สหรัฐยกเลิกจำกัดความช่วยเหลือทางทหารแก่ประเทศไทย พร้อมยินดีที่ได้ฟื้นความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐ ให้กลับสู่ระดับปกติอีกครั้ง โดยเฉพาะจะฉลองครบรอบ 175 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูต
นายเอริค จี จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย แถลงเรื่องการยกเลิกการจำกัดความช่วยเหลือแก่ประเทศไทย ว่า หลังจากไทยมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้สหรัฐให้เงินสนับสนุนโครงการความร่วมมือทางทหารกับกองทัพไทยครบถ้วนตามเดิม เช่น โครงการฝึกและศึกษาทางทหารระหว่างประเทศ โครงการช่วยเหลือทางการเงินในการจัดหายุทโธปกรณ์ทางการทหารให้แก่ต่างประเทศและโครงการปฏิบัติการรักษาสันติภาพโลก
นายเอริค จี จอห์น กล่าวว่า ช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ นายคริสโตเฟอร์ ฮิลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก และ พล.ร.อ.ทิโมธี คีทติง ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐ ภาคพื้นแปซิฟิก จะมาเยือนไทย ซึ่งเป็นการนำร่องการเดินทางเยือนไทยของเจ้าหน้าที่สหรัฐอีกหลายคนในปีนี้ ซึ่ง 1 ในหัวข้อสำคัญที่มีการหารือดังกล่าว คือช่องทางในการเพิ่มความร่วมมือทางทหารกับไทย ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสหรัฐกับไทยเป็นความสัมพันธ์ที่เอื้อประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
“สหรัฐ รู้สึกยินดีเป็นพิเศษที่จะได้ฟื้นความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐ ให้กลับสู่ระดับปกติอีกครั้ง โดยเฉพาะจะฉลองครบรอบ 175 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตในปีนี้” นายเอริค จี จอห์น กล่าว
ต่อข้อถามว่า จะมีการพูดเรื่องเอฟทีเอไทย-สหรัฐ เมื่อใด นายเอริค จี จอห์น กล่าวว่า เอฟทีเอไทย-สหรัฐ อยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเอฟทีเอช่วยให้การค้าเพิ่มขึ้นและเพิ่มงาน แต่คงจะเร็วเกินไปที่จะบอกว่าจะมีการเจรจากันอีกเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม สหรัฐยังคงเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในการส่งออกของไทย
ต่อข้อถามว่า ดูรายชื่อ คณะรัฐมนตรีใหม่แล้ว น่าเป็นห่วงหรือไม่เพราะมีหลายคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายเอริค จี จอห์น กล่าวว่า สหรัฐให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์และพรรคพลังประชาชนก็โปร่งใสพอที่จะเจรจากับพรรคอื่น ๆ และจัดตั้งรัฐบาลได้
เมื่อถามว่า พม่าพัฒนาประชาธิปไตยช้า ในฐานะที่เป็นเอกอัครราชทูตใหม่และไทยก็มีรัฐบาลใหม่จะสามารถทำอะไรได้บ้าง นายเอริค จี จอห์น กล่าวว่า หลังจากที่ไทยมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลไทยก็สามารถพูดและให้คำปรึกษาได้ดีกับพม่าเรื่องการเดินหน้าประชาธิปไตยในพม่า ต่อข้อถามว่า สหรัฐ จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือสถานการณ์ภาคใต้ของไทยอย่างไร นายเอริค จี จอห์น กล่าวว่า เป็นเรื่องภายในของรัฐบาลไทย คนไทยต้องการสันติภาพและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับมาเลเซีย แต่สหรัฐคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
นายเอริค จี จอห์น กล่าวว่า ช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ นายคริสโตเฟอร์ ฮิลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก และ พล.ร.อ.ทิโมธี คีทติง ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐ ภาคพื้นแปซิฟิก จะมาเยือนไทย ซึ่งเป็นการนำร่องการเดินทางเยือนไทยของเจ้าหน้าที่สหรัฐอีกหลายคนในปีนี้ ซึ่ง 1 ในหัวข้อสำคัญที่มีการหารือดังกล่าว คือช่องทางในการเพิ่มความร่วมมือทางทหารกับไทย ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสหรัฐกับไทยเป็นความสัมพันธ์ที่เอื้อประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
“สหรัฐ รู้สึกยินดีเป็นพิเศษที่จะได้ฟื้นความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐ ให้กลับสู่ระดับปกติอีกครั้ง โดยเฉพาะจะฉลองครบรอบ 175 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตในปีนี้” นายเอริค จี จอห์น กล่าว
ต่อข้อถามว่า จะมีการพูดเรื่องเอฟทีเอไทย-สหรัฐ เมื่อใด นายเอริค จี จอห์น กล่าวว่า เอฟทีเอไทย-สหรัฐ อยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเอฟทีเอช่วยให้การค้าเพิ่มขึ้นและเพิ่มงาน แต่คงจะเร็วเกินไปที่จะบอกว่าจะมีการเจรจากันอีกเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม สหรัฐยังคงเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในการส่งออกของไทย
ต่อข้อถามว่า ดูรายชื่อ คณะรัฐมนตรีใหม่แล้ว น่าเป็นห่วงหรือไม่เพราะมีหลายคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายเอริค จี จอห์น กล่าวว่า สหรัฐให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์และพรรคพลังประชาชนก็โปร่งใสพอที่จะเจรจากับพรรคอื่น ๆ และจัดตั้งรัฐบาลได้
เมื่อถามว่า พม่าพัฒนาประชาธิปไตยช้า ในฐานะที่เป็นเอกอัครราชทูตใหม่และไทยก็มีรัฐบาลใหม่จะสามารถทำอะไรได้บ้าง นายเอริค จี จอห์น กล่าวว่า หลังจากที่ไทยมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลไทยก็สามารถพูดและให้คำปรึกษาได้ดีกับพม่าเรื่องการเดินหน้าประชาธิปไตยในพม่า ต่อข้อถามว่า สหรัฐ จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือสถานการณ์ภาคใต้ของไทยอย่างไร นายเอริค จี จอห์น กล่าวว่า เป็นเรื่องภายในของรัฐบาลไทย คนไทยต้องการสันติภาพและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับมาเลเซีย แต่สหรัฐคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย