พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน คงจะไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปในการแถลงข่าว เมื่อเช้าวันที่ 30 มกราคม คงคิดว่าคำพูดของตัวเอง "คมคายเหลือหลาย" และท่วงท่าการแถลงข่าวก็ "ดูดีเข้าทีเสียมากมาย"
"คำว่าพูดคุยในฐานะพี่น้องการเป็นนักเรียนเตรียมทหาร มีความรักและความผูกพันของสถาบัน เราจึงมีการพูดคุยธรรมดา ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นเงื่อนไขที่สำคัญ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลถูกต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อยหมดแล้ว ทั้งนี้ มีคนกลางที่ต้องการจะพูดคุย เขาเห็นบ้านเมืองไม่ค่อยเรียบร้อยก็เป็นห่วง"
ท่อนข้างบนนี้คือส่วนหนึ่งของคำตอบของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ว่าหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา หลังจากที่ได้รู้ว่าพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง ได้มีการพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้ว โดยมีผู้ประสานงานต่อโทรศัพท์ให้พูดคุยกัน
หากฟังโดยไม่พิจารณานัยของคำพูดให้มากมาย ก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้คงแฮปปี้เอนดิ้ง จบลงด้วยดี ทั้ง พล.อ.สนธิ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในฐานะนักเรียนเตรียมทหาร มีความรักความผูกพันของสถาบันเป็นตัวเชื่อมประสานหัวใจทั้งสองคนเข้าด้วยกัน
ยิ่งฟังซ้ำสำทับอีกประโยคหนึ่งจากปาก พล.อ.สนธิ ก็ยิ่งทำให้สบายใจขึ้นว่าหลังจากนี้คงไมมีเหตุอันไม่พึงประสงค์อีกแล้ว เพราะทุกคนก็ห่วงใยบ้านเมือง
"เป็นการพูดคุยเพื่อความสมานฉันท์ทางการเมือง ไม่ใช่เพื่อหาทางลงให้ตัวเอง การพูดคุยกันเป็นแบบตรงไปตรงมา ไม่มีอะไร ไม่มีนัย ทุกคนมีความห่วงใยบ้านเมืองด้วยกันทั้งนั้น"
แต่บอกตรงๆ ว่าผมไม่เชื่อ
ผมไม่เชื่อว่า พล.อ.สนธิ พูดจริง และหมายความว่าทุกอย่างจบลงด้วยดีแล้วอย่างนี้จริงๆ
เพราะ พล.อ.สนธิ ไม่เคยพูดเรื่องจริงให้ผมได้ยินมาก่อน ในห้วงเวลา 1 ปีเศษที่ผ่านมา นับแต่วันที่บอกว่าทหารจะไม่ปฏิวัติ แล้วก็ปฏิวัติ
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ผมไม่เคยได้ยิน พล.อ.สนธิ พูดเรื่องจริงอีกเลย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินสินบน 40 ล้านบาทขอเป็นอธิบดี ซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อน แต่ตัวเองสามคนผัวเมียแจ้ง ป.ป.ช. ว่ามีทรัพย์สิน 90 ล้านบาท
เรื่องครอบครัวตัวเองแท้ๆ มีเมีย 2 หรือ 3 หรือมากกว่า ก็ยังไม่พูดความจริง ต้องให้ประชาชนสืบค้นมาประจานทีละเมีย ทีละเมีย จนน่าละเหี่ยใจแก่ประชาชนที่ได้ยิน ได้เห็น
หรือจะเป็นเรื่องเอกสารลับสกัดพรรคพลังประชาชน ลงนามสั่งการเองกับมือ ยังโกหกว่าไม่เคยเห็น ไม่ได้ทำ
กระทั่งเรื่องล่าสุด ก็ยังปิดปากเงียบ ไม่ชี้แจงเรื่องยืมตัวผู้พิพากษา กอนณา สัตยธรรม ลูกสาว คุณสดศรี สัตยธรรม มาเป็นหน้าห้องรองนายกรัฐมนตรี
ด้วยพฤติกรรมในอดีตของคนคนนี้ ทำให้ผมไม่เชื่อคำพูดของคนคนนี้ ไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไรก็ตาม
แต่เอาเถอะ...ถึงแม้ว่าเรื่องที่บอกว่าได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ายังรักกัน ผูกพันกันแบบนั้นแบบนี้ ยังห่วงใย ยังหวังดีต่อประเทศชาติ แบบนั้นแบบนี้ จะเป็นเรื่องจริง ก็เป็นเรื่องของคนสองคน เจรจาพาทีแล้วจบลงง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้
เพราะ ความรักความผูกพันในฐานะนักเรียนเตรียมทหาร เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณสองคน หรือจะรวมพวกพ้องของคุณอีกกี่รุ่น กี่เหล่า จะรวมเหล่ารวมโหลกันอีกกี่กองทัพ กี่ก๊ก กี่แก๊ง กี่โขยง รวมกันแล้วจะพากันไปตีกอล์ฟ หรือตีหัวหมา ด่าแม่ใคร? ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกคุณ
แต่ความเสียหายที่คุณทำไว้กับประเทศชาติและประชาชนล่ะครับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน มันเป็นเรื่องระหว่างคุณกับประชาชน ที่คุณต้องรับผิดชอบ วันนี้คุณยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ เลย
การเมืองที่ตกต่ำ เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ สังคมที่เสื่อมทราม ประเทศไทยที่ทรุดโทรม ชีวิตคนไทยที่ลำบากยากแค้น นับแต่หลังเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา คุณจะรับผิดชอบอย่างไร
หรือจะปล่อยให้เป็นเวรกรรมของคนไทย ที่บังเอิญดวงซวยเกิดมาร่วมแผ่นดินกับคนอย่างคุณ จึงต้องก้มหน้าชดใช้เวรกรรม และหนี้สินที่คุณเป็นผู้ก่อขึ้น โดยห้ามปริปากบ่น และเงยหน้าขึ้นปาดเหงื่อ
ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นนับแต่หลังเหตุการณ์ 19 กันยายน เป็นเรื่องที่ พล.อ.สนธิ จะเคลียร์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วจะมาบอกว่าทุกอย่างจบลงด้วยดีแล้วไม่ได้
ชีวิต ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ คนขับรถแท็กซี่ที่พลีชีพตัวเองเพื่อประชาธิปไตย เพราะความปากพล่อยของทหารอย่าง พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ ใครจะชดใช้
ประชาชนที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ใครจะรับผิดชอบ
ข้าราชการที่หมดอนาคตไปกับการปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรมของ คตส. ใครจะดูแลเยียวยา
นักการเมือง 111 คน ที่ถูกจองจำเพราะคำวินิจฉัยของคณะกรรมการที่ไม่ใช่ศาล จะทำอย่างไร
ความตกต่ำของประเทศชาติ หนี้สินของคนไทยที่เพิ่มขึ้นมากมาย อันเกิดจากรัฐบาลที่ไร้ความสามารถในห้วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา
เหล่านี้คือผลกระทบที่เกิดจากการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน ของคุณทั้งนั้น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
คุณจะบอกว่าทุกอย่างจบลงด้วยดีแล้ว มีรัฐบาลประชาธิปไตยตามกระบวนการที่ถูกต้องแล้ว เพื่อความสมานฉันท์ เพื่อความเรียบร้อยของประเทศไทย อย่าได้ติดใจเอาความกันอีกเลย ไม่ได้
ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ 19 กันยายน บ้านเมืองก็เป็นประชาธิปไตย รัฐบาลก็มาจากการเลือกตั้งถูกต้องตามกฎหมาย แล้วทำไมจึงต้องก่อการรัฐประหารขึ้นมา?
บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่น ไม่ใช่เครื่องเซ่นไหว้ความรัก ความโกรธ ความเกลียด ของนักเรียนเตรียมทหาร หรือนักเรียน จปร. ที่วันหนึ่งรักกัน ก็ช่วยกันกอบโกย วันหนึ่งโกรธกัน ก็ยกทหารแบกอาวุธเข้ารบกัน ปล้นอำนาจกัน พอหายเคืองกัน จะหาทางลงมากอดคอคืนดีกัน ก็บอกให้ลืมเรื่องเก่า ยังรักกันเหมือนเดิม เพราะเป็นนักเรียนเตรียมทหารเหมือนกัน
การพูดจาของ พล.อ.สนธิ ที่ลากสถาบันเตรียมทหารมาเกี่ยวข้องด้วย จึง เป็นการทำให้สถาบันอันเป็นที่รักของนักเรียนเตรียมทหารทุกคนต้องเสียหายไปด้วย และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้สถาบันเตรียมทหารมารับรองความรักกัน หรือความไม่รักกันของคนสองคน
เอาเป็นว่าทั้งหมดที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน พูดจาไว้ ผมไม่อาจนับเป็นสาระที่ควรค่าแก่การใส่ใจ เพราะพิจารณาจากพฤติกรรมในอดีตแล้ว คนคนนี้เป็นคนพูดจาเชื่อถือไม่ได้
สิ่งที่ผมกำลังรอดู และจะเรียกร้องทวงถามก็คือ พล.อ.สนธิ จะรับผิดชอบอย่างไรกับความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่บ้านเมือง เพราะการกระทำของคุณ
ถึงแม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะระลึกถึงความเป็นนักเรียนเตรียมทหารร่วมสถาบัน และอภัยให้คุณ
แต่ประชาชนที่ครึ่งหนึ่งเคยถูกคุณตราหน้าว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ และมีจิตคิดมุ่งร้ายต่อแผ่นดิน รวมไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ คงจะไม่ยอมอภัยให้แก่การกระทำของคุณเป็นแน่
เคยได้ยินไหมครับ "น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา"
นายกอ