WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, January 13, 2011

ต้องหันมาเชื่อในภูมิภาคนิยม โดย ร.ต.อ. ดร. นิติภูมิ นวรัตน์

ที่มา thaifreenews

โดย bozo



พฤหัสบดี ๑๓ มกราคม ๒๕๕๔


คนที่เคยเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงของไทยหลายคนออกมาแสดง
แถลงต่อสาธารณะในทำนองว่าต้องการให้ไทยปิดชายแดนด้านเขมร
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่านหนึ่งถึงขนาดพูดจาว่าต้องใช้สงคราม
พระสงฆ์องค์เจ้าที่เราเคยกราบไหว้บางรูป
ท่านก็เอากะเขาด้วยเรื่องหนุนความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน
อยากจะเรียนนะครับ ไม่ว่าพวกท่านจะเป็นใคร อยู่ในสถานะไหน
ถ้าท่านยังคิดแต่จะหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกะเพื่อนบ้าน
ผมว่าท่านเชยระเบิด เป็นไอ้พวกมนุษย์ตกโลก สร้างค่านิยมประเภท ‘ชาตินิยม’ อย่างผิดๆ
โลกในปัจจุบันทุกวันนี้ ต้องเป็นเรื่องของภูมิภาคนิยม
ไทย กัมพูชา พม่า มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย บรูไน และลาว
ต้องรักกัน ต้องหาเครื่องมือทางการทูตมาสร้างสัมพันธ์และแก้ไขปัญหาความขัดแย้งร่วมกัน



คนกิ๊กก๊อกที่ไม่มีวาสนาได้เป็นแม้แต่ขี้ทูตอย่างนิติภูมิ
ชอบดูความสามารถของผู้นำของประเทศต่างๆ แก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
ผู้นำบางประเทศไม่มีหลัก แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันหนึ่งๆ
ทว่าผู้นำของหลายประเทศจะสะสมเครื่องมือทางการทูตเพื่อเอาไว้ใช้แก้ไขปัญหา เช่น
สะสมไมตรีจิตระหว่างประเทศ หรือ Comity
คนที่สามารถงัดเอาเครื่องทางการทูตประเภทไมตรีจิตระหว่างประเทศมาใช้ได้ดี
จะต้องเป็นผู้นำที่มีแนวความคิดไม่เหยียดหยามคน
เชื่อในเรื่องความเสมอภาคกันของประเทศต่างๆ
และใช้ความถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกัน
สุดท้ายทั้งสองชาติรัฐก็จะมีแต่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน
ผู้อ่านท่านจะพบเห็นว่าในปัจจุบัน หลายประเทศในทวีปยุโรปใช้เครื่องมือประเภทนี้
ทั้งที่ในอดีตเคยรบพุ่งห้ำหั่นกันมายาวนานหลายร้อยปี



ผู้นำ (ทีดี+มีคุณภาพ) ของประเทศที่เคยมีความขัดแย้งระหว่างกันขั้นพื้นฐานมายาวนาน
เมื่อขึ้นมาเป็นผู้นำแล้ว
ท่านจะต้องปรับปรุงสภาวะแวดล้อมเพื่อลดความขัดแย้ง
เครื่องมือทางการทูตที่ผู้นำประเภทนี้นำมาใช้
ก็ควรเป็น Détente การผ่อนคลายความตึงเครียด
บางท่านใช้เครื่องมือ Negotiation หรือการเจรจา
เจรจาเพื่อระงับข้อพิพาทกันอย่างสันติ และเสริมสร้างผลประโยชน์แห่งชาติ
ผู้นำที่ดีต้องเก่งการด้านเจรจา ต้องรู้ว่าจะเจรจายังไงเพื่อให้ฝ่ายตนเสียประโยชน์น้อยที่สุด
แต่ในขณะเดียวกัน ผู้นำและผู้คนของอีกประเทศหนึ่งก็พอใจด้วย



เท่าที่ติดตามถามข่าวของพวกที่เหี้ยนกระหือรือฮือสร้างสงคราม
กลุ่มคนพวกนี้มีแต่ใช้เครื่องมือประเภท “ยื่นคำขาด” และ “พูดจาก้าวร้าวคุกคาม”
อะไรก็บุกเลย ปิดพรมแดนเลย โดยมีความเชื่อผิดๆ ว่าเมื่อปิดพรมแดนแล้ว
เขมรทั้งหลายจะอดตาย ซึ่งผมเรียนไปหลายครั้งแล้วนะครับ
ว่าวันนี้ แม้ไม่ต้องพึ่งไทย เขมรก็อยู่ได้อย่างปกติ



ทุกทีที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
เหตุการณ์ระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านจะแย่ทุกครั้ง
เมื่อก่อนตอนเป็นรัฐบาลครั้งที่แล้ว ในสมัยนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ
ไทยกะพม่าก็มีปัญหามาก
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเขมรแย่
ปัญหากะเวียดนามในสมัยนั้นก็เยอะ กับเพื่อนบ้านทางใต้อย่างมาเลเซียนี่ก็มี
แม้แต่เพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนที่ไม่มีพรมแดนประชิดติดกับเราอย่างอินโดนีเซีย
ไทยก็ยังอุตสาห์ไปมีปัญหากะเขา
เรื่องเป็น ๑ ในผู้ยุยงส่งเสริมให้มีการแยกจังหวัดติมอร์ตะวันออก
ให้กลายมาเป็นประเทศเอกราชชาติใหม่



ทันที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ลงจากเวทีบริหารประเทศ
รัฐบาลใหม่ต้องหันมาใช้เครื่องมือทางการทูตประเภท Rapprochement
การฟื้นสัมพันธไมตรี ทุกที เพราะยุคประชาธิปัตย์
ไทยกับเพื่อนบ้านมักจะเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน หมางเมินห่างเหินกัน มองหน้ากันไม่ติด



ได้ฟังสมาชิกกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติพูดจาปราศรัยผ่านสื่อแล้ว
ผมรู้เลยว่าอะไรเป็นแรงจูงใจให้ท่านทำการดังกล่าว
สิ่งหนึ่งซึ่งซ่อนเป็นก้อนแข็งอยู่ใต้สมองของคนที่แสดงออกอย่างที่ว่าก็คือ
“ความรู้สึกว่าพวกเราดีกว่าพวกเขา” หรือ Ethnocentrism



คนพวกนี้มีความรู้สึกว่า พวกตนดีกว่าคนอื่น
สัจธรรมของตนดีกว่าของคนอื่น
ความงามของพวกตนก็เป็นความงามสูงสุด
หลักศีลธรรมจริยธรรมของพวกตนก็เป็นหลักศีลธรรมจริยธรรมที่สูงกว่าของใครๆ
ความยุติธรรมของพวกตน ของชาติตน เป็นความยุติธรรมสูงสุด
ประเทศชาติบ้านเมืองของตนไม่มีการปฏิบัติใดที่เป็นไปอย่างสองมาตรฐาน



และอีกสิ่งหนึ่งซึ่งเราจับได้จากคำพูดจาปราศรัยของคนพวกนี้ ก็คือ
“การใช้ปัจจัยทางเศรษฐกิจตีความประวัติศาสตร์”
เมื่อได้ยินการปราศรัยโจมตีกัมพูชาในกรณีที่กัมพูชาจับ ส.ส. ไทยและคณะ
เราก็จึงถึงรู้เลยว่าใต้สมองของคนที่พูดจาปราศรัยมีความเป็นคอมมิวนิสต์ซ่อนอยู่
คอมมิวนิสต์มีทฤษฎีหนึ่งซึ่งเรียกว่า Economic Interpretation of History
แปลเป็นไทยก็คือการใช้ปัจจัยทางเศรษฐกิจตีความประวัติศาสตร์
พวกนี้เชื่อว่าระบบเศรษฐกิจขั้นพื้นฐาน (ปัจจัยการผลิตของสังคม) เป็นตัวกำหนด
โครงสร้างพื้นฐานทางการเมือง ศีลธรรม กฎหมาย วัฒนธรรมฯลฯ
เมื่อเขมรมีเศรษฐกิจที่แย่กว่าเรา เขมรจึงด้อยกว่าเราทุกด้านด้วย
ซึ่งผมขอแย้งว่าไม่ใช่นะครับ


ส่วน ฯพณฯ อดีตรัฐมนตรี....


ที่จับไมโครโฟนตะโกนด่าผู้นำเขมรว่ามีพฤติกรรมสองมาตรฐานนั้น


ท่านกำลังอ้างชื่อสมเด็จฮุนเซ็นด่า ‘ใคร’ ในประเทศของท่านอยู่หรือเปล่า?


http://www.nitipoom.com/th/article1.asp?idOpenSky=3690&ipagenum=