WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, February 9, 2008

"จักรภพ"ชง ตั้ง คก.คุม TPBS ยกเครื่องสื่อฟื้นไอทีวี

กำหนดสเป็ค 4 ข้อ อ้างดีแต่ชื่อที่มาไม่โปร่งใส สื่อสยบยอมอำนาจนอกระบบทำให้เสนอข่าวไม่สมดุล พปช.หนุนไอเดียยกเครื่องสื่อ อ้างมีสิทธิ์แก้กฏหมายหากเสียงข้างมากเห็นชอบ ด้าน"จอน"โวยรัฐย้อนยุค ไม่น่าเชื่อความคิดรัฐบาลเลือกตั้งจากประชาชน หวั่น"นอมินีแม้ว"ลักไก่แก้ กม.ทีพีบีเอส ปล้นทีวีสาธารณะ

ทำเนียบรัฐบาล นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่จะเข้ามาจัดระเบียบสื่อว่า จะไม่มีการจัดระเบียบแต่มีการจัดระบบ เพราะสื่อของรัฐมีการออกนอกระบบไม่เคารพสิทธิในการรับข้อมูลข่าวสารของประชาชนทำตัวเป็นนายหน้านอกระบอบประชาธิปไตย สิ่งเหล่านี้ต้องมีการจัดระบบและการจัดระบบนั้นเป็นไปอย่างเปิดเผย โจ่งแจ้ง และจะบอกล่วงหน้าว่าทำอะไร รัฐบาลทุกชุดต้องการจะเป็นขวัญใจประชาชนและสื่อมวลชนทั้งนั้น แต่เรื่องไหนจำเป็นต้องทำก็ต้องทำ ไม่มีวาระอะไรที่จะต้องมาเสแสร้งเอาใจในเรื่องที่ไม่มีเหตุผล ทุกเรื่องสามารถพูดจากันอย่างตรงไปตรงมาได้ และหากไม่เห็นด้วยก็สามารถวิจารณ์ได้ตามสิทธิ์

เมื่อถามว่าที่ระบุว่าสื่อทำตัวเป็นนายหน้านอกระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นอย่างไร นายจักรภพ กล่าวว่า ยกตัวอย่างว่ามีการเสนอความคิดไปข้างใดข้างหนึ่ง โดยไม่มีข้อมูลอีกด้านหนึ่งด้วย เช่นมีการนำเสนอความคิดว่าระบอบประชาธิปไตยมีข้อสงสัยหรือไม่ ก็นำเสนอด้านเดียวจนชี้ว่าไม่เป็นประโยชน์หรือเสียงข้างมากอาจจะนำมาซึ่งความไม่ดี โดยไม่อธิบายหลักการระบอบประชาธิปไตยประกอบ แต่เรื่องทั้งหมดนี้คงไม่ทำกันหากประชาชนทั้งประเทศไม่เห็นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าสื่อตอนนี้มีปัญหาอะไรจึงต้องมีการปรับระบบของสื่อใหม่ทั้งหมด นายจักรภพ กล่าวว่า ปัญหาอยู่ที่ประชาชนไม่ได้รับข้อมูลที่สมดุล จึงทำให้เห็นว่าคนดูเว็บไซต์มากขึ้นแต่อ่านหนังสือพิมพ์น้อยลง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นกับสื่อคือมีการสยบยอมต่อำนาจนอกระบบ ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าของกิจการ ซึ่งการปรับดังกล่าวก็เป็นเรื่องการปรับสมดุล โดยรัฐจะไม่ได้เป็นผู้สร้างสมดุลเองแต่จะให้กลุ่มบุคคลเข้ามาปรับดุล

“ในฐานะที่ผมรับผิดชอบเรื่องนี้ผมจะสื่อสารกับพี่น้องประชาชนโดยตรง เพื่อที่จะบอกว่าเราจะทำอะไรเพื่ออะไรและนำไปสู่มาตรการที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ และองค์กรต่างๆจะเห็นอย่างไร เป็นอย่างไร ขณะนี้ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำกันไป แต่ขอให้สื่อมวลชนภาครัฐได้นึกถึงบทบาทของตัวเองว่าแต่ละองค์กรมีบทบาทแตกต่างกันไป อสมท.เป็นบริษัทของรัฐที่อยู่ในตลอดหลักทรัพย์ กรมประชาสัมพันธ์เป็นหน่วยงานของรัฐโดยตรง ทีพีบีเอสเป็นการแก้ไขปัญหาจากไอทีวี ปัญหาทีวีดาวเทียมมีคนเกี่ยวข้องหลายฝ่ายทั้งฝ่ายที่เห็นตรงกันและเห็นไม่ตรงกัน วิทยุชุมชน ซึ่งหลายคนเห็นว่าเป็นดาบสองคม มีประโยชน์มาก็มีโทษมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องการจัดระบบทั้งสิ้น และจะทำด้วยความรวดเร็วไม่รอเวลา” นายจักรภพ กล่าว

เมื่อถามว่ามีแนวคิดที่จะแก้กฎหมายทีวีสาธารณะหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า บอกได้เพียงหลักการว่าทีวีสาธารณะเป็นสิ่งจำเป็นของเมืองไทย แต่ไม่ได้หมายความว่าวิธีการที่นำมาสู่จุดนี้จะทำอย่างไรก็ได้ เพราะวิธีการที่จะนำไปสู่เป้าหมายต้องถูกต้องด้วยและสิ่งที่จะประเมินทีพีบีเอสคือวิธีการที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ถูกต้องหรือไม่ การมีทีวีสาธารณะเป็นสิ่งดีงาม เพราะประเทศที่เขามีเขาจะได้รับประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง เช่นสหรัฐที่เป็นต้นแบบ เพราะเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นการพัฒนาคน สร้างผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ที่ไม่หวังกำไร ผลิตคนเชิงอุดมการณ์ที่อยากทำงานที่ดีมีคุณค่าสูงต่อสังคม และไม่เห็นแก่ธุรกิจจนเกินไป ดังนั้นรัฐบาลเห็นด้วยกับการมีทีพีบีเอสหรือการมีโทรทัศน์สาธารณะ แต่ไม่ได้เห็นด้วยกับที่มา สำหรับวิธีการที่จะดำเนินการนั้นยังเร็วเกินไปที่จะพูดเพราะทีพีบีเอสก็เป็นมติครม.จะเปลี่ยนแปลงอะไรนั้นก็ต้องศึกษาแต่ใช้ระยะเวลาที่รวดเร็วและมีมาตรการออกมาว่าจะทำอะไรบ้าง ซึ่งตนเชื่อว่าน่าจะได้เห็นไม่เกินสองเดือนนี้

ผู้สื่อข่าวถามไม่กลัวถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่กลัว เพราะไม่เช่นนั้นจะมาตรงนี้ทำไม ตนมาทำงานในหน้าที่นี้เพราะต้องทำในสิ่งที่เชื่อว่าถูกถ้าจะถนอมตัวเองคงหาทางไปที่อื่น ซึ่งที่ผ่านมาก็มีความพอใจในทีพีบีเอสระดับหนึ่งเพราะชื่อดี ตนไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะมาบอกว่าพอใจหรือไม่พอใจเป็นเพียงคนที่มาทำหน้าที่แทนประชาชนเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามอยากให้ทบทวนถึงวิธีการเช่น การคัดเลือกเก็บคนส่วนหนึ่งไว้อีกส่วนเอาออก การตั้งมาตรฐานสื่อมวลชนที่ดีหรือส่วนที่ไม่ดีตรงนี้เป็นสิ่งที่น่าสงสัยและเป็นเรื่องที่ต้องประเมินผล

นายจักรภพ กล่าวว่า ทีวีสาธารณะมีหลักว่ารัฐบาลไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวในรายละเอียดจนเกินไป แต่อย่างที่ตนบอกแล้วว่าการนำมาสู่ทีพีบีเอสมีวิธีการที่แปลกๆ แต่ถ้าทำถูกก็อาจจะไม่ต้องไปแตะต้อง รัฐบาลมีหน้าที่ทำให้เป็นทีวีสาธารณะจริงๆไม่ใช่เป็นทีวีสาธารณะอันเป็นสมบัติส่วนตัวของใคร

เมื่อถามว่า แต่ทีพีบีเอสก็ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกระทรวงการคลัง นายจักรภพ กล่าวว่า ตนแน่ใจว่าการรับงบประมาณจากใครก็ไม่จำเป็นต้องเป็นทาสคนนั้น การที่รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณเป็นไปเพื่อวัตุประสงค์กลางก็ได้ เหมือนเอาเงินรัฐบาลไปสร้างสวนสาธารณะ ไม่ใช่ว่าเมื่อสร้างเสร็จแล้วไม่จำเป็นว่าข้าราชการมีสิทธิที่เข้าไปเที่ยวก่อนใครเพราะเป็นเงินของประชาชน รัฐบาลเป็นเพียงคณะบริหารชั่วคราวที่จะรักษาเงินรักษาสิทธิของประชาชน

นายจักรภพ กล่าวว่า ตนจะเข้าไปดูแลปัญหาวิทยุชุมชนด้วย เนื่องจากได้รับร้องเรียนอย่างมากว่าสร้างความรำคาญ อีกทั้งยังมีหลากหลายเป็นอย่างมาก บางแห่งละเมิดสิทธิผู้อื่น แต่ขณะนี้สิ่งเหล่านี้อยู่ในถังเดียวกันคงจะใช้วิธีหรือสูตรเดียวกันไม่ได้ เมื่อไม่มีกรอบย่อมเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตราย ซึ่งตนจะเข้าไปดู

นายจักรภพ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ(กสช.) ที่ล่าช้านั้นรัฐบาลทุกชุดพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นเร็ว แต่เมื่อเข้ามากรมประชาสัมพันธ์ก็จะแจ้งรัฐมนตรีที่ดูแลว่าทุกอย่างรอ กสช.แต่ปรากฏว่าเกิดความขัดแย้งในวงการสื่อด้วยกันเอง โดยเฉพาะในเรื่องผลประโยชน์ ดังนั้นตนก็จะดูแลเรื่องนี้เพราะการผลักดันให้เกิดกสช.เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องผลักดัน โดยทั้งหมดจะมีการตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานขึ้นมาดูแลในแต่ละเรื่องแยกย้ายกันไปบางชุดเป็นกรรมการศึกษา บางชุดเป็นกรรมการเพื่อเสนอนโยบายหรือบางชุดจะเป็นคณะกรรมการประเมินผลเพื่อให้ตนได้ตัดสินใจในทันที

เมื่อถามถึงคณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นมาเพื่อกำหนดกรอบของทีวีสาธารณะ นายจักรภพ กล่าวว่า ตนคิดว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาต้องมีคุณสมบัติ 4 ข้อ คือ 1.พยายามที่จะหาคนที่มีความรู้ความสามารถทางด้านสื่อซึ่งไม่ใช่เก่งแต่เรื่องทฤษฎีแต่ต้องเก่งในเรื่องปฏิบัติด้วย 2.ไม่อยู่ในสมรภูมิที่มีความขัดแย้งทางการเมือง 3.มีความรู้ทางด้านวิชาการ และ 4.มีวิสัยทัศน์ในทุกด้าน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการพิจารณาตั้งทีวีสาธารณะช่องที่ 2 หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ทางเลือกทุกอย่างเกิดขึ้นได้ แต่เราก็ต้องดูความเป็นไปได้ด้วย ว่าเศรษฐกิจตอนนี้เป็นอย่างไร เมื่อถามต่อว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทีพีบีเอสแล้วเกิดกระแสต่อต้านจะทำอย่างไร นายจักรภพ กล่าวว่า การเข้าไปทำเช่นนี้เราก็รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้ต้องดูกันที่เจตนา และต้องดูผลที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวว่าตนทำไปเพราะเหตุใด

เมื่อถามต่อว่าการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำหนดกรอบของทีวีสาธารณะใหม่จะทำให้การเดินหน้าของทีพีบีเอสต้องหยุดลงหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ทุกอย่างยังเดินหน้าต่อไปไม่ต้องหยุดอะไร ทุกคนก็ทำกันตามหน้าที่