ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
สมิงสามผลัด
เคยมีคนเตือนไว้ตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วว่าความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความไม่ยุติธรรม
คดีสลายม็อบแดง 91 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 2 พันคนเป็นเครื่องยืนยันได้ดี
เพราะล่วงเลยมาเกือบ 1 ปีครึ่งแล้ว ยังไม่มีการจับกุมคนสั่งปราบปรามประชาชนมาลงโทษตามกฎหมายได้เลย
และหากเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ข่าวสดตลอด 1 เดือน เศษที่ผ่านมา มีการเสนอข่าวทวงความยุติธรรม 91 ศพมาอย่างต่อเนื่อง
จะเห็นถึงความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังของผู้สูญเสีย
บางคนสูญเสียลูก สามี พ่อ ขาดเสาหลักครอบครัว กลายเป็นกำพร้า
หลายๆ ชีวิตล้วนเห็นตรงกันว่าไม่ได้รับความยุติธรรมมาตลอดเวลา 1 ปี 5 เดือน
การออกมาทวงถามความยุติธรรมของคนเหล่านี้ ก็เพราะหวังพึ่งรัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไข
ทำกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยวในอดีต ให้กลับสู่ปกติ
หวังว่าคดีความที่อืดอาดล่าช้าจะได้รับการแก้ไข และดำเนินคดีกับผู้สั่งการสลายม็อบแดง
ถือว่าเป็นภาระสำคัญที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่อาจนิ่งดูดายได้เลย
แต่ไม่ใช่แค่สะสางคดี 91 ศพให้เกิดความยุติธรรมอย่างเดียว
การป้องกันไม่ให้เกิดการสังหารหมู่คนที่มีความเห็นแตกต่าง ก็ต้องทำให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
และต้องเป็นที่ยอมรับจากสังคมโลกด้วย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา องค์กรเครือข่ายระหว่างประเทศ ซึ่งมีสมาชิกกว่า 2,500 องค์กร และหน่วยงานจาก 150 ประเทศทั่วโลก
ทำหนังสือถึง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเข้าร่วมภาคีศาลอาญาระหว่างประเทศในเดือนต.ค.นี้
ต้อง การให้รัฐบาลไทยแสดงเจตจำนงที่จะร่วมกับประชาคมโลกในการต่อสู้ ต่อต้านระบบ "ลบล้างความผิด" ด้วยการให้สัตยาบันต่อธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นศาลอาญาถาวรระหว่างประเทศแห่งแรกและแห่งเดียวของโลกที่มุ่งจัดการ กับคดีที่มีลักษณะเป็นอาชญากรรมสงคราม อาชญากรรมต่อต้านมนุษยชาติ และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ข้อเรียกร้องของสังคมโลกครั้งนี้ มีผลกับคดีการสังหารหมู่ 91 ศพใจกลางกรุงเทพฯ แน่นอน
เป็นอีก 1 ช่องทางสำคัญที่จะนำตัว "คนสั่ง" ขึ้นสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศได้
ที่สำคัญการเข้าร่วมภาคีศาลอาญาระหว่างประเทศ
ยังเป็นเครื่องเตือนสติอำนาจรัฐ
ไม่ให้ใช้อาวุธปราบปรามประชาชนในอนาคต