WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, January 19, 2008

บทความ: ตุลาการวิวัฒน์ กลายเป็น ตุลาการศาลเตี้ย

โดย ฤทธิ์ วิษณุ
ที่มา
เว็บบอร์ดคนวันเสาร์
19 มกราคม 2550

ยังจำกันได้หรือไม่ กับบางส่วนของพระราชดำรัส เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 ที่พระราชทานให้แก่ศาลปกครองสูงสุดและศาลฎีกา “ต้องขอร้องให้ศาลคิด เดี๋ยวนี้ประชาชนประชาธิปไตยเขาหวังในศาล โดยเฉพาะศาลฎีกา ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีเหตุมีผล ท่านมีความรู้ ท่านได้เรียนรู้กฎหมายมาก และพิจารณากฎหมายที่จะต้องศึกษาดีๆ ประเทศชาติจะรอดพ้นได้ ถ้าไม่ทำตามหลักกฎหมาย หลักการปกครอง ประเทศชาติไปไม่รอด....ที่จะทำให้บ้านเมืองล่มจม บ้านเมืองไม่สามารถที่จะรอดพ้นจากสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้อง”

วันนี้ กว่าหนึ่งปีครึ่งผ่านไป ปรากฏการณ์ที่มีคนพยายามให้คำอธิบายว่าเป็น ตุลาการณ์วิวัฒน์ เพื่อ “ขยายพื้นที่แห่งความยุติธรรมให้กว้างขวางขึ้น” ได้ปรากฏชัดเจนมากขึ้นจากการที่ตัวแทนของคนจากสถาบันตุลาการ ได้กระจายกันเข้าสู่วังวนของการเกลือกกลั้วกับอำนาจทางการเมืองในหลายองค์กร คนเหล่านั้นได้พิสูจน์ให้เห็นจากการกระทำชัดเจนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า นอกจากไม่ได้นำความรู้และปัญญามาทำให้ประเทศชาติสามารถผดุงความยุติธรรมพ้นจากความล่มจม หรือรอดพ้นจากสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้อง เพื่อกลับคืนสู่ความสมานฉันท์ หากยังแสดงโมหาคติที่ทำให้ความหวังซึ่งประชาชนเคยมีให้กับสถาบันตุลาการถูกบั่นทอนลงไปอย่างรุนแรง

โมหาคติดังกล่าว ส่วนหนึ่ง เกิดจากการยึดถือรากฐานจารีตที่คร่ำครึของปรัชญากฎหมายของตะวันตกที่ล้าหลังกว่า 200 ปีที่ไม่มีใครใช้อีกต่อไปแล้ว ซึ่งถือว่า กฎหมายคือความยุติธรรม เพราะเป็นการใช้อำนาจนของผู้มีอำนาจรัฐ ไม่ได้ใส่ใจว่า ผู้มีอำนาจรัฐนั้นจะได้อำนาจมาด้วยวิธีการใดๆ และหน้าที่ของพลเมืองมีอย่างเดียวคือ ยอมรับและปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อแม้ ซึ่งขัดแย้งกับปรัชญาประชาธิปไตยที่ให้ความสำคัญกับสิทธิของพลเมือง และถือว่าความยุติธรรมกินความกว้างกว่ากฎหมาย

อีกส่วนหนึ่ง เกิดจากวิธีคิดส่วนตนอันคับแคบที่ผนึกตัวเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง และลุแก่อำนาจเสียเอง เพื่อสนองตอบผู้มีอำนาจรัฐที่ต้องการบั่นทอนสาระของประชาธิปไตย

การกระทำในลักษณะ “ศาลเตี้ย” ที่ตัวแทนของตุลาการได้แสดงออกมาในรอบ 1 ปีมานี้ เริ่มต้นเห็นชัดเจนนับแต่การตัดสินของคณะตุลาการ(ศาล?)รัฐธรรมนูญที่ยุบพรรคไทยรักไทย พร้อมกับลงโทษย้อนหลังนักการเมือง 111 คนด้วยข้ออ้างที่ไร้เหตุผล ซึ่งถือเป็นการละเมิดหลักกฎหมายอย่างถึงที่สุด

ไม่เพียงเท่านั้น ตัวแทนของสถาบันตุลาการที่เข้าไปนั่งอยู่ในองค์กรอิสระเช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็ยังแสดงพฤติกรรมต่อเนื่องให้เห็นชัดเจนว่า มีอคติและเลือกปฏิบัติต่อนักการเมืองและพรรคการเมืองบางกลุ่ม เพื่อให้พรรคการเมืองบางพรรคได้เป็นรัฐบาล ในขณะที่บางพรรคจะถูกสกัดกั้นทุกวิถีทาง เสมือนสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มผู้มีอำนาจบางคน

พวกเข้า ทำหูหนวกตาบอด หรือหาเหตุผลปัดสวะ มองไม่เห็นว่า วีซีดี.ของนายพลจากกองทัพที่สั่ง
กำลังพลใต้บังคับบัญชาไปลงคะแนนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ หรือเอกสารลับ คมช.เป็นความผิด ในขณะที่ตั้งหน้าเอาเป็นเอาตายกับการกระทำผิดเล็กๆ น้อยๆ ของนักการเมืองจากพรรคพลังประชาชน

จนท้ายที่สุด เมื่อพรรคดังกล่าว ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นการแสดงเจตนารมณ์ตามหลักประชาธิปไตยของปวงชน พวกเขาก็แสดงท่าทีร่วมสมคบคิดกับกลุ่มผู้ที่ไม่ต้องการให้พรรคดังกล่าวเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ถึงขั้นหาสาเหตุยุบพรรคกันไปเลย

ตัวแทนของฝ่ายตุลาการเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ละเมิดหลักการเรื่อง จิตวิญญาณของกฎหมาย (spirit of law) เพื่อทำหน้าที่ตัดสินชี้ขาดความถูกต้องเพื่อนำสังคมกลับมาสู่นิติรัฐ(rule of law) จะไม่เข้าไปเล่นการเมือง หรือเป็นส่วนหนึ่งของการแย่งชิงอำนาจเท่านั้น หากกำลังลากจูงสังคมไทยไปสู่กติกาอันป่าเถื่อนโดยกฎหมายเพื่อรองรับผู้มีอำนาจ(letter of the law)ที่เลวร้าย

เมื่อตุลาการวิวัฒน์ กำลังกลายเป็นตุลาการศาลเตี้ยขึ้นไปทุกขณะ แสงสว่างที่เคยคาดว่าจะส่องชี้ทางรอดให้สังคม จึงกลายเป็นเครื่องมือของผู้คนหยิบมือเดียวที่เหยียดหยามเจตนารมณ์ประชาธิปไตยของปวงชนอย่างรุนแรง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น สอดคล้องกับที่มองเตสกิเออ เจ้าของหลักปรัชญากฎหมายโด่งดังของฝรั่งเศส ที่เคยกล่าวเตือนเอาไว้เมื่อกว่า 200 ปีมาแล้วว่า “เมื่อใดก็ตามที่หลักการของรัฐผิดเพี้ยน กฎหมายก็กลายเป็นสิ่งเลวร้าย และเป็นปฏิปักษ์กับรัฐนั้นเสียเอง...นำไปสู่การสูญเสียเสรีภาพและความไร้ประสิทธิภาพ เพราะพฤติกรรมแหกคอก”

ตัวแทนสถาบันตุลาการเหล่านี้ ไม่เพียงแต่กำลังทำลายแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของประชาธิปไตยซึ่งประชาชนไทยรอคอย โดยหวังจะนำไปสู่ความสมานฉันท์ทางการเมืองรอบใหม่เท่านั้น และทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันตุลาการ พวกเขายังกระทำการละเมิดพระราชดำรัสที่พระราชทานมาเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2549 อย่างไม่มีชิ้นดี

เราจะเฉยเมยกัน ยอมให้ตัวแทนที่หลงผิดจากสถาบันตุลาการเหล่านี้ ดื้อรั้นและละเมิดพระราชดำรัส ตั้งตัวเป็นตุลาการศาลเตี้ยไปไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อนำบ้านเมืองไปสู่ความล่มจมอย่างนั้นหรือ?


จาก Thai E-News