Home Alone เป็นหนังสนุกของฝรั่ง ในชื่อภาคภาษาไทยว่า “โดดเดี่ยวผู้น่ารัก” โกยเงินคนทั้งโลกไปเยอะทีเดียว ชื่อหนังนี้ถูกนำมาใช้เสมอ เมื่อกล่าวถึงใครก็ตามที่ถูกทอดทิ้ง โดยเฉพาะในทางการเมืองนิยมกันมาก และคนที่ถูกกล่าวถึงอย่างน่าเวทนาสงสารในนาทีนี้ก็คือคตส.หรือ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐเรื่องมันดังอื้ออึงขึ้นมาเมื่อวันที่ 30 ม.ค.51 โดยทันทีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี “หัวหน้าคณะปฏิวัติ” ที่นำทหารยึดอำนาจการปกครองไปเสียจาก “ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เปิดปากบอกนักข่าวว่า ได้โทรศัพท์คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว โดยมีนักธุรกิจคนหนึ่งเป็นกลาง ยื่นโทรศัพท์มาให้พูดขณะไปตีกอล์ฟร่วมกันไม่มีการต่อรองทางการเมืองกับทักษิณ ถามไถสารทุกข์สุกดิบกันในฐานะ “พี่น้อง” ร่วมสถาบันโรงเรียนเตรียมทหารมาด้วยกันเท่านั้นคนที่เคยสนับสนุนการรัฐประหาร และหนุนพล.อ.สนธิ เจ็บปวดขมขื่นมาก ที่ได้รับรู้ว่า พล.อ.สนธิคุยกับทักษิณแล้ว โดย “ไม่เชื่อ” ประเด็นที่พล.อ.สนธิเอมาแฉว่าจะคุยกันแค่ถามไถ่ทุกข์สุขเท่านั้น ส่วนมากเชื่อไปทางว่านี่คือการเกี้ยเซี้ยะ เพื่อเอาตัวรอด หาทางลง ในวันที่หมดอำนาจแล้ว
บ่ายวันนั้น “นักข่าว” จับประเด็นไ ด้และเอาไปถาม คตส.โดยทันที “นาม ยิ้มแย้ม” ประธานคตส.ตอบว่า “โดยส่วนตัวไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะการทำงานของ คตส.โดดเดี่ยวมาตั้งแต่ต้นแล้ว คมช.เองก็ไม่เคยเข้ามายุ่งอยู่แล้ว ผมไม่ขอเข้าไปก้าวล่วง หรือให้ความเห็นกรณีที่ พล.อ.สนธิคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเขาอาจจะมีเหตุผลส่วนตัว มีความสัมพันธ์คุยกันเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้รู้สึกผิดหวัง เขาอาจจะมีความจำเป็นก็ได้”นักข่าวถามว่าจะเป็นการหาทางลงของ พล.อ.สนธิหรือไม่ นาม…”ไม่ทราบ แต่ในส่วนของ คตส.ทางลงก็คือทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนกรรมการ คตส.ที่มีอยู่ทั้ง 10 คน ก็ไม่มีใครถอดใจ และพร้อมที่จะทำงานต่อไปจนกว่าจะหมดอายุ และมั่นใจว่าคดีที่อยู่ในมือ คตส.ทุกคดีจะส่งฟ้องศาลได้เกือบทุกคดี แม้ว่าอัยการจะมีความเห็นไม่ฟ้องแต่ คตส.ก็สามารถฟ้องร้องได้ โดยคดีที่คาดว่าจะเป็นชิ้นโบแดงก็คงจะเป็นคดีซีทีเอ็กซ์ และคดีรถดับเพลิงที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา”
“แก้ว สรรอติโพธิ” คตส.คนดังกล่าวกับนักข่าวประเด็นเดียวกันว่า “พล.อ.สนธิคุยกับทักษิณ ไม่เกี่ยวข้องหรือส่งผลกระทบอะไรต่อการทำงานของ คตส. เพราะกรรมการ คตส.ทุกคนไม่ได้มาทำงานเพราะ พล.อ.สนธิ และที่ผ่านมา ก็ไม่ได้อาศัยอำนาจของ คมช.แต่เป็นการทำงานตามกรอบของกฎหมายปกติ ทุกคดีจะต้องไปจบในชั้นศาล เท่าที่ผมดูไม่เห็นจะเป็นเรื่องของการลอยแพอะไร เพราะ คตส.ก็ยังทำงานตามหน้าที่ต่อไป ตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่มีการไปกลั่นแกล้งอะไรใครอยู่แล้ว ขณะนี้ก็ยังไม่เห็นมีอะไรเลย ไม่รู้สึกว่าแผ่นดินมันจะเลื่อนหรือไหวอะไร”คตส.เริ่มต้นความขัดแย้งไม่สง่างามมาแต่ต้นแล้วทหารกับทหาร เวลารักกันจะรักมาก แต่เวลาขัดแย้งกัน และคนหนึ่งนำกำลังออกมายึดอำนาจไปเสียจากอีกคนหนึ่ง จะเล่นกันแรงมาก “จอมพลถนอม กิตติจร” โดนหนักมาก พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา สั่งให้ยึดทรัพย์คืนแผ่นดินไปหลายรายการ
แต่พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ กับรัฐมนตรี และบริวาร ไม่โดนคณะปฏิวัติของพล.อ.สุจินดา คราประยูร ยึดทรัพย์ แค่โดนอายัดไว้ตรวจสอบ แล้วก็ไปจบที่ศาลฎี
มาถึงยุคของพล.อ.สนธิ บุญญรัตกลิน เมื่อมีการนำข้ออ้างรัฐบาลทักษิณโกง มาเป็นเหตุทำปฏิวัติ เมื่อยึดสำเร็จมันก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาตรวจสอบทรัพย์สิน เพื่ออวดประชาชน แรกสุดพล.อ.สนธิ ออกประกาศ คปค.ฉบับที่ 23 ตั้ง “คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน” ชื่อย่อ คตส. เล็งกันว่าจะมอบหมายให้ “สวัสดิ์ โชติพานิช” อดีตประธานศาลฎีกา เป็นประธาน แต่พอสวัสดิ์ไปคุยกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ที่สำนักงาน สตง. แค่ครั้งเดียวก็วงแตก เพราะแนวทางในการทำงานต่างกัน “สวัสดิ์ โชติพานิช” มาจากประธานศาลฎีกา ก็เห็นว่า จะเอาโทษคนมันจะต้องแน่นด้วยหลักฐานและพยาน ที่สุดเมื่อหาทางลงกันไม่ได้สวัสดิ์ถอนตัวในวันนั้นเลยพล.อ.สนธิ ออกคำสั่งใหม่ เป็นคำสั่ง คปค.ฉบับที่ 30 ลงวันที่ 30 ก.ย.49 และเปลี่ยนชื่อเป็น “คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ” ชื่อย่อ คตส.ตามเดิม มีกรรกมารทั้งหมด 12 คนประกอบด้วย1.นายกล้านรงค์ จันทิก 2.นายแก้วสรร อติโพธิ 3.คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา 4.นายจิรนิติ หวานนท์ 5.นายนาม ยิ้มแย้ม 6.นายบรรเจิด สิงคะเนติ 7.นายวิโรจน์ เลาหพันธ์ 8.นายสวัสดิ์ โชติพานิช 9.นายสัก กอแสงเรือง 10.นางเสาวนีย์ อัศวโรจน์ 11.นายอุดม เฟื่องฟุ้ง 12.นายอำนวย ธันธรา
เลือก “นาม ยิ้มแย้ม” อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นประธาน
แรกๆคณะปฏิวัติเก๊กหล่อ
คือ พยายามแสดงออกว่า ที่ปฏิวัติไม่ได้เพราะต้องการอำนาจ ทำเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง โดยการตรวจสอบทรัพย์สินของคนในรัฐบาลทักษิณเพื่อดูว่าทรัพย์ใดได้ไปจากการโกงนั้น ขอทำแค่ 1 ปี หากไม่เสร็จก็จะโอนไปให้ ปปช.สะสางต่อ แต่ที่สุดก็มีการต่ออายุ คตส.ให้ไปจบนู้น 30 กันยายน 2551คตส.มีผลงานชิ้นแรกคือ ส่งคดีซื้อที่ดินรัชดาจากกองทุนฟื้นฟูของ คุณหญิงพจมานกับทักษิณ ให้อัยการและส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองส่วนผลงานเด็ดคือ อายัดทรัพย์ทักษิณ 52,000 ล้านบาทเมื่อวันที่ 12 มิ ย.50 อายัดทั้งๆที่ทักษิณบอกว่าเป็นทรัพย์ที่มีและแสดงไว้ตั้งนานแล้วผลงานก็พอมี แต่คตส.กลับไม่ได้รับการยกย่องชื่นชมจากคนไทยเพราะคดีทุจริตซื้อรถซื้อเรือดับเพลิงของ กทม. มันมีคนนอกแทรกแซงขอให้พยายามกัน “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ผู้ว่ากทม.ที่เซ็นเปิดแอลซี ออกไปไม่ให้มีความผิด ทำให้ “ประเสริฐ บุญศรี” ประธานอนุกรรมการตรวจสอบคดีนี้ลาออกไป เพราะรับไม่ได้ที่มี คตส.ใหญ่บางคนอุ้มอภิรักษ์เต็มที่ กระทั่งบัดนี้ก็ยังสรุปคดีนี้ไม่ได้ ยกขึ้นมาให้ที่ประชุมใหญ่ชี้ขาดทีไรก็เด้ง เพราะมี คตส.2 คนยืนกรานจะต้องพ่วงอภิรักษ์เข้าไปด้วย“เถยจิต” ยังช่วยอะไรไม่ได้
ซ้ำเข้าไปด้วยกรณีที่อัยการสูงสุด ไม่ยอมฟ้องให้ในคดีหวยบนดินแล้ว คตส.ก็มาถึงคราวเดี้ยงของแท้ เมื่อเกิดเรื่อง พล.อ.สนธิ กลายเป็น“โดดเดี่ยวผู้น่ารัก” และกลายเป็นขี้ปากให้ชาวบ้านค่อนขอดกระหึ่มเมือง ช่วงนี้ คตส.ออกมาโวยวายว่า เงิน 45 ล้านบาท ที่คณะปฏิวัติจัดให้แต่ต้นเพื่อเอามาทำงานนั้น “หมดแล้ว” และคตส.มีความจำเป็นจะต้อง “ฟ้องเอง” ในหลายคดีๆ จะต้องใช้เงินอีก 19ล้านบาทยื่นเรื่องขอเงินไปที่รัฐบาลของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แล้ว ให้สำนักงบประมาณตอบมาว่า…ให้ไม่ได้คตส.กลายเป็นผู้น่าสงสาร ปากคำชาวบ้านที่พูดกันอยู่ก็คือ “เขาวิ่งหนีกันหมดแล้ว”“เขาที่วิ่งหนี” คือ คนที่ตั้ง คตส.ขึ้นมา ต่างเผ่นหนีไปคนละทิศละทาง ปล่อยให้คตส.สู้ชะตากรรมต่อไปเอาเอง ซึ่งหากโดนทักษิณและบริวาร “ฟ้องกลับ”ก็คงหนักเหมือนกันมีข่าวเล็ดลอดออกมาจากที่ประชุม คตส.เมื่อวันที่ 5 ก.พ.51 หลายข่าวมาก
1.จะขอเงินจากนายกฯสมัคร สุนทรเวช เพื่อทำงานต่อไป
2.จะมีการตั้งโต๊ะเรี่ยไรเงินจากประชาชนมาฟ้องคดี
ประเด็นข้อ 2มีคนร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยเยอะมาก อยากให้คตส.ใช้ข้อนี้ ไปตั้งโต๊ะหน้าห้างสรรพสินค้า หน้าตลาด หน้าโรงเรียน หน้าแหล่งชุมชนแออัดในกรุงเทพฯเพื่อวัดใจว่าประชาชนไทยสนับสนุนการเอาผิด คนในรัฐบาลทักษิณที่ได้โกงไปอย่างมหาศาลหรือไม่ ซึ่งมันยังมีคดีที่ยังไม่ได้สรุปอีกเยอะมากการตั้งโต๊ะรับบริจาคเงินจะเป็นเครื่องมือวัดใจคนไทย จะได้รู้ว่าที่คตส.ทำมาทั้งหมด…ถูกหรือผิดแค่ 19 ล้านบาท ก็ไม่แน่อาจจะมีคนนิรนามแอบบริจาคให้ก็ได้