ที่มา ประชาไท
ชะตากรรมประชาชนภายใต้กฎหมายพิเศษน่าเป็นห่วง การเมืองนำการทหารล้มเหลว เมื่อประชาชนมอบชีวิตให้ทหารดูแล แต่ทหารชั้นผู้น้อยเข้าใจยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาไม่ตรงกับผู้บังคับบัญชา กฎหมายพิเศษแม้จำเป็นต่อการสร้างความมั่นคงของรัฐ แต่ล้มเหลวในการอำนวยความ เป็นธรรมและสร้างความมั่นคงแก่ประชาชน ทั้งยังเอื้อต่อการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างรุนแรง
แม้ว่ารัฐบาล “ปู 1” แถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 1 เดือน ว่า รัฐจะเร่งสร้างสันติสุขสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)ยกร่างโครงสร้างการทำงานใหม่ โดยใช้ชื่อว่าศูนย์บูรณาการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบ.กช.)
แต่ทว่าการปฏิบัติงานของรัฐไทยยังคงเดิม เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชน ความรุนแรงและการสูญเสียยังคงเกิดขึ้นทุกวี่วัน แม้มีกฎหมายพิเศษที่ให้อำนาจและสิทธิอย่างเบ็ดเสร็จแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นสิทธิพิเศษในการตรวจล้อม จับกุม คุมขัง สอบสวนและตรวจหาพยานหลักฐานนอกเหนือที่กฎหมายปกติให้ไว้ ก็ตามที
ตลอดระยะ 7 ปีที่ผ่านมา รัฐไทยมีมาตรการทางการทหารที่เข้มข้นโดด เด่น (ปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม คุมขัง ฯลฯ) แต่เหตุการณ์ความรุนแรงยังคงดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ยังคงรักษา “คุณภาพ” ของความรุนแรงและการก่อเหตุสะเทือนขวัญสังคมนานับประการ เช่น การยิงชุดคุ้มครองครู การตัดคอ ลอบสังหารเจ้าหน้าที่ ฆ่าพยาบาลสามพัน คาร์บอม Third bomb ฯลฯ ประหนึ่งว่า การอัดกำลังทหารลงพื้นที่ดูจะไร้ผล เช่นเดียวการคงไว้ซึ่งกฎหมายพิเศษ ที่ไม่สามารถประกันความปลอดภัยในพื้นที่ฯ ได้เช่นกัน
แม้กระแสสังคมช่วงที่ผ่านมา จะร้องขอให้รัฐบายกเลิกการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ และใช้กฎหมายปกติ (ประมวลกฎหมายอาญา) เฉกเช่นเดียวกับประชาชนในภาคอื่นๆ ของประเทศ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและลดอคติที่ว่า รัฐไทยเลือกปฏิบัติเพียงความแตกต่างทางชาติพันธ์ เพราะท้ายที่สุด ผู้ต้องสงสัยตามกฎหมายพิเศษก็ต้องเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ต้องหาตามกฎหมาย ปกติ และกระบวนการพิจารณาคดีก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายปกติ เช่นกัน
แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากรัฐไทยอยู่ดี เพราะรัฐเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า ตนเดินมาถูกทางแล้ว ซึ่งสวนทางกับความเห็นของประชาชน (บางส่วน) ที่มองว่า
“ชีวิตของตนเองยังเอาไม่รอด แล้วยังจะอาสาแบกชะตากรรมของประชาชนได้อย่างไร กฎหมายพิเศษไม่สามารถคุ้มครองความปลอดภัยและความผาสุกของเราได้ ตรงกันข้าม มันสร้างรอยแผลให้คนบริสุทธิ์.... เพราะที่ผ่านมาสะท้อนให้เราเห็นว่า ใครก็ตาม ที่เคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมทาง สังคมเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม คนนั้นมักจะโดนหมายเรียก..... ถูกเชิญตัวไปสอบสวนเพราะหวาดระแวงว่า น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างสถานการณ์ เพียงเพราะคนนั้น ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่สีแดง พื้นที่ที่เจ้าหน้าที่รัฐอ้าง ว่า เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์แห่งสงครามสู้รบระหว่างรัฐไทยและขบวนการต่อสู้เพื่อ อิสรภาพแห่งปาตานีหรือที่รู้จักกันในกลุ่ม BRN.............”
นั่นคือเสียงหนึ่งจากการพูดคุยในวง INSouth Public ภายใต้กิจกรรมโรงเรียนประชาธิปไตยจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา