ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สัก 2 ปี ยุคที่มีการพูดถึงอัศวินคลื่น ลูกที่สามชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” กำลังไล่ล่าคลื่นลูกเก่ากลับไปเลี้ยงหลานที่บ้าน ใครจะนึกว่าคนแก่อายุ 72 ปี ที่มีแผนเกษียณทางการเมือง สนุกกับงานอดิเรกโชว์ฝีมือทำอาหาร ทำรายการชิมไปบ่นไปทางทีวี
จะได้โอกาสกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย
นี่แหละครับถึงได้บอกว่า วาสนา
นึกซะอย่างนี้ก็อย่าไปฮึดฮัด กระฟัดกระเฟียด แข็งขืนดึงดัน จนถึงขั้นส่ออาการอิจฉากันเลยครับ อย่างน้อยคุณสมัคร สุนทรเวช ท่านก็มาตามวิถีทางประชาธิปไตย เข้าตามตรอก ออกตามประตูรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่เป็นผลิตผลของสภาร่าง รัฐธรรมนูญ ชุดที่คณะรัฐประหารถอนรากถอนโคน “ทักษิณ” ตั้งขึ้นมานั่นแหละ
310 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร 480 คน
ไอ้ครั้นจะโมโหโกรธาคนอีสานกับคนเหนือที่เทคะแนนเลือก พรรคพลังประชาชนแบบถล่มทลาย ทั้งๆที่ฝ่ายต่อต้านอำนาจเก่าก็ช่วยกันตะโกนปาวๆว่าเป็นนอมินีของอดีต นายกฯทักษิณ เครือข่ายของคนที่ถูกตราหน้าเป็นทรราชโกงกินบ้านเมือง
ทำไมยังหลับหูหลับตาเลือกกันอีก
ก็กติกาประชาธิปไตยเขาไม่ได้แบ่งชั้นวรรณะว่า คนเป็นด็อกเตอร์ กากบาทแล้วนับเป็น 10 คะแนน คนจบปริญญาโทลงคะแนนแล้วนับเป็น 5 เสียง กากบาทของคนจบ ป.4 นับแค่ครึ่งคะแนนซะเมื่อไหร่
ในฐานะคนไทยมีค่า 1 เสียงเท่ากัน
และหนึ่งเสียงก็วัดกันที่ความพึงพอใจ ไม่ได้วัดกันที่โง่หรือฉลาด
ฉะนั้น เสียงส่วนใหญ่ลงมติให้ใครมานำพาประเทศ ก็ต้องยอมรับตามนั้น คุณสมัครเองก็เช่นกัน ไม่ใช่เรื่องสนุกแต่อย่างใด อย่างที่ท่านได้บอกกับตัวเองล่วงหน้า “ต่อไปนี้ชีวิตผมคงไม่มีความสุขแล้ว”
พอดีผมบังเอิญได้อ่านเรื่อง “นายกฯเมืองสารขัณฑ์ นวนิยายที่กลายเป็นความจริง” ที่คุณสมัครเขียนลงพ็อกเกตบุ๊ก “ต่วย'ตูน” ย้อนอดีตเล่าเรื่องของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่รับบท “นายกฯควนไซ” แห่งประเทศ ZARKAN หรือที่เพี้ยนมาเป็น “สารขัณฑ์” ในหนังเรื่อง “The Ugly America” ซึ่งต่อมา “หม่อมคึกฤทธิ์” ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของไทยจริงๆ
วันนี้คุณสมัครในฐานะศิษย์ของ “หม่อมคึกฤทธิ์” ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไม่คาดฝัน
และก็ให้บังเอิญอีกว่า บทนายกฯควนไซของ “หม่อมคึกฤทธิ์” ในภาพยนตร์ ต้องบริหารประเทศท่ามกลางการขัดแย้งทางความคิดของประชาชนระหว่าง ฝ่ายคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตย
แต่ในบทบาทจริงของคุณสมัครนับจากวันนี้ไป ต้องเป็นนายกฯในท่ามกลางความแตกแยกระหว่างฝ่ายหนุนและฝ่ายต้าน อดีตนายกฯทักษิณ
หวังเป็นอย่างยิ่งจะได้กลับไปสู่ “Lovely Thailand”.
“กำปั้นหยก”
คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก