WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, February 11, 2009

วิทยาลัยนานาชาติ"ปรีดี พนมยงค์" มิติใหม่ธรรมศาสตร์ สร้างนักศึกษาสู่ตลาดโลก

ที่มา มติชน

โดย สกุณา ประยูรศุข



ท่ามกลางความเจริญอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและความสัมพันธ์แบบไร้พรมแดนในโลกปัจจุบัน "การเปลี่ยนแปลง" จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องปฏิบัติเพื่อมีความรู้ความเข้าใจและก้าวให้ทันโลกที่หมุนอยู่ตลอดเวลา

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็เช่นกัน

เดิมรู้จักกันดีว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นเลิศทางด้านสังคมศาสตร์และการเมือง แต่เมื่อโลกมีการเปลี่ยนแปลง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงเปลี่ยนโฉมใหม่เพิ่มเติมความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เกิดคณะใหม่ๆ หลายคณะทางด้านวิทยาศาสตร์ อาทิ คณะแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์

มาถึงบัดนี้การเปลี่ยนแปลงไม่อาจหยุดนิ่ง เมื่อกาลเวลาเคลื่อนผ่าน "ธรรมศาสตร์" ได้เปิดมิติใหม่อีกครั้งเพื่อให้ทันโลกทันเวลา ด้วยการจัดตั้ง

"วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์" ขึ้น

เป็นวิทยาลัยที่เกิดขึ้นมารองรับการเรียนการสอนระดับนานาชาติ มุ่งผลิตบัณฑิตที่มีคุณลักษณะเด่นไม่เฉพาะแต่ในเอเชีย แต่เป็นทั่วโลก โดยมี

"ดร.พิมพันธุ์ เวสสะโกศล" ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารวิทยาลัย

เรื่องราวความเป็นมาของการจัดตั้งวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ "ดร.พิมพันธุ์"เล่าว่า เริ่มมาจากนโยบายของอธิการบดี "ดร.สุรพล นิติไกรพจน์" มอบหมายให้เป็นคนจัดทำรายละเอียดการก่อตั้งทั้งหมดตั้งแต่ต้น เพราะเคยทำงานนี้สมัยยังเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์

เดิมทีนั้นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักศึกษาต่างชาติอยู่แล้ว ไม่ว่าคณะศิลปศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ หรือ คณะบัญชี ซึ่งมีสัญญาแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยทั่วโลกถึง 200 กว่าสัญญา ส่วนมากเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งนั้น โดยมีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ

แต่การทำหน้าที่ของฝ่ายวิเทศสัมพันธ์นั้น อธิการบดีเห็นว่าเป็นเรื่องผิดที่ผิดทาง เพราะฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ไม่มีหน้าที่ในการจัดการเรียนการสอน ดังนั้น จึงมีนโยบายให้จัดตั้งสถาบันขึ้นมาทำหน้าที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง เป็นระดับนานาชาติ

ด้วยเหตุนี้จึงเกิด วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ขึ้นมา

ฉะนั้น วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ จึงมีสถานะเทียบเท่าคณะคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551

การจัดตั้งวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ จะดูแลรับผิดชอบจัดการเรียนการสอนที่เป็นหลักสูตรอินเตอร์ทั้งหมดของธรรมศาสตร์ โดยจะเริ่มอย่างจริงจังในปี 2552 เป็นต้นไป


(บน) คณะผู้ดูแลหลักสูตร (ล่าง) ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่


"เวลานี้แต่ละคณะในธรรมศาสตร์จะมีหลักสูตรอินเตอร์เป็นของตัวเองไม่ว่า วิศวกรรมศาสตร์ บัญชี ศิลปศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ซึ่งในตอนต้นนี้เราคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไร แต่ว่าพอปี 2552 เป็นต้นไปนักศึกษาหลักสูตรอินเตอร์ชั้นปี 1 ที่เปิดใหม่ของแต่ละคณะจะต้องมาเรียนปี 1 ที่เรา ส่วนของเดิมที่มีอยู่ก็ปล่อยให้เขาจัดการไปอย่างเดิมจนสิ้นสุดโครงการ แต่ถ้าเปิดใหม่เมื่อไหร่ต้องมาขึ้นกับเราตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยเรียนที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์" ดร.พิมพันธุ์อธิบาย

ดร.พิมพันธุ์กล่าวว่า การเปิดสอนก่อนหน้านี้คือเดือนสิงหาคม 2551 ที่ผ่านมานั้น เป็นการเปิดรับนักศึกษาแลกเปลี่ยนโปรแกรม "ไทยศึกษา" เป็นนักศึกษาต่างชาติจากมหาวิทยาลัยคู่สัญญามาเรียนรู้เรื่องราวของเมืองไทย ไม่ว่าในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตวัฒนธรรม

"เด็กต่างชาติที่มาเรียนเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนโดยมากเป็นเด็กปีสาม เพราะขณะนี้เป็นแนวโน้มของมหาวิทยาลัยในต่างประเทศที่พยายามให้เด็กของเขาจะต้องมีความรู้มากกว่าภายในมหาวิทยาลัยของตนเอง ให้มองเห็นว่าโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล เพราะฉะนั้น เขาไม่เรียนเฉพาะในประเทศ ยิ่งในยุโรปขณะนี้มีประกาศเกี่ยวกับการศึกษา ว่าจะต้องเรียนที่ไหนก็ได้แล้วโอนหน่วยกิตกลับไปได้ คือให้เด็กนักศึกษาของเขามีโลกทัศน์ที่กว้าง เพราะฉะนั้น เวลานี้มหาวิทยาลัยในยุโรปส่งเสริมให้เด็กออกไปเรียนนอกมหาวิทยาลัย"

โปรแกรมไทยศึกษาที่เปิดไปนั้นเป็นโครงการแลกเปลี่ยน แต่ขณะนี้วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ กำลังจะเปิดรับนักศึกษาปริญญาตรี ซึ่งเป็นหลักสูตรแรกของตนเอง คือ "หลักสูตรปริญญาตรีจีนศึกษา"

"มักจะมีคำถามว่าทำไมวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ จึงเปิดสอนจีนศึกษา" ดร.พิมพันธุ์เอ่ยเชิงคำถาม

แล้วอธิบายว่า ที่เปิดสอนจีนศึกษาเป็นหลักสูตรแรก เพราะนอกเหนือจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นกัลยาณมิตรของอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ แล้ว จีนยังเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจในโลกยุคปัจจุบัน มีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ในนานาประเทศ ไม่ว่าด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือ ศิลปวัฒนธรรม และที่สำคัญอีกอย่างคือการได้รับการสนับสนุนในตอนต้นจากบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)

"ประเทศจีนและประเทศไทยต่างมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นนับเนื่องมาเป็นเวลากว่า 200 ปี ตั้งแต่ระดับประชาชนถึงคณะผู้บริหารสูงสุดของทั้งสองประเทศ บทบาทสำคัญของจีนมีทั้งในบริบทสังคมโลกและสังคมไทย วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ จึงพัฒนาหลักสูตรจีนศึกษาเพื่อสร้างบัณฑิตระดับปริญญาตรี ที่สามารถปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีน ตลอดจนศึกษาต่อในระดับสูงด้านจีนศึกษาต่อไป

พิมพันธุ์ เวสสะโกศล - นิยม รัฐอมฤต


"..บัณฑิตซึ่งเป็นผลผลิตของหลักสูตรนี้ จะมีคุณลักษณะเด่นในด้านทักษะการใช้ภาษาจีน และมีความรู้ความเข้าใจในด้านต่างๆ เกี่ยวกับประเทศจีนและวัฒนธรรมจีน ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอนาคตที่ดีและขณะนี้ตลาดแรงงานขาดคนรู้ภาษาจีนระดับดีๆ ซึ่งไม่ใช่แค่การเจรจาในชีวิตประจำวัน แต่ต้องเจรจาความธุรกิจได้ และต้องมีความรู้เกี่ยวกับประเทศจีน เพื่อจะได้รู้ว่าคนจีนคิดอย่างไร มีประวัติศาสตร์อย่างไร เศรษฐกิจเขาเป็นอย่างไร"

หลักสูตรจีนศึกษาจะเริ่มเปิดการเรียนการสอนเดือนสิงหาคม 2552 เป็นรุ่นแรก แต่ขณะนี้กำลังเปิดรับสมัครอยู่ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552 โดยจะเปิดรับจำนวน 100 คน

ผู้บริหารวิทยาลัยนานาชาติกล่าวต่อว่า เรื่องอาจารย์ผู้สอนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีนจากที่ต่างๆ ระดับชั้นนำของเมืองไทย เช่น อาจารย์สุรชัย ศิริไกร, อาจารย์จุลชีพ ชินวัณโณ, อาจารย์พรชัย ตั้งตระกูล, ดร.นิยม รัฐอมฤต เป็นต้น รวมทั้งมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่งด้วย

"หลักสูตรของเราจะช่วยเตรียมความพร้อมให้กับเด็กที่เรียนปี 1-3 ก่อนจะเดินทางไปเรียนที่ประเทศจีน เพราะการไปเรียนที่โน่นเด็กจะต้องเข้มแข็งพอ เพราะประเทศจีนระบบการศึกษาเขาเข้มแข็งมาก จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่จำเป็นจะต้องไปเริ่มต้นศูนย์ที่ปักกิ่งด้วยลำพังตนเอง และสำหรับเด็กที่เรียนจบหลักสูตรจะได้ปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาจีนศึกษา" ดร.พิมพันธุ์กล่าว

พร้อมตบท้ายไว้ "รับรองว่าเด็กที่จบออกมาภาษาไทยดี ภาษาจีนดีมาก ภาษาอังกฤษก็เก่งด้วย"

ที่สำคัญคุณธรรมจริยธรรมยังเป็นสิ่งที่เน้นย้ำอย่างหนัก



"จีน คืออนาคตของโลก"

ดร.นิยม รัฐอมฤต


"ในเรื่องธุรกิจการค้าประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอนาคตที่ดีทีเดียว และในอนาคตจะมีบทบาทมาก ศักยภาพของจีนเห็นได้จากการจัดกีฬาโอลิมปิคที่ผ่านมา หรือการจัดประชุมที่เซี่ยงไฮ้ สะท้อนให้เห็นว่าจีนพร้อมจะเป็นผู้นำโลก และพร้อมจะยื่นมือไปช่วยประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ไม่ว่าไต้หวัน แอฟริกาก็ดี จีนออกไปช่วยต่างชาติเยอะมาก ไปสร้างทางรถไฟในแทนซาเนีย ละตินอเมริกา บุกไปถึงหลังบ้านของสหรัฐอเมริกา...

"..ประเทศไทยมีความสัมพันธ์กับจีนยาวนานมาก และที่ว่ารู้ภาษาจีนอย่างเดียวเวลานี้ไม่พอ แต่ต้องรู้เกี่ยวกับความเป็นไปของประเทศจีนด้วย ต้องรู้ว่าเขาคิดอย่างไร เศรษฐกิจเขาเป็นอย่างไร อาจจะพูดกันว่าระยะหลังจีนด้อยลงไปในเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจีนเองก็มองเห็นและตอนนี้พยายามกลับไปหารากเหง้าของตัวเอง มันเริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้ว เพราะจีนเขามองว่าการจะเป็นผู้นำได้อย่างแท้จริง ตัวเองจะต้องมีแก่นที่แท้จริงของตัวเองด้วย

"จีนในฐานะเป็นประเทศใหญ่และรัฐบาลจีนรับผิดชอบคนตั้งเยอะแยะ ถ้าไม่มีคุณธรรมอยู่ไม่ได้หรอก.. แน่นอนว่าจีนโตขึ้นทุกวัน แม้แต่อเมริกา หรือยุโรป ยังต้องขอความช่วยเหลือจากจีนเลย ยังมาจับมือทำสัญญากับจีนเพื่อที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจโลก.."



หลักสูตรปริญญาตรี"จีนศึกษา"

วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ จัดตั้งหลักสูตรปริญญาตรี จีนศึกษา (นานาชาติ) เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีทั้งทักษะทางภาษาจีน อังกฤษ เป็นอย่างดีเพื่อรองรับความต้องการของประเทศและของโลก เป็นหลักสูตรที่มีลักษณะ "สหวิทยาการ" ผสมผสานความรู้ทางสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และบริหารธุรกิจ โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ของจีน นักศึกษาทุกคนจะได้ไปศึกษา ณ มหาวิทยาลัยปักกิ่งไม่น้อยกว่า 1 ภาคการศึกษา

ทุกสาขาที่เปิดสอนมุ่งเน้นการเรียนรู้หรือการนำไปศึกษาต่อในอนาคต ได้แก่ สาขาการค้าการลงทุนแบบจีน, สาขาวัฒนธรรมและสังคมจีน, สาขาการเมืองและการปกครองจีน เป็นต้น

การเรียนใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน โดยมีภาคเรียนที่ 1 เปิด สิงหาคม-ธันวาคม, ภาคเรียนที่ 2 เปิดมกราคม-พฤษภาคม

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ หน่วยกิตละ 300 บาท ค่าหน่วยกิตและค่าธรรมเนียมภาคการศึกษาละ 50,000-56,000 บาท รวมค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร 4 ปี ไม่เกิน 430,000 บาท

สนใจซื้อใบสมัครได้ที่ ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือดาวน์โหลดใบสมัคร www.pbic.tu.ac.th และ อี-เมล : pridibanomyong@yahoo.com ตั้งแต่บัดนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2552 สอบถามรายละเอียดได้ที่ วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ชั้น 8 อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โทร.0-2613-3701-3