WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, February 14, 2009

สายใยจากอกแม่ รักแท้..แก้ตาบอด

ที่มา ไทยรัฐ

14 กุมภาพันธ์ เป็นวันวาเลนไทน์ทั่วโลก อุปโลกน์ให้วันนี้เป็น วันแห่งความรักหลายที่จึงเต็มไปด้วยดอกกุหลาบ รูปหัวใจ และช็อกโกแลต

แต่จริงๆแล้ว วาเลนไทน์ เป็นชื่อของนักบุญองค์หนึ่ง...

นักบุญที่ทำให้ จักรพรรดิที่โรมเกิดความสำนึก และผู้พิพากษาซึ่งเคยเยาะเย้ยท่านในเรื่องที่คริสตังชอบกล่าวว่า พระคริสต์ทรงเป็นองค์ความสว่างของโลก ได้กลับใจมาเป็นคาทอลิก เพราะทำให้บุตรสาวของเขาหายจากตาบอด

วาเลนไทน์จึงเป็นแบบอย่างและกำลังใจในเรื่องของความเชื่อ และความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์

โดยเฉพาะความรักที่บริสุทธิ์ปราศจากเงื่อนไขใดๆ เช่น ความรัก ที่แม่มีต่อลูก

และก็น่าแปลกที่เรื่องราวของอาการตาบอดกับเรื่องราวของความรักถูกจับมาโยงใยเข้าหากันในพ.ศ.นี้อย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อล่าสุดแพทย์ค้นพบว่าสายใยรักจาก อกแม่หรือ น้ำนมมีสารอาหารชนิดหนึ่ง ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากอาการตาบอดของทารกและเด็กเล็กๆ

ลูทีนคือ สารที่ว่านั้น

รศ.นพ. สรายุทธ สุภาพรรณชาติ กุมารแพทย์จากชมรมเวชศาสตร์ ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทย เปิดเผยเรื่องราวนี้ ในงานประชุมวิชาการของชมรมเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆนี้

คุณหมอสรายุทธ บอกว่า ลูทีน...เป็นสารอาหารในกลุ่มที่เรียกว่า แซนโทฟิลส์ (Xanthophylls) มีลักษณะเป็นสารสีเหลือง ที่มีผลต่อการปกป้องดวงตาของคนเรา

มีการศึกษาพบว่า ในจอประสาทตาจะมีร่องเล็กๆ อยู่จุดหนึ่งที่มีเซลล์รับภาพ ซึ่งเป็นจุดที่แสงตกกระทบ ทำให้สามารถมองเห็นภาพที่ชัดเจนในแต่ละวัน ซึ่งบริเวณที่มีปริมาณของสารลูทีนอยู่หนาแน่นมากที่สุด เป็นจุดที่สำคัญมากต่อการมองเห็น

หากจุดที่ว่านี้ เกิดเสื่อมหรือเสียไป ก็จะทำให้ตาบอดหรือสูญเสียการมองเห็นได้

สารลูทีนในเซลล์รับภาพในจอประสาทตานี้ จะทำหน้าที่สำคัญ คือ คัดกรองแสงสีฟ้า ซึ่งเป็นอันตรายต่อจอประสาทตา และเป็นแสงที่หลีกเลี่ยงได้ยากเพราะมีอยู่ทั่วไป...

ทั้งแสงแดดในเวลากลางวัน แสงจากโทรทัศน์ แสงจากจอคอมพิวเตอร์ และแสงจากหลอดไฟคุณหมอสรายุทธ บอก

คุณหมอสรายุทธ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมื่อเด็กอายุมากขึ้น สารลูทีน ในเลือดจะลดลง หากไม่ได้รับสารนี้จากอาหารอย่างเพียงพอ เพราะลูทีนถือเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญในการปกป้องจอประสาทตา

มีกรดไขมัน DHA และ AA ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการด้านการมองเห็นของเด็ก

ซึ่งนอกจากจะพบลูทีนในดวงตาของคนเราแล้ว สารนี้ยังพบได้ในสมองส่วนที่เกี่ยวกับการมองเห็นถึง 66% พิสูจน์ว่า ลูทีนมีส่วนช่วยในการรับภาพและส่งต่อไปยังสมอง นอกจากนี้ ลูทีนยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ในดวงตาของคนเรา

เพราะในดวงตาของเราจะมีสารอนุมูลอิสระอยู่ ที่เป็นตัวทำลายเซลล์รับภาพและทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับจอประสาทตาทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

การศึกษาในต่างประเทศ พบด้วยว่า ปริมาณของลูทีนในกลุ่มเด็กแรกเกิดที่กินนมแม่กับกลุ่มเด็กแรกเกิดที่ได้รับนมผสม มีปริมาณลูทีนในเลือดอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่หลังอายุ 1 เดือน กลุ่มเด็กที่ได้รับนมแม่จะมีปริมาณลูทีนเฉลี่ยในเลือดอยู่ในระดับสูง แต่กลุ่มเด็กที่ได้รับนมผสมจะมีปริมาณลูทีน เฉลี่ยในเลือดลดลง

ตรงกับข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่า...

แม่ไทยนิยมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนต่ำติดอันดับสุดท้ายเอเชีย และติดอันดับ 3 ก่อนสุดท้ายของโลก ทำให้เด็กไทย มีไอคิวต่ำกว่ามาตรฐาน โดย 1 ใน 3 มีพัฒนาการช้า

นพ.โสภณ เมฆธน รองอธิบดีกรมอนามัย ระบุว่า ผลการศึกษาพัฒนาการและระดับสติปัญญาหรือไอคิวของเด็กไทย มีแนวโน้มลดลง

ล่าสุด พบว่าเด็กไทยอายุ 6-13 ปี มีไอคิวอยู่ที่ 88 จุด ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ มาตรฐานสากลที่กำหนดไว้คือ 90-110 จุด

และผลสำรวจพัฒนาการสมวัยของเด็กวัยต่ำกว่า 5 ขวบ ล่าสุดในปี 2550 มีแนวโน้มลดลง จากร้อยละ 72 ในปี 2547 เหลือร้อยละ 68 ในปี 2550

ถือเป็นดัชนีชี้วัดอนาคตเด็กไทยที่น่าห่วงมาก

ที่น่าวิตกอย่างยิ่ง คือ แม่ไทยในยุคหลังๆ นิยมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ในอัตราที่ต่ำมาก ผลการศึกษาขององค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ในปี 2549 พบประเทศไทยมีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนเพียงร้อยละ 5.4 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในเอเชีย และเป็นลำดับที่ 3 ก่อนสุดท้ายของโลก จะต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ส่วนในเรื่องของสุขภาพสายตา มีข้อมูลว่าเด็กไทยทุกวันนี้ มีสายตา แย่ลง หลายคนต้องใส่แว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์ ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 5 ขวบ

ผศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ หัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่า เด็กไทยในพ.ศ.นี้ มีภาวะของความไม่ปกติทางสายตาสูงมาก ส่วนหนึ่งมาจากกรรมพันธุ์และพฤติกรรมที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และโทรทัศน์เป็นเวลานานๆ

โรคจอประสาทตาเสื่อมในเด็ก แม้จะพบไม่บ่อยแต่ก็รุนแรง เพราะจอประสาทตา ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดต่อการรับภาพและมองเห็นภาพชัดเจน โดยทำหน้าที่เปลี่ยนแสงที่ตกกระทบเป็นสัญญาณภาพไปแปลผลที่สมอง

เมื่อจอประสาทตาผิดปกติ หรือถูกทำลายจะทำให้เห็นภาพเลือนรางหรือสูญเสียการมองเห็น ซึ่งจอประสาทตานี้อาจถูกทำลายจากแสงสีฟ้าซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของแสงที่อยู่รอบๆตัวเรา

ปัญหาสุขภาพตาของเด็กไทยในปัจจุบันยังน่าห่วง เนื่องจากพ่อแม่ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญของการปกป้องและดูแลสุขภาพดวงตาของลูก แต่มักจะพามาพบจักษุแพทย์ ก็ต่อเมื่อเกิดปัญหากับดวงตาของลูกแล้ว

ทางที่ดีพ่อแม่ควรให้ความสำคัญใส่ใจดูแลสุขภาพดวงตาของลูก ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านการมองเห็นของลูกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพัฒนาการด้านอื่นๆ

พัฒนาการทางสายตาและการมองเห็นของเด็ก...ถือเป็นประตูสู่การเรียนรู้และการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการรอบด้าน

คุณหมอศักดิ์ชัย ย้ำ

สำคัญที่สุด เด็กจะมีการพัฒนาการด้านสายตาสูงสุดช่วงแรกเกิดถึง 4 ขวบ ดังนั้น การที่เด็กได้กินนมแม่ที่มีสารอาหารที่ช่วยพัฒนาทั้งสมองและสายตาจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายชัดเจนที่จะรณรงค์ให้ แม่ได้ เลี้ยงลูกด้วยนมของตนเองเพื่อสร้างเด็กไทยให้ฉลาด สุขภาพดี อารมณ์ดี

ซึ่งผลวิจัยทั่วโลกยืนยันตรงกันว่า เด็กที่กินนมแม่จะมีปัญญาดี หรือ ฉลาดกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ถึง 11 จุด

ที่สำคัญ การให้ลูกได้ดื่มนมแม่เป็นการถ่ายทอดไออุ่นของความรัก ความผูกพันผ่านน้ำนมจากแม่สู่ลูก

มีคำกล่าวว่า...ความรักทำให้คนตาบอด

แต่จากผลวิจัยที่บรรดาแพทย์ได้ออกมายืนยันตรงกันในครั้งนี้คงเป็นบทพิสูจน์ได้ว่า...รักแท้ๆจากอกแม่ นอกจากจะไม่ทำให้ตาบอดแล้ว

ยังทำให้ตาสว่างและฉลาดอีกด้วย!