ที่มา ข่าวสด
เหตุการณ์การเมืองเลือดตกยางออกกรณี นายประชา ประสพดี อดีตส.ส. สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ถูกมือปืนประกบยิงคารถเก๋งได้รับบาดเจ็บ
เกิดขึ้นคล้อยหลังเพียงวันเดียวจากที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ประกาศยุบสภา พร้อมกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่วันที่ 3 ก.ค.
จาก การสืบสาวของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ามือปืนไม่ได้ต้องการแค่ยิงข่มขู่ให้ หวาดกลัว แต่มีเจตนาฆ่าให้ตาย โชคดีที่นายประชายังดวงแข็งเลยรอดชีวิตมาได้
ส่วน สาเหตุจะมาจากปมขัดแย้งเรื่องใดกับใครนั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานไว้หลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งแต่ละเรื่องล้วนโยงใยเข้าหานักการเมืองหลายกลุ่ม
ทั้งนักการ เมืองระดับชาติ และนักการเมืองท้องถิ่นที่เตรียมอาศัยการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. ยกระดับขอบเขตอำนาจของตัวเองขึ้นสู่การเป็นนักการเมืองระดับชาติ
โดยเห็นว่านายประชา คือขวากหนามสำคัญ จำเป็นต้องขจัดทิ้งเพื่อให้ตนเองบรรลุจุดมุ่งหมาย
กรณี ที่เกิดขึ้นกับนายประชา คือเครื่องหมายแรกของความรุนแรงในการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจทางการเมือง ผ่านการเลือกตั้งส.ส.ที่กำลังจะมีขึ้นอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
เป็นบรรยากาศไม่ต่างจากที่หลายฝ่ายเคยคาดการณ์ไว้
จะ อย่างไรก็ตามถึงนายอภิสิทธิ์ จะประกาศยุบสภาแล้ว แต่นายกฯ และรัฐบาลยังอยู่ทำหน้าที่รักษาการไปจนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้น และมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
ดังนั้น คดีของนายประชา จึงยังเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาล ต้องหาวิธีคลี่คลายโดยเร็วเพื่อขจัดข้อครหาใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากเหยื่อผู้ถูกหมายปองชีวิตเป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน
อีกทั้ง รัฐบาลต้องพยายามจำกัดขอบเขตความรุนแรง ไม่ให้ขยายวงกว้างไปยังพื้นที่เขตเลือกตั้งอื่นๆ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปตามที่ประชาชนคาดหวัง
จะเป็นเครื่องมือนำพาความสงบเรียบร้อยมาสู่บ้านเมือง
พ้น จากเรื่องนายประชา ยังมีอีกหลายเรื่องสะท้อนว่าในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ละฝ่ายพร้อมสู้กันด้วยวิชามารสารพัดรูปแบบทั้งบนดินและใต้ดิน
นอกจากการจ้างวานมือปืนยิงฝ่ายตรงข้าม
กรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ กับ นายนิสิต สินธุไพร อดีตส.ส.และแกนนำคนเสื้อแดง ถูกถอนการประกันตัวในคดีก่อการร้าย อันเนื่องมาจากการปราศรัยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยมี นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบ สวนคดีพิเศษ มือไม้หลักของรัฐบาล เป็นคนดำเนินการยื่นร้องศาลอย่างแข็งขัน
ข้อวินิจฉัยของศาลนั้น เป็นไปตามพยานหลัก ฐานที่ยื่นร้อง ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแน่นอน ต้องเคารพ ล่วงละเมิดมิได้
แต่ถ้าจับตามองบทบาทนายธาริตที่มีเงาผู้นำรัฐบาลทาบทับ ก็ถือเป็นการห้ำหั่นกันทางการเมืองอีกรูปแบบหนึ่ง
หลาย คนจับตาว่าการเดินหน้าของนายธาริตเพื่อส่ง 2 แกนนำเสื้อแดงเข้าไปนอนในคุก โดยเฉพาะนายจตุพร ที่เป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.และนักปราศรัยแถวหน้าของพรรคเพื่อไทย
จะทำ ให้พรรคเพื่อไทยได้รับผลกระทบไปในทางใด และคนเสื้อแดงจะลุกฮือขึ้นมาอีกระลอกหรือไม่ ในจังหวะวันครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุม 19 พฤษภาฯ 53
ในส่วนของพรรคเพื่อไทยมีการมองต่างกันเป็นสองทาง
บ้างก็ว่าน่าจะเป็นผลเสียหายต่อพรรคเพื่อไทย เพราะนักปราศรัยระดับแม่เหล็กที่สามารถดึงดูดมวลชนได้คราวละมากๆ ถูกปิดปากไป 1 คน
แต่ที่เป็นไปได้มากกว่าคือกรณีนายจตุพร อาจเป็นปัจจัยทำให้พรรคเพื่อไทยยิ่งได้รับคะแนนเลือกตั้งเพิ่มมากขึ้นในภาคอีสานและเหนือ
ด้วย ความรู้สึกว่าคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายถูกรัฐบาลกดขี่ข่มเหงมาตลอด โดยเฉพาะเหตุ การณ์ปราบม็อบเสื้อแดงเมื่อ 19 พ.ค.53 ที่มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ บาดเจ็บอีกเกือบ 2,000 คน
จึงอาจระบายแค้นสั่งสอน "รัฐบาลอภิสิทธิ์" ผ่านการลงคะแนนเลือกตั้ง
ส่วน ที่ว่าอาจเกิดการชุมนุมที่มีความรุนแรงจนไม่สามารถเลือกตั้งได้นั้น นัก วิเคราะห์การเมืองมองว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะทั้งคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย ต่างมีเจตนาที่อยากให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น
เพราะมั่นใจว่าจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ
ไม่เพียงผลสำรวจสวนดุสิตโพลที่พบประชาชนกว่าร้อยละ 40 เชื่อว่าการเลือกตั้งจะมีการแข่งขันที่ดุเดือดเข้มข้น
สื่อต่างประเทศก็ยังออกบทความวิเคราะห์การเลือกตั้งของไทย
ชี้ ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทย
ที่ล่าสุดตัดสินใจส่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวลงสมัครส.ส.อันดับ 1 ในระบบบัญชีรายชื่อ เป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งนายกฯ
นอก จากนี้ สื่อต่างประเทศยังเชื่อว่า การเลือกตั้งของไทยจะไม่ปลอดจากภัยคุกคาม หรือแทรกแซงจากบางระบบ และไม่น่าจะเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม
ซึ่ง เป็นการวิเคราะห์ที่ไม่ได้แตกต่างจากความเห็นของคนไทยส่วนใหญ่ หรือนักวิชาการด้านการเมืองที่มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีแต่จะเพิ่ม สถานการณ์การเผชิญหน้าและแบ่งข้างมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะการที่พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามหาเสียงให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย เพื่อตนเองจะได้เดินทางกลับประเทศในปลายปีนี้
ยิ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกรงจะถูกแก้แค้น จึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งพ.ต.ท.ทักษิณให้ได้ รวมถึงพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง
ขณะ ที่ผลสำรวจโพลสำนักต่างๆ ล้วนไม่เป็นใจให้กับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะไม่ว่าจะกี่โพลที่ออกมาล้วนชี้ถึงแนวโน้มตรงกันว่าจะเป็นฝ่ายแพ้เลือก ตั้งให้กับพรรคเพื่อไทย
แต่เหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์นำมาปลอบใจตัวเองก็คือ ช่วงนี้เป็นแค่โค้งแรกการเลือกตั้งเท่านั้น ผลสำรวจโพลจึงยังเป็นเรื่องไม่แน่นอน
รวม ถึง 2 เหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ กรณีนายประชา ประสพดี และกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ คือตัวอย่างของปัจจัยที่จะทำให้กระแสการเมืองการเลือกตั้งพลิกไปพลิกมาได้ ตลอด
ก่อนจะไปตัดสินชี้ขาดกันวันที่ 3 ก.ค.