สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (31 ม.ค.) ว่า ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีกร้อยละ 0.5 จาก ร้อยละ 3.5 อยู่ที่ร้อยละ 3 ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนมิ.ย.2548 นับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม การลงมติครั้งล่าสุดไม่ได้มีคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ เนื่องจากนายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา สาขาดัลลัส ไม่เห็นด้วยและต้องการให้คงระดับอัตราดอกเบี้ยตามเดิม
รายงานระบุต่อว่า การประชุมลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา มีขึ้นในขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริการายงานว่า เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.6 เท่านั้น เพราะมีความวิตกกังวลกันว่า วิกฤติจากการปล่อยสินเชื่อการเคหะสำหรับผู้กู้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ หรือ ซับไพรม์ และหนี้บัตรเครติดจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศสหรัฐอเมริกา
รายงานระบุต่ออีกว่า นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าววันเดียวกันว่า ขอเรียกร้องให้ชาวอเมริกันเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยยืนยันว่า ถึงแม้มีสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัว แต่เศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง พร้อมกับให้คำมั่นว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาจะสามารถผ่านพ้นปัญหาต่างๆ ได้
รายงานระบุด้วยว่า ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐอเมริกามีขึ้นในขณะที่คณะกรรมาธิการการเงินของวุฒิสภาผ่านความเห็นชอบในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีบุช 157,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ได้ปรับแก้ไขบางส่วน โดยจะคืนภาษีให้แก่ประชาชนเพียง 500 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคน 1,000 เหรียญสหรัฐฯต่อคู่สามีภรรยา และอีก 300 เหรียญสหรัฐฯต่อบุตร 1 คน นอกจากนี้การคืนภาษียังครอบคลุมถึงผู้สูงอายุที่มีรายได้ต่ำ ประมาณ 20 ล้านคนในระบบประกันสังคมด้วย และคาดกันว่า จะมีการส่งเรื่องให้วุฒิสภาพิจารณารับรองในเร็ว ๆ นี้