WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, February 7, 2008

อานันท์...โดนซะ

ผมจะไม่เพ่งเล็งเฉพาะการเลือกตั้งครั้งนี้ บทเรียนการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นใน
ประเทศไทยมาแล้ว 76 ปี มีการเลือกตั้งประมาณ 30 ครั้ง มีรัฐธรรมนูญ 11 ฉบับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งแอฟริกา เอเชีย หรือละตินอเมริกา

ส่วนใหญ่รู้สึกว่าการพัฒนาประชาธิปไตยให้สมบูรณ์นั้น เชื่องช้ามากในอังกฤษ ยังให้โอกาสสุภาพสตรีมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งได้เมื่อ 80-90 ปีที่แล้ว สมัยก่อนให้สิทธิเฉพาะคนที่มีทรัพย์สมบัติเท่านั้นประชาธิปไตยนั้น ไม่ได้หมายถึงการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว แม้รัฐธรรมนูญจะดี

อย่างไร ก็ไม่สามารถอุดช่องโหว่ได้ทุกช่อง ไม่สามารถป้องกันได้ทุกกรณี
รัฐธรรมนูญถึงจะดีเลิศอย่างไร แต่ถ้าผู้ที่จะมาใช้ช่องโหว่เป็นคนฉลาด ก็สามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นั้นหาประโยชน์ให้ตัวเอง แต่ถ้าการเลือกตั้งไม่สะอาด ไม่โปร่งใส ตามที่มี

ข่าวหนาหูทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งตลอด 30-40 ปี จะการันตีได้อย่างไรว่ารัฐบาลที่ได้นั้นจะมีความชอบธรรมนักข่าวชอบถามยั่ว ที่ท่านมาเป็นนายกฯ มีความชอบธรรมหรือไม่ ผมยอมรับว่ามีที่มาไม่ชอบธรรม สุดท้ายวันที่พ้นตำแหน่งก็ไม่มีใครถามถึงเรื่องความชอบธรรมอีก

ท่านพุทธทาสเคยบอก แม้ประชาธิปไตย คือ เสียงข้างมาก แต่ถ้าเสียงข้างมากไม่ดีเป็นเสียงเลวๆ ประเทศชาติจะรอดพ้นไปได้อย่างไรสมัยที่มีการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ใครก็ตามที่เข้ามาแล้วตั้งหน้าบิดเบือนถ้อยคำบิดพลิ้วเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ แล้วใช้ประโยชน์จากช่องว่างช่องโหว่ของรัฐ

ธรรมนูญ ก็ทำได้และทำมาแล้วและทำสำเร็จด้วย ต้องพยายามอุดช่องโหว่ ป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เหมือน 6 ปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นได้อีกจะโทษใครไม่ได้ แต่ถ้าจะโทษคงต้องโทษสังคมไทยทั้งสังคม จะโทษคนซื้อขายเสียงอย่างเดียวหรือชาวนาชาวไร่ก็ไม่ถูก

ในแวดวงการต่างประเทศมา 40-50 ปี เห็นว่าคำว่าประชาธิปไตยนั้นได้ถูกนำไปใช้
ประโยชน์เพื่อประโยชน์ของตนเอง ประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ต่างๆ ล้วนใช้คำนำหน้าประเทศว่าประชาธิปไตย แต่ผู้นำหลายประเทศในโลกนี้ใช้ประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

เช่น ฮิตเลอร์ ผ่านระบบการเลือกตั้งมาตลอด ไม่เคยทำรัฐประหารเป็นเรื่องตลกมากที่ทุกประเทศเป็นประชาธิปไตยกันหมด แม้แต่ประเทศอย่างสหรัฐฯจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดี บอกว่าอิรักเป็นประชาธิปไตยแล้ว เพราะรัฐธรรมนูญที่ตัวเองร่างเองและมีการเลือกตั้งแล้ว

ความเห็นของชาติตะวันตกเกี่ยวกับประชาธิปไตยไร้ความหมาย เขาทำให้คนไทยเกรงกลัวว่าเราต้องมีการเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นต่างประเทศจะบอยคอตไม่ให้การรับรอง ประเด็นอยู่ที่คนที่มาจากการเลือกตั้งแล้วใช้อำนาจในทางที่ผิด ถ้าหากเป็นได้ก็แสดงว่าถ้าคุณเป็นพวกเขา ไม่ว่า

คุณจะมาจากการเลือกตั้งหรือรัฐประหารเขาก็รับได้หมดการเลือกตั้งนั้น นอกจากจะเป็นระบอบที่ยอมรับเสียงข้างมากแล้ว ยังต้องปกป้องคุ้มกันเสียงข้างน้อยด้วย ผมเป็นผู้นำของคน 16 ล้าน หรือ 19 ล้านเสียง แต่อีก 12 ล้านที่ไม่ออกเสียงกับผมก็นั่งคอยไปอีก 4 ปี ตัดสินว่าจะให้งบประมาณที่ไหนมากกว่า อันนี้

ใช้ไม่ได้ อย่าไปแยกแยะว่าเป็นนายกฯ ให้คน 19 ล้านคนเท่านั้น หรือจะเป็นนายกฯ ให้คนนับถือพุทธเท่านั้น เป็นความผิดอย่างมหันต์ คนเป็นนายกฯ ต้องบอกจะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศรัฐบาลใหม่หน้าตาจะอย่างไรไม่ทราบ จะสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม หรือกลมดิก ก็ไม่รู้

ต้องรอดูผลงานเพราะมาตามครรลองการเลือกตั้ง จะบริสุทธิ์หรือไม่ กระบวนการยุติธรรมก็ทำไปกระบวนการยุติธรรมใช้อำนาจกับคนทุกคนในลักษณะเดียวกันเพราะเมื่ออยู่ต่อไปมีสิ่งยั่วยวนใจมากมายทำให้ความเป็นอิสระน้อยลง บางคน

กลายเป็นทาสไปเลย ไม่สามารถตรวจสอบได้ตามอำนาจหน้าที่ของรัฐธรรมนูญ
เวทีการเมืองต้องเปิดกว้าง ไม่ใช่จำกัดแค่คนๆ เดียวหรือ 111 คน หรือ 3,000 คน ที่มีเมียผัว ญาติ มิตร พลังของประชาชนต้องเป็นแสนเป็นล้าน แต่ไม่อยากให้ตื่นตัวเฉพาะจำนวน

ต้องให้การศึกษา ถ้าคนไปออกเสียงโดยไม่รู้ว่าอะไรผิด อะไรชอบ ดีหรือไม่ดี การออกเสียงนั้นไม่มีความหมาย ที่พูดไม่ใช่น้อยใจที่เรียนไม่ถึงดอกเตอร์ แต่เห็นดอกเตอร์โกงเยอะแยะในเมืองไทยมีความรู้แต่ไร้คุณธรรม จริยธรรม ต่อให้เป็นดอกเตอร์หรือมียศอะไรก็ให้

ความเคารพยากภาคประชาชนยังไม่แข็งพอ เนื่องจากมีการปกปิดข่าวสารข้อมูล ไม่ใช่ว่าคนในเมืองหรือคนในชนบทคิดถูกหรือคิดผิด แต่เป็นเพราะขนาดข้อมูลที่ได้รับไม่พร้อม ไม่เท่าเทียมกัน เป็นความอยุติธรรมในสังคมอย่างหนึ่ง

ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า สัจธรรมของโลกสังคมไทยไม่มีทางดิ่งสู่เหว แต่จะมีอะไรมาแก้ไขแต่ไม่ใช่แก้ไขด้วยการมีรัฐประหาร ขอให้เลิกซะที ที่จริงจัง จริงใจ เข้มแข็งหนักแน่น จะมีกลไกในการแก้ไข ประเทศที่มีประชาธิปไตยที่ยั่งยืนไม่มีการรัฐประหารแล้ว เพราะมีกลไกในการจัดการ

กับปัญหา แต่ของเรายังไม่มีหรือมีก็ใช้ไม่ได้ ต้องสร้างเสาหลักให้ได้ทั้งเรื่องความอิสระของสื่อความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ ความโปร่งใส การเข้าถึงข้อมูลราชการอีกแห่งหนึ่งเท่านั้นนี่คือเนื้อหาบางตอนที่ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน

เสวนาวิชาการเรื่อง “บทเรียนเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550” เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยหากคำพูดดังกล่าวไม่พาดพิงใครก็คงจะเป็นเรื่องปกติ แต่นี่ดัน “กระทบ” ผู้คนเข้าให้มันจึงกลายเป็น

“ประเด็นร้อน” ขึ้นมาทันทีแม้ นายอานันท์ ปันยารชุน จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่กระนั้นก็ไม่ได้มาจาก “การเลือกตั้ง”ทว่า เขา “ถูกแต่งตั้ง” ขึ้นมาต่างหาก จาก พล.อ.สุจินดา คราประยูร ภารกิจสมัยแรกระหว่างวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2534-22 มีนาคม พ.ศ.2535อานันท์ ปันยารชุน ดำรง

ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยแรกภายหลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ.2534 ระหว่าง 2 มีนาคม พ.ศ.2534-22 มีนาคม พ.ศ.2535 คือ การร่างรัฐธรรมนูญและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนการบริหาร

ประเทศนั้นเน้น “ความโปร่งใส” เป็นเอกเทศ ไม่ยอมอยู่ใต้คำสั่งของคณะ รสช. ทำให้ได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชน และได้รับฉายาว่า “ผู้ดีรัตนโกสินทร์”กระทั่ง เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2535 อานันท์ ปันยารชุน

ก็ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 เมื่อวันที่10 มิถุนายน พ.ศ.2535 โดยจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง และเมื่อการเลือกตั้งวันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2535 จบลง 23 กันยายน พ.ศ.2535 “ผู้ดีรัตนโกสินทร์” ก็มีอันต้องยุติบทบาท

อย่างไรก็ตาม ในวังวนแห่งความดี “อานันท์” ก็มี “รอยตำหนิ” ที่ให้ใครหลายคน
ได้จดจำเช่นกันเพราะหลังจาก นายชวน หลีกภัย รับช่วงต่อ ปรากฏว่าได้ถูกฝ่ายค้านตั้งข้อสงสัยและนำไปอภิปรายอย่างดุเดือดในสภา เรื่องการประมูลโครงการโทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย และการขายโรงกลั่นให้ไทยออยล์8,000 ล้านบาท

นอกจากนั้น “อานันท์” ยังเป็นผู้นำนโยบายเปิดเสรีทางการเงิน (BIBF) อันนำมาซึ่งต้นตอวิกฤติเศรษฐกิจ ปี 2540 จนส่งผลให้ประเทศไทยต้องอยู่ในสถานะ “ลูกหนี้”
และที่สำคัญ “ผู้ดีรัตนโกสินทร์” ประกาศยกเลิกเพดานภาษีนำเข้ารถยนต์ ส่งผลให้ปัจจุบันชาวไทยต้องน้ำตาตก เพราะโดน “พิษน้ำมัน” เล่นงานซะอ่วมอรทัย

งั้นก็แสดงว่า “ผู้ดีรัตนโกสินทร์” ก็มีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง ยิ่งเมื่อคำพูดในงานเสวนาที่ม.หอการค้าไทย สะพัดไปทั่ว กระแสต่อต้าน “อานันท์” จึงแรงขึ้นทันตา โดยเฉพาะเว็บไซต์พันทิป บอร์ดราชดำเนิน ปรากฏว่ามีผู้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีอดีตนายกฯ เป็นจำนวนมาก อาทิ

อยากถามท่านที่ชื่อ “อานันท์”...ผมว่าท่านไม่กล้าตอบ จากคุณ : หน้าดำเปา
ฝากบอกคนชื่ออานันท์ “ไม่ต้องมาโทษชั้นที่ชั้นเลือกที่จะอยู่ข้างประชาธิปไตย” จากคุณ : บอยไม่ดื่มค่ะนายอานันท์นอนฝันกลางแดดที่ร้อนแผดเผา จากคุณ : veeอย่างไหน? ถึงจะถูกใจท่านครับ ท่านอานันท์...จากคุณ : dowsuk

อานันท์ ปันยารชุน ผู้สูงศักดิ์หรือต่ำต้อย จากคุณ : karakalบทเรียนในอดีต ทำไมพลังประชาชนไม่รู้จักจำสักที..อานันท์เริ่ม พันธมิตรเริ่ม..จากคุณ : สายธาร 1ฟังคุณอานันท์พูดแล้ว รู้สึกคัน...จากคุณ : น่ารักน่าลุ้นอาจจะเอา “ใบตองแห้ง” ไปเป็นของกำนัลให้นายอานันท์

นายอานันท์-อย่าตะกายฝาแกรกๆ-ครางหงิงๆ-แน่จริง ออกมาลงเลือกตั้ง จากคุณ : มังกรดำนายอานันท์ คุณมันก็ไอ้แค่อำมาตย์คนหนึ่งแค่นั้นเอง จากคุณ : สายลมรักทำไมอานันท์กับ สงค์ ฟันดำ ไม่มีความสำเหนียกบ้าง พูดจาฟังแล้วคลื่นไส้มากๆ จากคุณ : พะโล้ดอก

ป.เงียบไป แต่อานันท์กำลังออกมาแทน จากคุณ : shongakukanเฮ้ย “อานันท์” เราก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า นายจะให้เราเลือก “ใครวะ” ถึงจะถูกใจนาย และทำให้เราเป็นคนฉลาดอย่างที่นายพูด. จากคุณ : คนทำยา“อานันท์” ตาบอด-เป็นใบ้ โนคอมเมนต์ “สมัคร” เป็นนายกฯ จากคุณ : สู่รู้สู่เห็น

แล้ว..นายอานันท์จะเอายังไง?..จากคุณ : พี่บุญน้อยรัฐบาลที่มีความชอบธรรมของนายอนันต์ ใช่รัฐบาล ปชป. หรือเปล่าครับ จากคุณ : SamanosukeAkechiอยู่นิ่งๆ มาก็นานหลายปี ได้พูดในงานเสวนาทั้งที ปรากฏว่า “เจอดี” เข้าจนได้ สุดท้ายจึง“โดนซะ” หลายดอกเลยนะท่าน