คตส. 1 ก.พ. - “อุดม เฟื่องฟุ้ง” ย้ำ คตส.สั่งฟ้องคดีหวยบนดินเองได้ พร้อมแจงกฎหมายกำหนดให้ใช้พยานร่วมชั้นตรวจสอบ-ไต่สวนได้ โอดจะไปหาผู้เชี่ยวชาญให้คำจำกัดความหวยได้ที่ไหน เหตุไม่มีใครขึ้นทะเบียนไว้
นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2-3 ตัว หรือหวยบนดิน กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะทำงานร่วมระหว่าง คตส.และอัยการสูงสุด (อสส.) มีความเห็นไม่ตรงกันว่า เป็นประเด็นเรื่องความเข้าใจข้อกฎหมาย เมื่ออัยการสูงสุดเห็นไม่ตรงกับ คตส. ก็ต้องรับฟัง แต่จะปฏิบัติตามหรือไม่ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม คตส. โดยตัวแทนจาก คตส.จะเป็นผู้รายงานผลการประชุมผลให้ที่ประชุมใหญ่ได้รับทราบว่าจะมีทางออกเรื่องนี้อย่างไร จะฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 47 คนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุม
“ยืนยันว่าขั้นตอนการตรวจสอบและไต่สวนของ คตส.ได้ปฏิบัติตามระเบียบของ ป.ป.ช. และ คตส. ไม่ได้คิดเอาเอง โดยในระเบียบได้ระบุชัดเจนว่า การเอาสำนวนของ สตง.หรือสำนวนของพนักงานสอบสวนมาใช้เป็นสำนวนในชั้นของการไต่สวนสามารถทำได้ เพราะกฎหมายเห็นว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ต้องมีการพิจารณาอย่างรวดเร็ว หากจะให้นำพยานในชั้นตรวจสอบมาให้การในชั้นไต่สวนอีก หากคดีเกี่ยวข้องกับบุคคลจำนวนมากก็จะทำให้การทำงานล่าช้าออกไป กฎหมายจึงกำหนดให้สามารถนำสำนวนในการตรวจสอบมาเป็นสำนวนในการไต่สวนได้ ซึ่งการที่อัยการสูงสุดมีความเห็นต่างก็เป็นสิทธิ ที่ต้องการให้สำนวนรัดกุมมากยิ่งขึ้น” นายอุดม กล่าว
นายอุดม กล่าวอีกว่า ประเด็นที่อัยการสูงสุดต้องการให้ผู้ชำนาญการพิเศษของกระทรวงมหาดไทยหรือของศาลมาให้ถ้อยคำเป็นพยานว่า การออกสลากพิเศษ 2-3 ตัว เป็นสลากกินรวบหรือสลากกินแบ่งนั้น จะไปหาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จากที่ไหน เพราะไม่มีการจดทะเบียนเป็นผู้เชี่ยวชาญไว้ ที่สำคัญ คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยวินิจฉัยว่าการออกสลากดังกล่าวเป็นสลากกินรวบ จนรัฐบาลต้องเสนอแก้ไขกฎหมายให้ถูกต้องตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่ง คตส.ได้อ้างอิงการตีความจากหลายแห่ง และยืนยันตรงกันว่าเป็นสลากกินรวบ
เมื่อถามว่า การที่อัยการสูงสุดเห็นไม่ตรงกับ คตส.และ คตส.จำเป็นต้องตั้งทีมทนายขึ้นมายื่นฟ้องเอง จะส่งผลกระทบทำให้น้ำหนักในสำนวนอ่อนหรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า ไม่เห็นเป็นไร เพราะคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เช่น คดี พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ ถูกฆาตกรรม ยังชนะคดีได้ ซึ่งการชนะหรือแพ้ขึ้นอยู่กับเอกสารและหลักฐาน ไม่ใช่ความเห็นของอัยการเพียงคนเดียว ขอยืนยันว่า คตส.ได้มีการตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานไว้อย่างรัดกุมแล้ว
นายสัก กอแสงเรือง คณะกรรมการร่วม คตส.กับอัยการสูงสุด ในฐานะโฆษก คตส.กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงยืนยันความเห็นที่แตกต่างทั้ง 5 ประเด็น คือ ต่างฝ่ายต่างยืนยันในเหตุผลของตัวเอง โดยคณะทำงานของ อสส. ยืนยันว่าให้ คตส.ตรวจสอบเพิ่มเติม ขณะที่คณะทำงานของ คตส.ยืนยันว่าผลสรุปการไต่สวนสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ดังนั้นคณะทำงานทั้ง 2 ฝ่ายจะกลับไปรายงานต้นสังกัดอีกครั้ง โดยตัวแทนของ คตส.จะรายงานต่อที่ประชุมใหญ่ คตส.ในวันที่ 4 ก.พ. นี้ เพื่อขอมติให้ที่ประชุมขอสำนวนคืนจากอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการต่อไปตามวิธีพิจารณาคดีความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดย คตส.จะต้องมีการตั้งทีมทนายจากสภาทนายความ เพื่อเป็นทีมทนายยื่นฟ้องเองภายใน 14 วันนับตั้งแต่ได้รับสำนวนคืนจากอัยการสูงสุด
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้ที่ คตส.จะยื่นฟ้องสำนวนในคดีนี้เอง นายสัก กล่าวว่า ต้องขอมติในที่ประชุมใหญ่ คตส. ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยขณะนี้ทีมทนายความจากสภาทนายความได้เริ่มตรวจสอบสรุปสำนวนของ คตส.แล้ว รวมทั้งตั้งคณะทำงานจากสภาทนายความเข้ามาเพิ่มเติมอีก 7 คน เพื่อเร่งตรวจสอบสำนวนดังกล่าวให้รัดกุมยิ่งขึ้น
เมื่อถามว่า คณะทำงานของทั้งสองฝ่ายยังยืนยันในเหตุผลของตัวเองจะส่งผลกระทบต่อคดีอื่นของ คตส.หรือไม่ นายสัก กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้น แต่ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ คตส.จะมีการแถลงเหตุผลทั้ง 5 ข้อ เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่างคณะทำงานของ คตส.กับคณะทำงานของอัยการสูงสุด เพื่อให้สาธารณชนรับทราบเหตุผลต่อไป และจากนี้จะไม่มีการประชุมกับอัยการสูงสุดอีกแล้ว. - สำนักข่าวไทย