WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, October 8, 2011

เจาะใจ"ณัฐวุฒิ"..ผมรู้ว่าใครคิดอะไรอยู่ รู้ว่าเขาเคลื่อนไหว ต้องไม่ประมาท เขาทำงานหนัก ผมก็ทำงานหนัก

ที่มา มติชน


"ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า ใครจะอยู่ ณ จุดใด ในปลายทางของการต่อสู้ แต่เชื่อมั่นสุดใจว่า ชัยชนะจะเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย กี่เจ็บปวด กี่สูญเสียที่ผ่านมา เรายินดีเอาสองบ่าแบกไว้ และเมื่อถึงวันแห่งชัยชนะ เราจะวางเสมอภาค เสรีภาพ ภราดรภาพลงตรงหน้าประชาชน"


ประโยคข้างต้น เป็นข้อความจากใจของชายคนหนึ่ง ในหนังสือ "สุภาพบุรุษไพร่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ที่ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจของชนชั้นนำ ที่เข้ามาถาโถมประชาธิปไตยและพี่น้องคนเสื้อแดง ที่ร่วมต่อสู้มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน


เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี ผลลัพธ์ก็ออกมาในห้วงของชัยชนะของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ "ณัฐวุฒิ" เรียกว่า "ไพร่" แม้เขาจะบอกว่า ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดก็ตาม


เพราะท้ายที่สุด หนทางการต่อสู้นับจากนี้ไปยังอีกยาวนาน และแสนไกล บนจุดยืนของประชาธิปไตย โดยมี "เพื่อไทย" และ "ทักษิณ" เป็นเพื่อนร่วมชะตากรรม "เสื้อแดง"



"ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์กับ "มติชนออนไลน์" ว่า จากการที่ผมได้มาเป็นส.ส. หรือผู้แทน ซึ่งไม่รู้ว่าผมจะได้เป็นนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าจะเป็นได้กี่วัน หรือในวันข้างหน้าผมจะได้เป็นส.ส.อีกหรือไม่ แต่วินาทีสุดท้าย ผมก็มั่นใจได้ว่าผมยังเป็นคนเสื้อแดง และจะเป็นคนเสื้อแดงตลอดชีวิต นี่จึงเป็นการต่อสู้ที่ภาคภูมิใจ เป็นการต่อสู่ที่พี่น้องเสื้อแดงได้เสียสละเอาไว้มากมาย

ทั้งนี้ ความยิ่งใหญ่ของคนเสื้อแดงไม่ได้อยู่ที่แกนนำ ไม่ได้อยู่ที่ตัวตนของใคร แต่อยู่ที่ประชาชน อยู่ที่จิตวิญญาณที่มีพัฒนาการร่วมกัน อยู่ที่การเสียสละที่ไม่มีขีดจำกัด โดยการที่ประชาชนต่อสู้เพื่อเสื้อแดงนั้น เขาก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะเป็นพลังในการต่อสู้ทางการเมือง และก็ไม่เคยคิดว่า ตัวเองต้องมาอยู่กลางถนน ตากแดด ตากฝน ดังเช่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

1 เดือนที่ผ่านมา เล่นบทบาทคนเสื้อแดง หรือ ส.ส.พรรคเพื่อไทยด้วย มากกว่ากัน

ณัฐวุฒิ บอกว่า 2 บทบาทไม่ขัดกัน เพราะการเป็นคนเสื้อแดงกับการเป็นส.ส.อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน นั่นก็คือ ประชาธิปไตย การต่อสู้ร่วมร่วมกับประชาชน แต่ข้อจำกัดมีอยู่บ้าง ในบางเรื่อง เนื่องจากการเมืองจำเป็นต้องละเอียดอ่อน ยิ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถือเป็นจุดเปลี่ยนอย่างหนึ่งของวิกฤติการเมืองไทย จึงต้องระมัดระวังในการเคลื่อนไหว ต้องคิดให้รอบคอบว่าขยับอย่างไร ซึ่งต่างจากการต่อสู้กับอำนาจที่มาจากนอกระบบอย่างชัดแจ้งในฐานะนปช. เพราะเวลานั้นจะรุกหรือรับ สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ปะทะได้ เคลื่อนไหวเรื่องแหลมคมได้ แต่สถานการณ์นี้ต้องละเอียด นี่จึงกลายเป็นข้อจำกัด แต่ก็ไม่ได้ทำลายการต่อสู้ ขณะเดียวกัน สิ่งนี้กลายเป็นหน้าที่ที่เราต้องเดินผ่านไปให้ได้ ต้องทำความเข้าใจว่าสถานการณ์เปลี่ยน ฉะนั้นวิธีการต้องเปลี่ยนด้วย โดยมีเป้าหมายคงเดิม

ข้อจำกัดทำให้รู้สึกอึดอัดหรือไม่

ตรงนี้ก็มีบ้างเป็นธรรมดา เพราะว่า เราเป็นเสรีชน และเป็นคนที่ไวต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชน จะเห็นได้ว่า ช่วงหนึ่งก็เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ปรากฎเป็นข่าว เก็บตัวทำงานบางเรื่อง ที่คิดว่าเป็นการภายใน หรือจะเป็นประโยชน์มากกว่า แม้บางทีพี่น้องคนเสื้อแดงจะวิพากษ์วิจารณ์บ้างว่า อยู่ที่ไหน ไม่เห็นออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งเรื่องนี้ผมก็เข้าใจได้ แต่การวิจารณ์นั้น ก็เพราะประชาชนเขาเป็นห่วงสถานการณ์การต่อสู้ แม้สิ่งที่ผมทำนั้นจะไม่จำเป็นต้องประกาศว่าทำอะไร และผลที่เกิดขึ้นตามมาก็ไม่คิดที่จะฉวยโอกาสมาเป็นผลงานตัวเองด้วย

สมดุลระหว่างเสื้อแดงกับเพื่อไทยอยู่ตรงไหน

ณัฐวุฒิ คิดว่า ทุกวันนี้ไม่จำเป็นต้องถ่วงดุลกัน ถ้าพรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดงมีจุดยืนร่วมกัน หรือทุกอย่างสามารถรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้ แกนนำแดงที่เป็นส.ส. ก็ต้องหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับพรรคเพื่อไทย ตราบเท่าที่พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนเป็นประชาธิปไตยเหมือนกัน ส่วนนปช.คนอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นส.ส. ก็เป็นอีกขาหนึ่งในการขับเคลื่อน หรือทำงานที่เป็นระบบของนปช.

สุดท้ายเมื่ออุดมการณ์ จุดยืน หรือสถานการณ์เปลี่ยนไป เมื่อต้องเลือกยืน ผมก็มีคำตอบอยู่ในใจว่า "ผมจะเป็นคนเสื้อแดง" ใน เมื่อไม่เปลี่ยนแปลงก็ต้องเดินไปด้วยกัน เราต่อสู้เพื่อให้การเมืองเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยในรัฐสภาที่แข็งแกร่ง และเดินไปข้างหน้าได้ พรรคเพื่อไทยถือเป็นตัวแทนที่กลุ่มคนเสื้อแดงไว้วางใจ ไม่คิดตั้งพรรคเอง ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยยังเป็นแนวร่วม และเป็นมิตรที่ดีอย่างยิ่งในการต่อสู้ของเรา

ปัจจัยอะไรที่ทำให้ต้องแยกทางกัน

ภาพกว้างของเราคือจุดยืนที่เป็นประชาธิปไตย แต่รายละเอียดที่ให้แยกเป็นข้อๆ นั้น ผมว่าในวันนี้ยังไม่ใช่เวลาที่อธิบาย เพราะเราถือว่าพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นมิตรที่ต่อสู้กันมานาน และไม่รู้จะต่อสู้อีกนานแค่ไหน วันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องมาพูดว่าอย่างไรถึงจะแยกทางกัน ถ้าถึงเวลานั้น ผมก็เชื่อว่า เหตุการณ์จะเป็นตัวอธิบายเอง แต่ในวันนี้ยังต้องกอดคอกันไปจนถึงวินาทีสุดท้าย

เข้าสภาฯวันแรกโดนรับน้อง

ณัฐวุฒิ บอกว่า เข้าใจว่าเหตุการณ์ในวันอภิปรายนโยบายของรัฐบาลนั้นมันมีสิ่งที่อยู่ "ระหว่างบรรทัด" เหมือนกัน ผมรู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์คิดอะไรกันอยู่รู้ว่าเขาจะเล่นอะไร แต่ผมก็พร้อมที่จะกระโดดขึ้นเวทีไปด้วย เพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่า ถ้าคุณจะเอากันแบบนี้ ผมก็พร้อมที่สู้ และก็ไม่มีความวิตกกังวลหรือต้องหวั่นไหวว่าเป็นส.ส.หน้าใหม่ แล้วมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นเจ้าสภาฯ วันนั้นคุณอภิสิทธิ์กับคุณสุเทพก็ไปยืนคู่กัน แล้วส่งสัญญาณบอกส.ส.ประชาธิปัตย์คนอื่นๆ ว่าไม่ต้องยกมือประท้วง เดี๋ยวพวกเขาเอาเอง ส่วนผมกับคุณจตุพร (พรหมพันธ์) ก็ยืนคู่กัน พอมีคนในพรรคเพื่อไทยจะยกมือประท้วง ผมก็บอกว่า "ไม่ต้องยก เดี๋ยวจัดการเอง" เหมือนกัน ทีนี้พอพูดได้หน่อยหนึ่ง คุณอภิสิทธิ์กับคุณสุเทพ ก็หยิบเอาเรื่อง "ใบอนุญาตฆ่าประชาชน" ไปเป็นประเด็น เรียกร้องให้ผมถอนคำพูด ก่อนจะพักการประชุม เพราะสถานการณ์ตึงเครียด


ระหว่างนั้น ผมก็บอกพรรคพวกว่าไม่มีอะไรที่จะต้องถอนคำพูด นายกฯเองก็ให้คนมาตามไปคุย มีประธานสภาฯ และรัฐมนตรีอีกหลายท่านก็หารือกัน เกมของรัฐบาลก็คือว่า ต้องการให้การประชุมเสร็จภายในเที่ยงคืนของวันนั้น เพื่อให้วันรุ่งขึ้นได้ทำงาน ผู้ใหญ่ก็พยายามให้ผมถอนคำพูด แม้หลายคนจะบอกว่าเข้าใจ แต่ก็อยากให้จบ เพราะฝ่ายตรงข้ามต้องการให้ยืดเยื้อ เราก็ต้องไม่ไปในทางที่เขาต้องการ สุดท้ายก็ถอน เพราะถ้าถอนแล้วเรื่องทุกอย่างสามารถเดินหน้าได้ ผมก็ไม่มีปัญหา ซึ่งพรรคพวกที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์ก็บอกว่า วันนั้นฝ่ายเขากะจะเล่นให้หนักเลย ให้ณัฐวุฒิพังในสภาฯตั้งแต่ตอนต้น ก็คงจะง่ายขึ้น แต่ผมก็พร้อม พร้อมที่จะเล่นเกมเสี่ยง แต่ก็เห็นว่าถ้าเล่นเสี่ยงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับขบวนการก็อาจจะมาเร็ว เหมือนกัน แต่เมื่อสถานการณ์ไม่เอื้อ ก็ไม่เป็นไร

เปรียบสังคมไทยเหมือนมหากาพย์รามเกียรติ์ ยักษ์สู้กับเทวดา


ถ้าถามว่าสังคมการเมืองไทยในวันนี้ยังสามารถเปรียบเทียบกับมหากาพย์ รามายณะ ดังที่เขามักปราศรัยบนเวทีนปช. ได้อยู่หรือไม่นั้น ณัฐวุฒิ กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันเป็นมหากาพย์ที่เราคาดเดาจุดจบไม่ได้ แต่รามเกียรติ์เป็นมหากาพย์ที่เขียนไว้ตั้งแต่ต้นจนจบไว้ครบแล้ว ผมพยายามอธิบายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเหมือนที่ รามเกียรติ์เขียนขึ้นมา เพียงแต่จะจบลงอย่างไรเท่านั้น เพราะมหากาพย์ประเทศไทยยังไม่จบ ฉะนั้นเมื่อยังไม่จบ ก็ต้องติดตามกันต่อไป แต่แน่ใจอยู่อย่างหนึ่งว่า "ไพร่" ซึ่งถ้าเป็นเรื่องรามเกียรติ์ก็อยู่ในวงยักษ์ที่ต้องต่อสู้กับชนชั้นนำ ที่เปรียบได้กับเทวดา จะไม่แพ้แน่ๆ เพียงแต่ว่าจะยืนจุดใดในเส้นชัยของการต่อสู้เท่านั้นเอง

เราไม่ต้องการเป็นผู้ชนะ เพราะชนะแล้วอีกฝ่ายหนึ่งต้องเป็นผู้แพ้ แต่เราต้องการเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง เราต้องการเป็นประชาชนที่มีสิทธิเสรีภาพ เสมอภาค ซึ่งไม่ต้องชนะก็ได้ ขอให้เราเป็นแบบนี้ แต่ถ้าไม่ให้เราเป็นแบบนี้ ก็ต้องสู้กันถึงที่สุด ผมไม่คิดว่าประชาชนรอคอยวันประกาศชัยชนะ แต่คิดว่าประชาชนต้องการสิ่งที่เป็นของเขา ตามหลักประชาธิปไตยอยู่แล้ว เมื่อเราไม่รับฟังกัน ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ ก็สู้กันต่อไป ถ้าสู้ประชาชนก็ไม่แพ้ ส่วนที่เหลือนั้น ฝ่ายอื่นต้องคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป


สู้ถึงที่สุดบนซากปรักหักพัง


ตรงนี้คำตอบไม่ได้อยู่ที่ประชาชน เพราะประชาชนไม่มีขีดความสามารถที่สร้างซากปรักหักพัง ถ้าสู้กันด้วยความสงบ หักล้างกันด้วยความคิด คุยกันให้จบว่า บ้านเมืองนี้จะอยู่กันอย่างไร จะเดินอย่างไร ซึ่งผมคาดหวังเช่นนั้น การเปลี่ยนแปลง ก็ไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยชีวิตหรือความสูญเสีย ที่เป็นห่วงคือฝ่ายที่ถืออำนาจไม่คิดแบบนี้ อย่าไปคิดว่าชนะหรือแพ้ ต้องคิดว่าเราจะอยู่ร่วมกันอย่างไร ทำไมไม่เข้าใจว่า คนอื่นเขาก็มีชีวิตจิตใจ เป็นคนเหมือนเรา ไม่ต่างกัน แล้วทำไมต้องกดทับเราให้อยู่ภายใต้ในสิ่งที่ท่านต้องการ และท่านก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าความเป็นมนุษย์เหมือนกันด้วย


ทุกวันนี้ประชาชนมีเป้าหมายคือประชาธิปไตย แต่อีกฝ่ายหนึ่งมีเป้าหมายคือคุณทักษิณ เพราะเขาไม่ไว้ใจ หวาดระแวงคุณทักษิณ แต่ความไม่ไว้ใจนั้น เป็นการยัดเยียดความอยุติธรรมให้คุณทักษิณ และยิ่งไม่มีเหตุผลที่เอาคนทั้งประเทศไปรับการปู้ยี้ปู้ยำ เพียงเพราะต้องการจัดการคุณทักษิณเพียงคนเดียว ผมคิดว่า ถ้าคุณทักษิณคอร์รัปชั่น ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในวิถีทางประชาธิปไตย ถ้าท่านไม่ใช้วิธีนี้กับคุณทักษิณ ผมก็ไม่เห็นด้วย


เมื่อ "ศาสตร์แห่งโหร 2555" บอกว่าปีหน้าการเมืองเละ

เมื่อมติชนออนไลน์ยกคำทำนายในหนังสือ "ศาสตร์แห่งโหร 2555" ที่ระบุว่าสถานการณ์การเมืองปีหน้าจะอยู่ในขั้นวิกฤตนั้น ณัฐวุฒิตอบว่า ตรงนี้ไม่ต้อง "ศาสตร์แห่งโหร" หรอก เพราะ "ศาสตร์แห่งผม" เองก็เชื่อว่ามันเป็นเช่นนั้น ซึ่งตรงนี้ไม่ได้ลบหลู่โหราศาสตร์ แต่ก็ไม่ปักใจอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือจะไปกำหนดให้มีผลกับการตัดสินใจในชีวิต ก็ไม่ถึงขนาดนั้น และผมก็รู้ว่าใครคิดอะไร กันอยู่ รู้ว่าใครเคลื่อนไหวอะไรกันอยู่ ที่จะประมาทไม่ได้เลย ซึ่งเป็นเรื่องอะไรนั้น สถานการณ์จะบอกเอง เชื่อว่าฝ่ายเขาก็ทำงานหนัก ทางผมก็ทำงานหนัก ก็ภาวนาว่าอย่าให้เกิดขึ้นเลย หรืออย่าทำอะไรในสิ่งที่คิดกันอยู่เลย เพราะถ้าคิดจะทำกันจริงๆ มันก็ต้องสู้กันอีก

เหตุการณ์ 10 เมษา หรือ 19 พฤษภา กลับมาอีก

ณัฐวุฒิ บอกว่า ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะส่งเสียงนี้ออกไปว่า เราน่าจะพูดคุยและน่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลง น่าจะทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสังคมไปด้วยกัน แล้วหาจุดลงตัวที่จะเดินไปด้วยกันได้ทุกฝ่ายในสังคมไทย ซึ่งต้องมีการปรับเปลี่ยนแน่นอน ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิมนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะสังคมมันเคลื่อนตัวไปไกลแล้ว แต่ถ้าหากมีบางฝ่ายไม่เข้าใจและไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และดึงรั้งทั้งหมดเอาไว้ สุดท้ายมันก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก

พอเกิดเหตุการณ์ 10 เมษา หรือ 19 พฤษภาอีก ผมเดาจุดจบไม่ได้ว่าจบตรงไหน อย่างไร อย่าลืมว่าสายลมประชาธิปไตย และกระแสลมของการต่อสู้นั้นมันไหลแลกเปลี่ยนไปในเวทีโลก ลมหายใจการต่อสู้ประชาธิปไตยของประเทศไทย สูดดมได้ถึงโลกอาหรับ แล้วในโลกอาหรับก็มาถึงบ้านเรา และหลายๆ ที่ทั่วโลก กระแสนี้ยังไหลเวียน และเป็นกระแสการต่อสู้ของประชาชนอย่างแท้จริง ฉะนั้นถ้ามีการเข่นฆ่าประชาชนอีก หรือมีการโค่นล้มรัฐบาลด้วยวิธีการที่รับไม่ได้อีก มันก็คุยกันยาก แล้วไม่รู้มันจะจบลงในจุดไหน ผมภาวนาไม่ให้เกิดสิ่งเหล่านั้น อย่าไปคิดว่าประชาชนเปลี่ยนไป แต่เป็นเพราะท่านที่ไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลง แล้วทิ้งทุกอย่าใส่บ่าประชาชน ให้ประชาชนแบกรับ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้

ทรัพย์สิน 15 ล้าน ผมแลกมาด้วยความบริสุทธิ์

มักมีคนวิจารณ์ว่าผม "สู้แล้วรวย" ตรงนี้ผมสู้กับคำถามนี้มาตลอด พอโดนมากๆ ก็ไม่ได้กังวล แต่บางทีก็รำคาญ เพราะข้อเท็จจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผมเป็นคน ไม่เกิดจากกระบะถั่วงอก ที่อยู่ๆ โผล่ออกมา โดยไม่มีอะไรติดตัวมา ผมมีครอบครัว มีการทำมาหากิน ใช่ว่ารากเหง้าของผมจะไม่มีอะไรเลย แล้วอาศัยการโกยเงินจากคุณทักษิณ แล้วทำให้ครอบครัวมีทรัพย์สินขึ้นมา ภรรยาผมก็ไม่ได้เกิดจากอีกกระบะหนึ่ง ภรรยาผมก็มาจากครอบครัวที่มีอันจะกิน แล้วเราก็ทำมาหากิน ต่อสู้ชีวิตมาตลอด แลกค่าตอบแทนมาด้วยความบริสุทธิ์ ก่อนเข้าสู่ถนนการเมืองด้วยซ้ำ เมื่อส่องดูรายละเอียดแล้ว ทรัพย์สินที่แสดง ตั้งแต่เป็นรองโฆษกก่อนจะมาเป็นส.ส.ครั้งนี้ ก็เป็นที่เข้าใจว่ามาอย่างไร

บางทีก็พูดหยาบกับคนที่บอกว่าผมสู้แล้วรวยนั้น ถามจริงเถอะครับ ว่าคุณมีเท่าผมหรือไม่ เพราะชีวิตที่เกิดมาก็ไม่มีอะไรเท่ากัน แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเก็บมาใส่ใจ เพราะผมไม่ได้ต่อสู้เพื่ออธิบายความบริสุทธิ์ ผมต่อสู้เพื่ออำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง แล้วคนที่ตรวจสอบว่าผมเป็นหนี้อย่างไร ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หลายล้านบาท จะช่วยผมผ่อนได้หรือไม่ ผมก็ทำมาหากิน มีทางบ้านคอยจุนเจือ แต่วันที่เราผ่านความลำบากอะไรมา เราก็ทนสู้ ไม่เคยปริปากขอความช่วยเหลือ และก็ถือเป็นเกียรติยศของเรา และเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พร้อมจะยืนบนถนนให้คนได้พิสูจน์อีก 10 ปี

เช่นเดียวกับรายการของพีทีวีที่ยังทำอยู่นั้น ทุกวันนี้ยังแอคทีฟ แต่หนักไปทางแอคชั่นมากกว่า (หัวเราะ) แต่อย่างว่าเรื่องผลประกอบการก็เรื่อยๆ ก็กิจการแบบนี้เพื่อเพื่อนพ้องน้องพี่ ทำธุรกิจกับใครก็ไม่คล่องตัว ก็เลยคิดว่าจะไปเป็นตัวแทนขายขายเรือดำน้ำ หรือบอลลูนตรวจการก็น่าจะดี เพราะเราเป็นที่รู้จักดีของฝ่ายความมั่นคง น่าจะได้รับความไว้วางใจ

อย่างไรก็ตาม ณัฐวุฒิทิ้งท้ายไว้ว่า สิ่งที่เสื้อแดงต้องพัฒนาคือ ความเข้าใจในการต่อสู้ เพราะสถานการณ์การเมืองปัจจุบันละเอียดอ่อนและซับซ้อนขึ้นทุกวัน ฉะนั้นพี่น้องผมจำนวนไม่น้อยต้องเรียนรู้และเข้าใจ คนเสื้อแดงบริสุทธิ์ น่าเห็นใจ แต่สถานการณ์ไม่เอื้อ ในสิ่งที่ใช่ ยังมีความไม่ใช่อยู่ด้วย อยู่ที่ว่าจะจัดการอย่างไร การไม่เข้าใจความละเอียดอ่อนดังกล่าวไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นหน้าที่ที่ต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน ประชาชนเจ็บปวดกับความจริงใจของเขามามาก เขาไม่สามารถรับอะไรที่ซับซ้อนได้มากนัก


แล้วอะไรที่ทำให้คนเสื้อแดงต้องแยกจากพรรคเพื่อไทย ?

"คณะนิติราษฎร์" กับ คนเสื้อแดง เป็นพวกเดียวกันอย่างที่ประชาธิปัตย์ กล่าวหาหรือไม่ ?


โปรดรอติดตามอ่านตอนต่อไป ...


รับชมข่าว VDO ชมคลิป