WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, February 2, 2008

'สมัคร'เปิดใจสื่อญี่ปุ่นควบรมว.กลาโหม-ไม่ย้าย'อนุพงษ์'

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนใหม่ และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนจากประเทศญี่ปุ่นหลายสำนัก เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (1 ก.พ.) ณ ที่ทำการพรรคพลังประชาชน โดยเป็นการให้สัมภาษณ์เปิดใจครั้งแรกตั้งแต่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยสรุปสาระสำคัญมานำเสนอดังนี้

ประเด็นแรก เรื่องการควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม ซึ่งหลายฝ่ายเกรงจะมีปัญหาเรื่องการยอมรับรัฐมนตรีพลเรือน และอาจสร้างความขัดแย้งขึ้นในอนาคต นายสมัคร กล่าวว่า ที่ผ่านมา รมว.กลาโหม ส่วนใหญ่เป็นทหาร ซึ่งบางแง่มุมก็ทำให้เกิดปัญหา เพราะแต่ละคนมีรุ่น มีพวก รู้จักคนโน้นคนนี้ ในขณะที่ตัวเขาไม่มีรุ่น ไม่มีพวก จึงเชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการได้

"การทำงานก็จะปล่อยให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นคนเสนอเรื่องและความเห็นต่างๆ ขึ้นมา ถ้าสิ่งไหนสมเหตุสมผล ผมก็อนุมัติให้ ส่วนเรื่องการบังคับบัญชาเป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการเหล่าทัพ ตัวรัฐมนตรีมีหน้าที่กำกับนโยบายเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร"

เมื่อถามถึงการทำงานร่วมกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ปรากฏว่า นายสมัคร กล่าวชื่นชมอย่างตรงไปตรงมา

"เรามี ผบ.ทบ.ที่ดี และเขาก็ยังมีอายุราชการอีก 3 ปี คงไม่มีใครไปย้ายเขา" นายสมัคร กล่าว

ต่อข้อถามถึงอำนาจในการจัดคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะการคัดเลือกตัวบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งถูกมองว่าไม่มีอำนาจอย่างแท้จริงนั้น นายสมัคร ยืนยันว่า เขามีอำนาจเต็มในการจัดโผ ครม.

"ใครบอกว่าผมไม่มีอำนาจ วันนี้ผมเป็นนายกฯ มีสิทธิในการจัดการเรื่องโผ ครม.เต็มที่ มี 12 ตำแหน่งที่ผมเปลี่ยนแปลงเอง เพราะตัวบุคคลที่เสนอมาไม่เหมาะสม ตัวผมเป็นหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการโดยไม่ต้องไปขออนุญาตจากใคร"

เมื่อซักถึงความเหมาะสมของว่าที่รัฐมนตรีแต่ละคน เช่น นายนพดล ปัทมะ ที่มีข่าวว่าจะได้ดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ นายสมัคร อธิบายว่า นายนพดลได้รับทุนเล่าเรียนหลวง มีความรู้ความชำนาญเรื่องกฎหมาย เคยทำงานให้กับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยรักไทย ก่อนจะมาเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฉะนั้นจึงมีความรู้ความสามารถที่จะทำได้แน่นอน

ส่วน นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่มีข่าวว่าจะได้เป็น รมช.ต่างประเทศ นั้น นายสมัคร กล่าวว่า ต้องการคนไปทำงานด้านอื่นมากกว่า จึงวางไว้ให้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ถามถึง น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค จะเป็น รมว.คลัง ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะไม่เคยมีประสบการณ์งานด้านการเงินการคลังมาก่อน ประเด็นนี้ นายสมัคร พยายามยกตัวอย่างนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหลายคน ซึ่งบางคนก็ไม่ได้ศึกษามาทางด้านธุรกิจโดยตรง

"อย่างคุณหมอชัยยุทธ กรรณสูต ประธานกรรมการบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ เขาก็จบเป็นหมอนะ แต่ก็สามารถบริหารกิจการ เป็นเจ้าของธุรกิจก่อสร้างขนาดใหญ่ได้ หรือคุณหมอปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ก็บริหารธุรกิจสายการบินได้ ผมจึงมั่นใจว่าคุณหมอสุรพงษ์มีความสามารถพอที่จะทำได้ ไม่มีปัญหาอะไร"

ต่อข้อถามว่าที่ผ่านมาได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ บ้างหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ได้คุยกันบ้างประมาณ 4-5 ครั้ง แต่ส่วนใหญ่เป็นฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่โทรศัพท์มา

"ท่านก็โทร.มาแสดงความยินดีตอนเลือกตั้งชนะ ต่อมาก็โทร.มาแสดงความยินดีว่าจะได้เป็นนายกฯ แล้วนะ ส่วนใหญ่ท่านจะโทร.มา ผมไม่มีเบอร์คุณทักษิณ เวลาคุยกันก็มีคนอื่นต่อให้อีกที"

เมื่อถามว่า มีข่าวมาตลอดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ความช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับคดีความต่างๆ ปรากฏว่าคำถามนี้ทำให้ นายสมัคร หงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย

"ในประเทศญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้หรือไม่ ประเทศเราก็เหมือนกัน แม้เราจะเป็นประเทศกำลังพัฒนา แต่ก็ไม่มีใครแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้"

นายสมัคร กล่าวด้วยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แม้จะตระหนักดีว่ารัฐธรรมนูญมีข้อบกพร่องหลายอย่าง เช่น ที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) รวมไปถึงบทบัญญัติที่เป็นข้อห้ามต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม แต่รัฐบาลจะมุงแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนก่อน

"ถ้าดูแล้วผมอยู่ได้ยาวครบเทอม 3 เดือนสุดท้ายค่อยแก้รัฐธรรมนูญก็ได้" นายสมัคร กล่าว