“เรื่องการโยกย้ายเป็นเรื่องที่ต้องตระหนักถึงความสำคัญที่ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงจึงเขียนไว้ในพระราชบัญญัติว่า การโยกย้ายจะต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาโดยลำดับ มีกรรมการของเหล่าทัพ กรรมการของกระทรวงกลาโหม และคณะรัฐมนตรี” พล.อ.บุญรอด กล่าว
ต่อข้อถามว่า เชื่อว่า พ.ร.บ.นี้จะแก้ไขปัญหาการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายในกองทัพ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้หรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า แน่นอน ในอดีตการแต่งตั้งโยกย้ายมีคำสั่ง ให้แต่งตั้งคณะกรรมการ แต่การปฏิบัติไม่เป็นไปตามนั้น จึงมีผลทำให้เกิดการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม เมื่อมี พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกมาแล้วจะช่วยป้องกันเรื่องดังกล่าว เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะไม่สามารถปรับแก้บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายได้ แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถแก้ได้
เมื่อถามว่า ได้แนะนำนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ถึงคนที่จะเข้ามาดูแลกระทรวงกลาโหมหรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ได้ฝากในฐานะนายกสภาทหารผ่านศึก ได้ฝากเรื่องสิทธิกำลังพล การพัฒนาโรงพยาบาลให้เป็นเลิศในการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ได้ถามว่าทหารผ่านศึกมีรายได้อย่างไรบ้าง จึงได้ชี้แจงให้ทราบ ส่วนเรื่องของกองทัพได้บอกถึงการลดกำลังพล ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำสำเร็จแล้วโดยเฉพาะผู้ที่ตำแหน่งลอย นอกจากโครงการนี้เรายังมีระเบียบแต่งตั้งผู้ที่เกษียณแล้วกับผู้ที่จะมาครองอัตราใหม่ให้เหลือร้อยละ 25 ซึ่งทำให้ลดอัตรากำลังพลได้มาก
เมื่อถามว่า หากรัฐมนตรีกลาโหมเป็นพลเรือนจะมีปัญหาการทำงานหรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นคนที่เข้าใจเรื่องต่าง ๆ ง่าย และมีเจตนาที่จะไม่เข้ามาแทรกแซงอยู่แล้ว เมื่อฟังดูแล้วรู้สึกเข้าใจเจตนาซึ่งกันและกัน
ต่อข้อถามว่า มีความเป็นห่วงการทำงานของรัฐบาลใหม่หรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ต้องให้รัฐบาลทำงานไปก่อนระยะหนึ่ง ส่วนรัฐบาลเก่าเป็นเพียงพลเรือนที่รอการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐบาลใหม่ เชื่อว่าทุกฝ่ายคงเอาใจช่วยรัฐบาล และรอคอยให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่
“นายสมัคร ยอมรับเองว่าหน้าตาคณะรัฐมนตรีอาจยังไม่สวย แต่เราต้องให้กำลังใจและดูการทำงานให้รัฐบาลขับเคลื่อนประเทศชาติไปให้ได้” พล.อ.บุญรอด กล่าว.-สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-02-03 11:59:56