนตรีต่างประเทศของฝ่ายไทย
พยายามบอกกับประชาชนคนไทยว่า
ไม่มีอะไรในความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นความสัมพันธ์ขั้นปกติ
เพราะการไปเยือนของตน
ทว่าสมเด็จฮุนเซ็นออกแถลงการณ์ปฏิเสธอย่างเป็นทางการเลยนะครับว่า
เหตุที่ราชอาณาจักรไทยกับพระราชอาณาจักรกัมพูชากลับมามีความสัมพันธ์ขั้นปกติกันอีกนั้น
ไม่ใช่เพราะรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลชุดนี้
แต่มาจากการที่ทหารไทยถอนทหารที่ได้รุกล้ำในบริเวณพระเจดีย์วัดแก้วฯ
เมื่อ ๑๐.๓๐ น.ของวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๓
ก็ไม่รู้ว่า รัฐบาลชุดนี้บริหารชาติบ้านเมืองกันเป็นมากน้อยแค่ไหน ถึงได้มีแต่ปัญหา
แตะไปตรงไหนในประเทศนี้เป็นได้เจอแต่น้ำหนองเยิ้มเลอะเปรอะมือมาด้วย
มีอย่างที่ไหน
วันดีคืนนี้ รัฐบาลก็ประกาศระงับการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชผัก
อัก ๑๖ ชนิด ๕ กลุ่มที่จะส่งออกไปขายใน ๒๗ ประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป
โดยให้ระงับตั้งแต่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
กะเพรา โหระพา แมงลัก ยี่หร่า พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู
มะเขือยาว มะเขือเปราะ มะเขือม่วง มะเขือขาว ฯลฯ
แม้แต่พืชมูลค่าเล็กน้อยกระจอกงอกง่อยอย่างมะระขี้นกนี่ ก็ยังโดน
http://www.nitipoom.com/th/article1.asp?idOpenSky=3691&ipagenum=