ที่มา ประชาไท
“คณะศิษย์เก่า มธ.” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเรียกร้องไล่ “สมคิด เลิศไพฑูรย์” ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มี “วีระกานต์ มุสิกพงศ์” อดีตแกนนำ นปช ร่วมวงแถลงข่าวด้วย ร่อนจดหมายเปิดผนึก-แถลงการณ์ สวดยับอธิการบดีมธ.ทั้งคนก่อนหน้าและคนปัจจุบันนำมหาวิทยาลัยรับใช้ระบอบ เผด็จการ มิหนำซ้ำยังดูหมิ่น “ปรีดี พนมยงค์” ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปทำพิธีขอขมา “ปรีดี” ที่ลานปรีดีที่กลุ่มตนไม่สามารถยับยั้งลัทธิเผด็จการในรั้ว มธ ได้ ปัด ไม่ได้บูชาตัวบุคคลปรีดี เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องหลักการ
สืบเนื่องจากที่ “คณะศิษย์เก่าธรรมศาสตร์” ได้ออกแถลงการณ์เชิญชวนให้ศิษย์เก่าและประชาชนร่วมชุมนุมขับไล่ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ณ ข้างหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันนี้ (5 ตุลาคม) ตามที่สำนักข่าวประชาไทรายงานไปแล้วนั้น ในวันนี้ผู้สื่อข่าวประชาไทได้เดินทางไปสังเกตการณ์กิจกรรมของ “คณะศิษย์เก่าธรรมศาสตร์” ดังกล่าวที่เริ่มรวมตัวตั้งแต่ก่อนเวลา 10.00 น. โดยมีการตั้งโต๊ะให้ลงนามแสดงเจตนารมณ์ขับไล่นายสมคิดในบริเวณสวนปฏิมากรรม ใกล้ทางเข้าออกมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฝั่งสนามหลวง มีการนำป้ายผ้าขนาดใหญ่ที่มีข้อความโจมตีอธิการบดีมธ.ขึ้นขึงในบริเวณดัง กล่าว และยังได้นำพวงหรีดพร้อมข้อความ “อธรรมศาสตร์จงพินาศ” และ “ต่อต้านอธรรมศาสตร์” มาวางบริเวณโต๊ะแถลงข่าวด้วย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งเต๊นท์ขายสินค้าและจัดเตรียมงานรำลึก 6 ตุลา ในบริเวณรอบด้านอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก จึงมีคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งจับกลุ่มยืนดูกิจกรรมของ “คณะศิษย์เก่าธรรมศาสตร์” อย่างสนใจ ส่วนสมาชิกของ “คณะศิษย์เก่าธรรมศาสตร์” มีประมาณ 20 คน และมีผู้สื่อข่าวหลายสำนักเดินทางมาทำข่าวอย่างหนาแน่น
เวลาประมาณ 10.10 น. “วีระกานต์ มุสิกพงศ์” อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่เคยทำหน้าที่เป็นแกนนำเวที นปช ในเหตุการณ์ประท้วงมีนาคม-พฤษภาคม 2553 ได้เดินทางมาลงชื่อสนับสนุนการขับไล่อธิการบดีธรรมศาสตร์ในฐานะที่ตนเป็น ศิษย์เก่า ทำให้เกิดเสียงฮือฮาจากคนเสื้อแดงที่กำลังดูเหตุการณ์อยู่ อย่างไรก็ตาม มีคนเสื้อแดงบางส่วนกลับเดินหนีนายวีระกานต์ทันทีพร้อมกล่าวว่า ไม่อยากยกมือไหว้
เมื่อถึงเวลา 10.30 น. ผู้จัดกิจกรรมของกลุ่ม “คณะศิษย์เก่าธรรมศาสตร์” จำนวน 5 คน พร้อมนายวีระกานต์ ได้เริ่มการแถลงข่าว เริ่มด้วยการอ่านแถลงการณ์ในนามศิษย์เก่าทุกรุ่นของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความไม่พอใจที่นายสมคิดรับใช้ระบอบรัฐประหารและดูหมิ่น “ปรีดี พนมพงค์” โดยการนำการปฏิวัติ 2475 ของนายปรีดีไปเทียบกับการรัฐประหาร และอ่านจดหมายเปิดผนึกที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน โดยมีคำแปลภาษาอังกฤษด้วย (ทั้งแถลงการณ์และจดหมายเปิดผนึก สามารถอ่านได้ที่เว็บไซต์ www.tudemoc.com) เมื่อการอ่านแถลงการณ์และจดหมายเปิดผนึกจบลง ผู้ฟังรอบด้านก็ปรบมือและส่งเสียงโห่ร้อง
หลังจากกิจกรรมแถลงข่าวสิ้นสุดลง ในเวลา 10.50 น. “คณะศิษย์เก่าธรรมศาสตร์” ได้ออกเดินขบวนมุ่งหน้าไปที่ลานปรีดีพร้อมดอกไม้ธูปเทียนเพื่อทำพิธี โดยประกาศเชิญชวนให้ศิษย์เก่าธรรมศาสตร์คนอื่นๆและประชาชนทั้งหมดที่ยืนดู เหตุการณ์อยู่ร่วมเดินขบวนไปด้วย ทำให้มีผู้ร่วมขบวนถึงประมาณ 100 คน นำขบวนโดย นายมณฑล เลิศสุวรรณ อดีตรองประธานสภานักศึกษาธรรมศาสตร์ และ นายทวิพัทร บุณฑริกสวัสดิ์ นักศึกษาปริญญาโท คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่างการเดินขบวนไปลานปรีดีได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นเล็กน้อยเมื่อหน่วย รักษาความปลอดภัยของตึกโดมไม่อนุญาตให้กลุ่มเดินผ่านตึกโดมเพื่อไปยังลาน ปรีดี จึงต้องใช้เส้นทางอื่นแทน อย่างไรก็ตาม หน่วยรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่มาสังเกตการณ์กิจกรรมของ กลุ่มค่อนข้างบางตา และเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคเรียนจึงไม่มีนักศึกษาในบริเวณมหาวิทยาลัยมากนัก
เวลา 11.00 น. ตรง ตัวแทน “คณะศิษย์เก่าธรรมศาสตร์” ทำพิธีวางธูปเทียนและกล่าวขอขมาบริเวณรูปปั้นปรีดีพนมยงค์ ก่อนจะถ่ายรูปหมู่รวมศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ อันเป็นที่สิ้นสุดของกิจกรรมการประท้วง
นายสายัณห์ สุธรรมสมัย ศิษย์เก่ารุ่นปี มธ. 2511 ได้ให้สัมภาษณ์กับบรรดาผู้สื่อข่าวว่า ตนเองไม่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของใครทั้งสิ้น แต่การสนับสนุนรัฐประหาร และการที่นายสมคิดเรียกนายปรีดีว่าเป็นผู้ทำรัฐประหาร ถือว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ โดยกลุ่มตนจะเคลื่อนไหวต่อไป ไม่มีเป้าหมายที่กำหนดไว้ในการลงชื่อ ประชาชนยังสามารถเข้าร่วมลงชื่อได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีผู้เข้าร่วมลงชื่อเป็นจำนวนร้อยคนแล้ว สำหรับคำถามที่ว่าตนเองต้องการเห็นใครมาเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แทนนายสมคิดนั้น นายสายัณห์กล่าวว่า ตนไม่มีตัวเลือกจะเสนอ ให้เป็นเรื่องของสภามหาวิทยาลัยพิจารณาเอง ผู้สื่อข่าวประชาไทได้ถามนายสายัณห์ว่า การแสดงออกครั้งนี้ถือเป็นการบูชาตัวบุคคลนายปรีดี พนมยงค์ หรือไม่ นายสายัณห์จึงชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นเรื่องของบุคคล แต่เป็นเรื่องของหลักการ เนื่องจากนายปรีดีเป็นสัญลักษณ์ของหลักการประชาธิปไตยไทย การดูหมิ่นเหยียดหยามนายปรีดี จึงถือได้ว่าเป็นการไม่เคารพหลักการประชาธิปไตยที่นายปรีดีได้สถาปนาใน ประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ นายสายัณห์เห็นว่า นายปรีดีมิได้ทำรัฐประหาร แต่ถือว่าเป็นการทำ “อภิวัฒน์” หรือ “ปฏิวัติ” สังคมไทย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างถึงราก มิใช่ผลัดเปลี่ยนอำนาจอย่างรัฐประหารเท่านั้น
นายสายัณห์ยังได้เปิดเผยด้วยว่า “คณะศิษย์เก่าธรรมศาสตร์” ที่เดินทางมาทำกิจกรรมในวันนี้ พอรู้จักกันบ้างอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นรุ่นใกล้เคียงกัน ในตอนแรกที่ทุกคนได้ยินข่าวเรื่องข้อเขียนของนายสมคิดก็เงียบๆ แต่ต่อมาจึงคุยโทรศัพท์ติดต่อกันจนกลายเป็นรวมตัวกันจัดการประท้วงตามที่ เห็นในวันนี้
ขณะเดียวกัน นายทวิพัทร บุณฑริกสวัสดิ์ นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวประชาไทว่า ตนเองเห็นว่ากิจกรรมการประท้วงครั้งนี้ก็มีลักษณะบูชาตัวบุคคลส่วนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของหลักการมากกว่า ตนมองว่านายสมคิดไม่ได้เหยียดหยามนายปรีดีอย่างเดียว แต่เหยียดหยามหลักการของนายปรีดีด้วย อย่างไรก็ตาม ตนเองคิดว่าความวุ่นวายครั้งล่าสุดจากคำพูดของนายสมคิดเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ ต่อเนื่อง (series) จากสิ่งที่ “กลุ่มนิติราษฎร์” เสนอต่อสังคมไทย ซึ่งการต่อต้านจากนายสมคิดเป็นเพียงหนึ่งเหตุการณ์ และตนมั่นใจว่าจะมีการต่อต้านมาอีกมากในอนาคตอันใกล้
นายทวิพัทรกล่าวเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวประชาไทอีกว่า ในฐานะที่ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตนเองเห็นว่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ข้อเสนอของ “กลุ่มนิติราษฎร์” จนมาถึงการประท้วงเพื่อยืนยันหลักการของนายปรีดีในวันนี้ เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า “จิตวิญญาณธรรมศาสตร์” ยังไม่ได้ตายจากไปไหน เนื่องจากยังมีฐานแนวคิดว่าด้วยประชาธิปไตยของธรรมศาสตร์และนายปรีดีให้ ประชาชนในสมัยปัจจุบันอิงในการเรียกร้องทางการเมือง และตนยังมองว่า “กลุ่มนิติราษฎร์” ได้ช่วยฟื้นฟูจิตวิญญาณดังกล่าวกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง ส่วนคำถามที่ว่าห่วงเรื่องการศึกษาของตนในรั้วธรรมศาสตร์หลังจากออกมาแสดง ความไม่เห็นด้วยกับอธิการบดีธรรมศาสตร์ในวันนี้หรือไม่ นายทวิพัทรกล่าวว่า ไม่ค่อยห่วงนัก เพราะเท่าที่ทราบก็มีหลายคนในธรรมศาสตร์ที่คิดเห็นต่อนายสมคิดแบบตนมากอยู่ แล้ว
นายทวิพัทรยังได้แสดงเจตนาฝากข้อความไปให้นายสมคิดผ่านทางประชาไทด้วยว่า “ละอายใจเหอะ”