WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, January 11, 2011

ลอกทั้งดุ้น!! ลอกแบบหน้าตาเฉย

ที่มา บางกอกทูเดย์

ลอกทั้งดุ้น!!  ลอกแบบหน้าตาเฉย




รากหญ้ารู้ทัน”จอมลอกเลียน”
“ประชาวิวัฒน์” –เรื่องเก่าชัดๆ
ของจริง... ของแท้... ของดั้งเดิม... เป็นเรื่องที่สังคมสามารถที่จะรับรู้ได้เอง โดยไม่ต้องทุ่มเทโฆษณาชวนเชื่อ
ในขณะที่ “ของลอกเลียนแบบ” ก็เป็นสิ่งที่คนรู้ได้ในทันทีว่าเป็นของก็อปปี้

ก็เหมือนกับสมัยก่อนบนถนนรังสิต สารพัดก๋วยเตี๋ยวเรือ ก็จะขึ้นยี่ห้อว่าเป็น “โกฮับ” โกนั่น โกนี่ สารพัดโก จนคนงงไปหมดว่าอะไรจะญาติเยอะปานนั้น...
แต่ด้วยความที่ของแท้เท่านั้น ที่จะมีรสชาติสมเป็นของจริง บรรดาสารพัดโกที่ลอกเลียนแบบก็ล้มหายตายจากไปเอง… นี่คือสัจจะธรรมที่เป็นจริง

ดังนั้น กรณีของนโยบายประชานิยม ที่กำลังมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในขณะนี้ ว่าที่พรรคประชาธิปัตย์ ชูนโยบายประชาวิวัฒน์ ว่าจะใช้เป็นนโยบายหลักนั้น
จริงๆแล้วก็แค่เป็นการลอกเลียนแบบมาจากจากนโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทยนั่นเอง!!!

และเป็นการลอกเลียนมา เพื่อที่จะเป็นการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งที่จะมาถึง ... เนื่องจากเป็นรัฐบาลมา 2 ปี ทำไมจึงมาชูนโยบายเอาในปีสุดท้ายที่อายุรัฐบาลจะครบเทอมแบบนี้
ถือเป็นกระแสคำถามที่รุนแรงอย่างยิ่งสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ และบรรยากาศการเมืองของไทย

เนื่องจากต้องไม่ลืมว่า กลไกประชาธิปไตยของประเทศไทยในห้วงเวลานับตั้งแต่มีการทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา ทุกอย่างบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่างผิดกติกาไปหมด เพราะปัจจัยจากขั้วอำนาจพิเศษและทหาร ที่ก่อให้เกิดการทำลายล้างทางการเมืองอย่างรุนแรงนั่นเอง
กติกาประชาธิปไตยทั่วโลก... คิดต่าง เห็นต่างได้ เพราะเป็นเรื่องของนานาทัศนะ

แต่ประชาธิปไตยไทยหลักรัฐประหาร... คิดต่าง เห็นต่าง จะต้องถูกทำลายในสารพัดรูปแบบ แม้แต่กระทั่งว่ารุนแรงชนิดเข่นฆ่าทำลายล้างกันอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ในเมืองไทย… ก็ยังเกิดขึ้นมาแล้ว
ทำให้สถานการณ์การเมืองของไทยในวันนี้ แม้ว่าจะรู้ดีว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จะครบเทอมในช่วงปลายปี 2554 นี้แล้ว แต่หลายๆคนก็ยึงไม่แน่ใจว่า

ในปีนี้จะมีการเลือกตั้งใหญ่เกิดขึ้นหรือไม่???
ภายใต้ขั้วอำนาจพิเศษ ภายใต้รองเท้าบู๊ท และปากกระบอกปืน อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น!!!
แล้วแค่การที่พรรคประชาธิปัตย์จะลอกเลียนแบบ หรือจะนำนโยบายประชานิยมมาใช้จะแปลกตรงไหนกัน

จริงอยู่ในอดีตสมัยที่พรรคไทยรักไทย นำนโยบายประชานิยมมาใช้ พรรคประชาธิปัตย์จะเคยไม่เห็นด้วย เคยโจมตี เคยรังเกียจรังงอน แต่นั่นมันก็เพราะความเป็นพรรคฝ่ายค้าน ที่ต้องค้านดะเอาไว้ก่อน
รวมทั้งอาจจะขาดวิสัยทัศน์ในการที่จะรู้ว่า จริงๆแล้วนโยบายประชานิยมไม่ใช่นโยบายที่เลวร้าย แถมเป็นนโยบายที่ประชาชนรากหญ้ายอมรับและต้องการ... ดังนั้นตอนนั้นก็เลยค้านหัวชนฝา

แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยน นโยบายประชานิยมกลางเป็นสิ่งที่นักการเมืองต้องการมากเสียยิ่งกว่าประชาชนคนรากหญ้าเสียอีก เนื่องจากว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณรายจ่าย ซึ่งรัฐบาลผสมของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั้น ถือว่ามีข้อครหาอื้อฉาวในเรื่องงบประมาณอย่างมากที่สุด
ทุจริตมากเสียยิ่งกว่ารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กลุ่มนายทหาร ได้ใช้เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารมาแล้วด้วยซ้ำ

ฉะนั้นหากว่าจะมีการลอกเลียนแบบนโยบายประชานิยมมาจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใดทั้งสิ้นสำหรับรัฐบาลชุดนี้
และไม่แปลกที่แม้แต่นายอภิสิทธิ์ จะลืมคำพูดที่โจมตีเรื่องประชานิยม แล้วหันมาชื่นชมแทนด้วยการเปลี่ยนชื่อ รวมทั้งฉวยจังหวะวันขึ้นปีใหม่ ประกาศซึ้อใจประชาชนด้วยประชานิยม 9 ข้อ

1. ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม จะมีการปรับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยจะเปิดโอกาสให้สมทบเงินไม่เกิน 100 บาทต่อเดือน พร้อมเข้ามาอยู่ในระบบกองทุนประกันสังคมได้ แล้วจะได้สิทธิประโยชน์ในเรื่องของการชดเชยรายได้เมื่อเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต
2. เป็นสินเชื่อกรณีพิเศษให้ผู้ขับแท็กซี่ที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี สามารถเป็นเจ้าของรถแท็กซี่ใหม่ โดยผ่อนเงินดาวน์ต่ำสุด 5% ถ้ามีประสบการณ์มากกว่า 9 ปี โดยมีวงเงินสินเชื่อให้ 1,600 ล้านบาท
3. เรื่องของการขึ้นทะเบียนให้รถจักรยานยนต์รับจ้างถูกกฎหมาย 100% จะมีการจัดระบบ ออกบัตรประจำตัว เลขเสื้อวิน หมวกนิรภัย ให้สอดคล้องต้องกันทั้งหมด ซึ่งบัตรประจำตัวก็จะพัฒนาไปสู่การพัฒนาระบบสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์ต่อไปได้
4. เรื่องของผู้ค้าขายหาบเร่ แผงลอย ใช้หลักการเดียวกันกับผู้ที่ประกอบอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งจะดูแลในเรื่องของจุดผ่อนผัน ในหลายจุดที่จะมีการผ่อนผันเพิ่มเติม
5. เป็นการบริหารจัดการเกี่ยวกับกองทุนน้ำมัน โดยเลิกการอุดหนุนแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรม โดยจะให้ไปใช้แอลพีจีในราคาตลาด ส่วนภาคครัวเรือนและภาคขนส่งจะตรึงราคาไว้เหมือนเดิม
6. ผู้ที่ใช้ไฟน้อยกว่า 90 หน่วย จะใช้ไฟฟรีอย่างถาวร โดยจะปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียม ใครใช้ไฟเยอะ ก็ต้องจ่ายเงินเยอะ แล้วนำเงินส่วนนั้นมาให้ผู้ที่ใช้ไฟน้อย
7. เรื่องต้นทุนของภาคเกษตร เรื่องของอาหารสัตว์ พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ที่ปัจจุบันส่งผลให้ราคาเนื้อสัตว์สูงกว่าที่ควรจะเป็น จะพยายามทำให้เกิดความเป็นธรรมที่มากขึ้น
8. เรื่องการเปิดเผยต้นทุน ราคาต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ หรือสถานีโทรทัศน์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงความเคลื่อนไหวของราคาต้นทุนต่างๆ จะได้ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการค้าขาย ส่วนไข่ไก่ จะพยายามให้มีการค้าขายกันเป็นกิโล
และสุดท้าย…….
9. เป็นเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จะประกาศให้ภายใน 6 เดือน กรุงเทพฯ ปัญหาอาชญากรรมต่างๆจะลดลง 20% แนวทางคือ กำหนดพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงมากที่สุด 200 กว่าจุด จะมีกล้องวงจรปิด รวมถึงบุคลากรที่จะไปตรวจตราพื้นที่ โดยใช้งบ 200-300 ล้านบาท ในการปรับปรุงเรื่องของอุปกรณ์

ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พยายามชูว่าเป็นกระบวนการของการปฏิรูปประเทศไทย เป็นวาระเร่งด่วน ซึ่งแผนทั้งหมดจะได้มีการนำเสนอ ครม. ในวันนี้ (อังคารที่ 11 ม.ค.)
แต่แค่เปิด 9 ข้อออกมา เสียงสะท้อนผ่านคำว่าลอกเลียน ก็ระงมจนประชาธิปัตย์ทนไม่ได้!!!
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ต้องออกมายืนกรานว่า ไม่มีส่วนใดที่คล้ายคลึงกับนโยบายในอดีต ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนให้รัฐบาลได้ผ่านเป็นมติ ครม. โดยถือว่าเป็นการยืนยันสัญญาประชาคมอีกครั้งหนึ่ง

ในขณะที่ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญและนักศึกษาด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ ประจำสถาบันคอร์เนลล์เพื่อภารกิจของรัฐ (Cornell Institute for Public Affairs) มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ (Cornell University) กล่าวว่า......

จากการสุ่มตัวอย่างครัวเรือนจากฐานข้อมูล 20 ล้านครัวเรือนของประเทศ เรื่องเชื่อมั่น “แผนประชาวิวัฒน์” กับนายกฯ อภิสิทธิ์ จำนวน 1,138 ตัวอย่าง โดยดำเนินการในช่วง 9 ม.ค. 2554 พบว่า
ผู้ชมรายการสดที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.0 ระบุว่า ได้รับความชัดเจนในแผนประชาวิวัฒน์ ในเรื่อง การช่วยลดค่าครองชีพ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง รองลงมาหรือร้อยละ 62.5 ได้รับความชัดเจนในเรื่องการช่วยแก้ปัญหาทางการเงิน การประกอบอาชีพ ของกลุ่มอาชีพ แท็กซี่ รถรับจ้าง หาบเร่ แผงลอย และร้อยละ 62.0 ได้รับความชัดเจนในเรื่องหลักประกันสังคม หลักประกันสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชมรายการสดไม่ได้รับความชัดเจนในแผนประชาวิวัฒน์ที่ตนเองคาดหวังไว้ว่าจะได้ยินความชัดเจน ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.3 ไม่ได้ความชัดเจนเรื่องการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น
รองลงมาคือ ร้อยละ 56.6 ไม่ได้ความชัดเจนเรื่องการกระจายที่ดินและโฉนดชุมชน และร้อยละ 49.1 ไม่ได้ความชัดเจนเรื่องการแก้ปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตามลำดับ

ที่สำคัญส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.7 ระบุว่า เรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ยินในรายการสดเชื่อมั่นประเทศไทยฯ ล่าสุดนี้ เป็นเรื่องเก่าที่เคยได้ยินมาแล้ว
มีแค่ร้อยละ 31.3 ระบุเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งได้ยิน

ดร.นพดล กล่าวว่า สิ่งที่ประกาศไว้ในแผนประชาวิวัฒน์เวลานี้ส่วนใหญ่จะได้แค่ความรู้สึกทางจิตวิทยาเท่านั้น จึงขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของรัฐบาลว่า ประชาชนกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่จะจับต้องสิ่งที่ประกาศออกมาได้เมื่อไหร่

นอกจากนี้ยังมีความน่าห่วงใยอย่างน้อย 3 ข้อ คือ
1. ความไม่ยั่งยืนในนโยบาย 2. ความอ่อนแอในกลุ่มประชาชนที่คอยแต่จะรับสิ่งที่รัฐบาลจะให้ และ 3. “ความเท็จ”ที่จะมีการปั่นตัวเลขรายงานถึงความสำเร็จในโครงการต่าง ๆ
ทางออกคือข้อเสนอ 3 เร่ง ได้แก่
1. เร่งหามาตรการสนับสนุนให้เกิดความยั่งยืน 2. เร่งกระจายทรัพยากรให้ประชาชนและชุมชนได้ครอบครองเป็นเจ้าของที่ทำกินโดยเร็ว และ 3. เร่งแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นและการเลือกปฏิบัติในมาตรการต่าง ๆ ตามแผนประชาวิวัฒน์ครั้งนี้

ในขณะที่นายเมตตา บันเทิงสุข รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า นโยบายให้คนไทยกว่า 9.1 ล้านครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 90 หน่วยต่อเดือนใช้ไฟฟ้าฟรี คิดเป็นเงินที่ต้องชดเชย 1,200-1,600 ล้านบาทต่อปี

ซึ่งกระทรวงอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างราคาใหม่ในลักษณะที่จะเก็บค่าไฟฟ้าในอัตราก้าวหน้ากับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าสูงกว่า 90 หน่วยต่อเดือนเข้ามาชดเชย ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมคาดว่าจะรับภาระเพิ่มเฉลี่ยไม่เกิน 1% ต่อราย เพราะผู้ที่ใช้ไฟฟ้าฟรีคิดเป็นมูลค่าเพียง 4% ของมูลค่าการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศ

นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลัง งาน กล่าวว่า กลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าเยอะจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมมีสัดส่วนสูงกว่า 50% ของมูลค่าใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีส่วนเข้ามารับผิดชอบตรงนี้

ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่าไม่ได้มีอะไรใหม่ ๆ ให้ประชาชนเลย เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำออกมานั้นไม่ได้แตกต่างจากโครงการเอื้ออาทรของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ทำเพื่อการซื้อเสียงอย่างชัดเจนเหมือนเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า

“โครงการที่รัฐบาลพยายามทำนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรที่จะทำมาตั้งแต่ 2 ปีก่อนหน้านี้แล้ว แต่เพิ่งจะมาคิดที่จะทำ จึงอยากถามว่า 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเอาเวลาไปทำอะไร เพิ่งจะมาคิดทำตอนนี้”

นางวรวรรณ ชาญด้วยวิทย์ นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงนโยบายประชาวิวัฒน์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแรงงานนอกระบบว่า โดยภาพรวมยังไม่มีความชัดเจนมากนัก ต้องดูรูปแบบการประกันความเสี่ยงที่รัฐบาลจะเสนอออกมา

ซึ่งส่วนตัวคิดว่าการนำมาตรา 40 ของ พ.ร.บ.ประกันสังคม มาใช้เพื่อเป็นสวัสดิการนั้นไม่เหมาะสมทั้งตัวเงินสมทบที่ต้องจ่าย และสิทธิที่ได้รับ

ก็คงต้องดูว่าโครงการเร่งรัฐปฏิบัติการด่วนเพื่อคนไทย หรือประชาวิวัฒน์ ที่อ้างว่าไม่ใช่นโยบายประชานิยม หรือลอกเลียนแบบใครมานั้น
สุดท้ายแล้วจะประทับใจประชาชนคนไทยจริงๆมากน้อยเพียงใด???