กลับมาแล้วครับ...หลังจากหายหน้าหายตาไปเสียนาน เหมือนมนุษย์ล่องหนไม่มีผิด ผิดกับตอนที่รั้งเก้าอี้ประธาน คมช.นั้นเห็นหน้าเห็นตาให้สัมภาษณ์วันละ 3 เวลา ครั้นพอไม่เห็นหน้า
ก็เลยถามกันความห่วงใยว่าคนชื่อ “สนธิ บุญยรัตกลิน” หายไปไหน ถึงกับลือว่าแอบไปหลบตัวดูสถานการณ์ที่ต่างประเทศ
หรือร้ายไปกว่านั้นระบุด้วยว่า “ลี้ภัย” ไปแล้ว ครับ...ก็เล่นกันแรงพอสมควร เพราะคนถูกยึดอำนาจยังอยู่ฮ่องกงยังไม่กลับประเทศ แต่คนที่ทำการปฏิวัติต้องเผ่นไปอีกคนเลยหรือ
สุดท้ายก็กลับมาแล้ว เพราะเดินทางไปประเทศตะวันออกกลางนัยว่าก็เรื่องปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้นั่นแหละ และกลับมามาดใหม่ และเผยนัยสำคัญด้วยว่าให้กำลังใจรัฐบาลใหม่ทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไป
ที่สำคัญบอกด้วยว่า ได้ต่อสายถึงอดีตนายกฯเรียบร้อยโดยผ่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง แต่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อว่าเป็นใคร
คงไม่ใช่ “มือที่มองไม่เห็น” แน่
การที่ พล.อ.สนธิ ระบุเช่นนี้ น่าจะบอกได้ว่าอย่างน้อยคงได้มีการเคลียร์ใจกันระดับหนึ่ง และน่าจะมีเงื่อนไขต่อรองเพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลาย หากจะพูดง่ายๆก็น่าจะหมายถึงว่าอดีตนายกฯคงจะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อสู้คดี
และ คมช.ก็คงจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวคือปล่อยให้ว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม และเช่นกันเรื่อง “เช็กบิล” ก็น่าจะจบกันไป
เรียกว่า “ปรองดอง” ระดับ “หัว” น่าจะง่ายกว่า
แต่คงไม่ได้หมายความว่า พล.อ.สนธิ จะเข้าร่วมรัฐบาลไปเป็นรัฐมนตรี เพราะมันคงเป็นไปไม่ได้
วันนี้ต้องบอกว่าต่างคนต่างอยู่น่าจะดีที่สุด
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าที่ พล.อ.สนธิจะเดินทางกลับประเทศไทย คมช.ได้มีการประชุมเต็มทีมและได้ข้อสรุปว่าต้องการ ที่จะแถลงยุติบทบาทเป็นการอำลาและแจงถึงเหตุผล 4 ประการ ที่ต้องทำการปฏิวัติ
แต่เมื่อ พล.อ.สนธิ มาอีกบทหนึ่งก็ไม่รู้ว่าจะงัดเอาเรื่องนี้ออกมาพูดอีกหรือเปล่า เพราะถ้าหยิบขึ้นมาพูดอีกมันก็ยิ่งจะสร้างกระแสขัดแย้งขึ้นมาอีก ซึ่งนักการเมืองในค่ายพลังประชาชนนั้นตั้งท่ารอจังหวะอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าคงจะมีคำสั่งพิเศษไม่ให้นำเรื่อง “เช็กบิล” ออกมากดดันทหาร เพราะคงไม่ต้องการเริ่มต้นด้วยการเผชิญหน้า
จริงๆแล้วเหตุผล 4 ข้อ ที่ คมช.ยึดอำนาจนั้นก็รู้กันดีว่าปฏิบัติตามที่ประกาศเอาไว้ได้หรือไม่ เพราะถ้าเป็นไปตามนั้นการเมืองวันนี้คงไม่ออกมาอีหรอบนี้หรอก
คมช.ต้องยอมรับสภาพความจริงว่า 1 ปี 4 เดือนที่ผ่านมาเป็นความล้มเหลวที่ไม่สามารถทำให้ประเทศนี้สูงขึ้นแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังเกิดปัญหาตามมาอีกพอสมควร โดยเฉพาะเศรษฐกิจยังกู่ไม่กลับ
การเมืองก็ยังอยู่ในรูปแบบเดิม แถมคืนกลับมามีอำนาจ
“ยกแผง” เสียอีก มีทางเดียวก็คือคืนกองทัพกลับเข้ากรมกองยอมรับความจริงว่า การยึดอำนาจรัฐประหารนั้นไม่มีทางแก้ไขปัญหาของประเทศได้
ยืนอยู่บนพื้นฐานทหารอาชีพ ไม่ยุ่งการเมือง รักษาระดับความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับการเมืองให้พอดี เพราะถ้าทหารไปสุมหัวกับการเมืองเมื่อใดก็ยุ่งเมื่อนั้น อย่างสมัยอดีตนายกฯทักษิณนั้นชัดที่สุด
เพราะถึงที่สุดแล้วคนไทยและประเทศไทยต้องรับเคราะห์ ทุกที
แต่เขาจูบปากกันแล้วด้วยเพราะจบเตรียมทหารสถาบันเดียวกัน....
"สายล่อฟ้า"
คอลัมน์ กล้าได้กล้าเสีย