บทความโดย...ลูกชาวนาไทย
คงต้องยอมรับกันอย่างเต็มภาคภูมิว่า การต่อสู้กับเผด็จการ คมช. ในปี 2550 ที่ผ่านมานั้น นักรบไซเบอร์ และอินเตอร์เน็ต คือ ส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งในการเอาชนะเผด็จการทหารยุคศตวรรษที่ 21 นี้
หากไม่มีอินเตอร์เน็ต และเว็บบอร์ดต่าง ๆ เราคงพ่ายแพ้แก่เผด็จการ คมช. และบรรดาลูกๆ ของ "มารเฒ่าหัวขาว" ไปแล้ว
ผมยังจำได้เมื่อสักสองปีมาแล้ว ตอนนั้นผมยังอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ประเทศไทยยังไม่มีรัฐประหาร ประชาธิปไตยไทยกำลังไปได้สวย เพิ่งพ้นเลือกตั้งปี 2548 เพื่อนร่วมหอพักของผมคือ "นักศึกษาชาวอิหร่าน" ผมเคยคุยกับเขา โดยเปรยๆ ว่าอเมริกันคงไม่โจมตีอิหร่าน เพราะคนอิหร่านจะต่อสู้ คำตอบของนักศึกษาอิหร่านคือ "อยากให้อเมริกันบุกอิหร่าน เพื่อขับไล่รัฐบาลเผด็จการออกไป" เพราะคนอิหร่านไม่มีทางสู้กับเผด็จการเบ็ดเสร็จแบบนั้นได้ เขาบอกว่าคนอิหร่านกว่า 90% ไม่ชอบรัฐบาล แต่พวกเขาไม่มีเสรีภาพในการแสดงออก พวกเขาโดนกดขี่ เสรีภาพในการพูดคุยทางการเมืองก็ไม่มี เพราะการพูดต่อต้านรัฐบาล แม้กับเพื่อนฝูงก็เป็นอันตราย เพราะอาจมีสายลับของรัฐบาลรายงานให้หน่วยงานลับทราบ
ผลการพูดคุย ผมรู้สึกแปลกใจมาก เพราะมันตรงข้ามกับที่ผมรับรู้แทบทั้งหมด เขาสิ้นหวังจนอยากให้อเมริกาโจมตีประเทศตัวเอง เพื่อขับไล่รัฐบาลเผด็จการออกไป
ตอนนั้นผมเล่าให้เขาฟังถึง "เสรีภาพของคนไทยอย่างภาคภูมิใจ" เพราะเรามีรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งหลายสมัยแล้ว ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองอย่างเต็มที่ รัฐธรรมนูญปี 2540 ก็เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน
ผมยังเปิดเว็บ "ราชดำเนิน" ให้เขาดู ถึงเสรีภาพในการแสดงความเห็นของคนไทย ผ่านเว็บบอร์ดที่แม้แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถควบคุมได้ ผมแปลความเห็นต่างๆ ให้เขาฟัง เขารู้สึกอิจฉาประเทศไทยมาก ที่มีเสรีภาพอย่างนั้น
ตอนนี้หากผมเจอเขา ผมคงต้องเอาหน้ามุดดินหนี อับอายขายหน้าจริงๆ
แต่อย่างไรก็ตาม คนไทยบางส่วนได้แสดง "ธาตุแท้ของนักสู้เพื่อเสรีภาพ นักสู้เพื่อประชาธิปไตย" ขึ้น โดยการต่อสู้ผ่านอินเตอร์เน็ต ผ่านเว็บบอร์ดต่างๆ ผ่านความเห็น บทความต่างๆ คลิปวิดิโอ สถานีวิทยุอินเตอร์เน็ต สถานีโทรทัศน์อินเตอร์เน็ต รวมทั้งเกิด "นักรบไซเบอร์ หรือ Cyber Warrior ขึ้นจำนวนมากที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย ผลิตซ้ำ ข่าวสารต่างๆ ต่อสู้กับสื่อหลักที่ไป สยบแทบเท้าของเผด็จการจนหมดสิ้น เหลือแต่โลกอินเตอร์เน็ตหรือโลกไซเบอร์เท่านั้น ที่พวกเผด็จการเอาชนะ และครอบงำไม่ได้
เรารอดจากเผด็จการจนถึงวันนี้ ด้วย "อินเตอร์เน็ต" อย่างแท้จริง หากไม่มีอินเตอร์เน็ต เราก็จะกลายเป็นรัฐเผด็จการแบบอิหร่าน หรือปากีสถาน ที่ประชาชนทุกคนต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของเผด็จการ จนสิ้นหวัง ถึงกับมีคนคิดภาวนาให้ "ต่างชาติเข้ามาช่วยขับไล่เผด็จการออกไปแบบนักศึกษาอิหร่านคนนั้น
น่าสารพวกเขายิ่งนัก
ผมว่า สิ่งที่พรรคพลังประชาชนจะต้องทำอย่างเร่งด่วนในการ วางมาตรการต่อต้านเผด็จการ และ การครอบงำของสื่อ คือ "การสร้างโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง" เข้าสู่ครัวเรือนอย่างรวดเร็ว
อาจต้องนำเอาเทคโนโลยี Broadband over power lines (BPL) ที่ใช้เครือข่ายของสายไฟฟ้าของ กฟผ. เข้ามาเสริมเครือข่ายเส้นใยนำแสง เพื่อให้การขยายเครือข่ายเป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งจะต้องลดภาษีอุปกรณ์อินเตอร์เน็ต อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เพื่อให้มีราคาถูกลง จนประชาชนทุกชนชั้นสามารถเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง (ตอนนี้ผมเห็นมีเครื่อง Laptop เล็กๆ ราคา 11,500 บาท ที่ดีกว่า Notebook เครื่องแรกของผม ออกวางตลาดแล้ว การทำให้คอมพิวเตอร์ราคาหมื่นเศษๆ หรือ ต่ำกว่าจึงเป็นเรื่องที่ทำได้อย่างแน่นอน)
พรรคพลังประชาชน และ ท่านนายฯทักษิณ รอดจากสงครามทางการเมืองครั้งนี้มาได้ โดยการเป็นหนี้บุญคุณของ "อินเตอร์เน็ต" อย่างใหญ่หลวง จนไม่อาจปฏิเสธได้ หากไม่มีอินเตอร์เน็ต พรรคพลังประชาชน จะไม่มีวันนี้อย่างแน่นอน เพราะจะถูกปิดกั้นการต่อสู้แทบทั้งหมด
ดังนั้นการขยายเครือข่ายอินเตอร์เน็ตถึงครัวเรือนทั่วประเทศจึงเป็น "ความจำเป็นอย่างเร่งด่วนของชาติ" แม้จะใช้งบประมาณเป็นแสนล้าน แบบเดียวกับการสร้างรถไฟฟ้าก็ต้องทำ และมีความจำเป็นเร่งด่วนกว่ารถไฟฟ้ามาก ยิ่งเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเข้าถึงทุกครัวเรือนเท่าไหร่ ภูมิคุ้มกันเผด็จการก็จะมีสูงขึ้นมากเท่านั้น
ผมไม่เป็นห่วงเรื่อง "เนื้อหา หรือ Content" ที่จะต่อสู้กับเผด็จการ เพราะ อุดมการณ์ประชาธิปไตย ย่อมได้เปรียบเผด็จการอยู่แล้ว ไม่ว่าโต้เถียงกันในเว็บบอร์ดใด ก็ชนะวันยังค่ำ จะเกิดนักรบไซเบอร์ ที่ต่อสู้กับเผด็จการอย่างมากมาย
และที่สำคัญอย่าลืม "เช็คบิลกับ ข้าราชการกระทรวงไอซีที" ที่ทำตัวเป็น "ผู้รับใช้เผด็จการ" ที่พยายามปิดเว็บไซต์ต่างๆ อย่างเว็บ Hi-Thaksin โดนรังแกจนต้องมีโปรแกรมทะลวงเว็บออกมาแจก ต้องเช็คบิลกับ คนไอซีทีที่เป็นทาสเผด็จการเหล่านี้ ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป
การปิดเว็บไซต์ คือ อาชญากรรมเช่นเดียวกับ "การปิดหนังสือพิมพ์" หรือโทรทัศน์ ผู้ปิดเว็บไซต์ คืออาญากรสงคราม เราจะต้องไม่ยอมให้ทำได้โดยง่าย ที่ผ่านมากระทรวงไอซีที ก็ไม่ได้มีอำนาจทางกฎหมายอะไรที่จะทำ แต่อาศัยจิตใจที่ฝักใฝ่เผด็จการ ก่ออาชญากรรมร้ายแรง โดยการปิดเว็บไซต์
กระทรวงไอซีที ควรเป็นกระทรวงที่ก้าวหน้า มีหน้าที่พัฒนาเทคโนโลยี ส่งเสริมอินเตอร์เน็ต ไม่ควรมีหน้าที่ ปิดเว็บไซต์
คุณหมอ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน คงทราบและเข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง จะต้องถือว่า "แผนงานสร้างเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเข้าสู่ครัวเรือน" คือแผนงานเร่งด่วน เป็นความเป็นความตายของ ระบอบประชาธิปไตยเลยทีเดียว
หากไม่มีอินเตอร์เน็ต วันนี้พวกเราคงไม่มีทางสู้กับมารเฒ่าหัวขาวและลูกๆ ได้อย่างแน่นอน
---------------------------
ปล. วันนี้ ผมได้อ่านและฟัง บทสัมภาษณ์ของคุณหมอสุรพงษ์ โดย Thaifreenews แล้ว นี่คืออานุภาพของอินเตอร์เน็ต ที่เป็นช่องทางสยบข่าวลือ และการเต้าข่าว ของพวกสื่อหลักได้