ภายหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ โดยเฉพาะคดีทนายสมชาย นีละไพจิตร และคดีชิปปิ้งหมู นายกรเทพ วิริยะ นั้น เรื่องนี้ทำให้นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาฯได้ออกมาโวยว่า เป็นเกมการเมืองที่รัฐบาลต้องการเล่นงานตัวเอง
“ยงยุทธ” เปิดแถลงข่าวคดี “ชิปปิ้งหมู”
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. เวลา 13.50 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน แถลงข่าวหลังจากกระทรวงยุติธรรมและกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำคดีการเสียชีวิตของนายกรเทพ วิริยะ หรือชิปปิ้งหมู มาสืบสวนว่า ได้เข้ามายังพรรคเพื่อไทยเพื่อวิเคราะห์การเมืองและอนาคตของบ้านเมืองกับสมาชิกพรรคนี้ และได้ตั้งสมมติฐานว่า หากผู้มีอำนาจทั้งหลายกำจัดพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย กลุ่มเสื้อแดงหรือฝ่ายตรงข้ามกับตัวเอง แม้กระทั่งตัวอดีตนายกฯทักษิณ โดยไม่หันหน้ามาคุยกันแล้ว คงไม่มีทางจะทำให้เหตุการณ์บ้านเมืองสงบ การไล่ล่าจิตวิญญาณของคนนั้น มันไม่ตาย มันตายเพียงร่างกาย เคยพูดไว้หลังการรัฐประหารว่า ตั้งใจและอยากเห็นคนไทยปรองดอง กระบวนการต่างๆนั้นต้องคุยกัน ได้ไป พบผู้ใหญ่คนหนึ่งบอกว่า นำสิ่งที่ไม่ถูกใจคือ เรื่องง่ายๆที่แก้กันได้นั้นคุยกันดีหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ยากก็คุยกันยาวหน่อย ส่วนเรื่องที่คุยกันไม่ได้ก็เก็บไว้ก่อน ผู้ใหญ่คนนั้นบอกว่า ขืนตนออกไปคนแรกจะโดนรุมกระทืบแน่นอน
เหลืออดงัดซีดีแฉโดนย่ำยีหลังปฏิวัติ
นายยงยุทธกล่าวว่า ฝ่ายค้านในครั้งที่แล้วและตอนนี้เป็นรัฐบาลกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดที่แล้วสร้างเงื่อนไข พูดอะไรไปก็ไม่ฟัง ตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใครให้คำปรึกษา ช่วงแรกๆ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯบอกอยากไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มันเป็นการพูดเพื่อหวังผลทางการเมืองหรือไม่ เพราะตบตี คนอื่นจนล้มคว่ำและบอกว่าวันนี้อยากหอมแก้ม วันนี้ตั้งใจเล่าเรื่องที่ จ.เชียงรายให้รู้ว่า โดนกระทำอย่างไรบ้าง ตนได้เก็บสิ่งต่างๆและฝากไว้กับเพื่อนต่างชาติแล้ว หากตายไปตนไม่มีโอกาสชี้แจง เพราะโดนกระทำมาตลอด ก็ขอให้เผยแพร่ซีดีนี้ให้ประชาคมโลกรับรู้ว่าตนโดนอะไรบ้าง คนไม่เชื่อในสิ่งที่ตนปราศรัย สนามหลวงว่ามีซีดีบุคคลไปตรวจค้นบ้านตน ถนนประชาชื่น กทม. หลังจากเหตุการณ์รัฐประหาร 1 วัน ก็จะเปิดให้ดู แต่ไม่ขอเปิดเสียง เพราะหากเปิดไปแล้วมันจะอยู่ไม่ได้หลายคน เนื่องจากบุคคลที่เข้าบ้านตนนั้น ได้โทรศัพท์รายงานให้ใครบ้าง ฟังดูก็รู้ และไอ้โม่งที่บุกบ้านตน แต่เผลอถอดหมวกจนเห็นตัวตน หากไปถามทหารก็จะรู้ว่าเป็นใคร
ซัดโยงคดีชิปปิ้งหมูแค่ตายที่แม่จัน
“ทำไมผมเปิดซีดี เพราะ 2-3 วันที่ผ่านมา มีคนเล่าให้ฟังว่า คนในรัฐบาลไปบอกว่า เหตุการณ์ชิปปิ้ง หมูตายที่ อ.แม่จันนั้น มีข่าวตลอดว่าชิปปิ้งหมูตายในพื้นที่นี้ ต้องเป็นผมนั้น ขอบคุณรัฐบาลที่จัดการเรื่องนี้ แต่ขอให้รู้ว่า ตอนที่มีการรัฐประหารนั้น พล.ต.ท.คนหนึ่ง ไปหาตำรวจที่โรงพักแม่จันว่าปรักปรำผมได้ไหม หากทำได้จะเลื่อนให้เป็น ผกก. เมื่อปฏิเสธไป ตำรวจคนนั้นก็โดนย้ายไปภาคใต้ และเพิ่งโดนย้ายกลับ สิ่งสำคัญคือ ไปจับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับการฆ่าชิปปิ้งหมูเอาไปรีดหลายวัน หากไปดูภาพข่าวในเรื่องนี้ จะเห็นว่าบุคคลที่พรรคเก่าแก่พูดมันไม่เกี่ยวกับผมเลย ผมผิดในเรื่องนี้อย่างเดียวคือ ชิปปิ้งหมูมีภรรยาเป็นชาวเขาบนดอยแสงใจ ผมอยู่ที่ราบจึงไม่รู้ว่าชิปปิ้งหมูมีภรรยาและบุตรที่นั่น หากไปตายที่อื่นก็ไม่รู้จะพาดพิงสิ่งใดกับผม สิ่งที่สังเวชใจในวันนี้คือ มีคำสั่งจากฝ่ายการเมืองให้ตำรวจพยายามจับผมให้ได้ แล้วจะสมนาคุณให้อย่างงาม ทำไมผมรู้เรื่องนี้ เพราะผมมีเพื่อนเป็นตำรวจเยอะแยะ ผมขอเตือนตำรวจทั้งหลายว่าคดีนี้มีอายุความ 20 ปี การสร้างหลักฐานเท็จเพื่อเอาใจฝ่ายการเมืองนั้น การเมืองไม่มีความแน่นอน วันหนึ่งท่านต้องรับผิดชอบ คนที่สั่งก็ต้องตาย ส่วนท่านกับผมก็ต้องขึ้นศาลกันต่อไป” นายยงยุทธกล่าว
เชื่อจ้องดิสเครดิต-ขอสู้ถึงที่สุด
นายยงยุทธกล่าวว่า เหตุการณ์ที่คนเสื้อแดงไปล้อมบ้านตน เพื่อมิให้ตำรวจและทหารสนธิกำลังบุกค้นบ้านนั้น ชาวบ้านคือพี่น้องตน กลัวว่าจะซ้ำอีหรอบเดิม จึงไปคุ้มครองบ้าน ตนขอขอบคุณแต่ขอร้องชาวบ้านว่าไม่ ต้องไปคุ้มครองเลย หากวันใดเจ้าหน้าที่จะตรวจบ้าน ซึ่ง เป็นสถานที่เปิดและสาธารณะ ไม่ต้องออกหมายศาล ตนจะพาไปเอง การนำหมายตรวจค้นมันหวังผลทางการเมืองและดิสเครดิตกัน หากหลักฐานต่างๆ บอกว่าตนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ขอเรียนว่าวันนี้ตนจะสู้ให้ถึงที่สุด การกลั่นแกล้งทางการเมืองที่ปล่อยข่าวจนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงนั้น วันนี้จะได้รู้เสียที ตนไม่เถียงสักคำ เพราะวันนี้โดนกระทำ 9 คดีแล้ว และก็ได้พิสูจน์ไปแล้ว 2 คดี ว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นความจริง ชีวิตตนถูกกระทำมากมาย แต่เสือมันไม่ร้อง จะเอายังไงก็อดทนรอ เพื่อหวังให้เกิดความปรองดอง ที่ผ่านมาแม้จะมีการกล่าวหาว่าตนซื้อเสียงและทำให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่ น.ส.ละออง ติยะไพรัช น้องสาว เมื่อพรรคเก่าแก่ลงพื้นที่แต่ก็แพ้น้องสาวตนหลายหมื่นคะแนน ไม่ต้องถามข้อความทางกฎหมายกับคำพิพากษาของประชาชนสิ่งใดจะศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน วันนี้เวลาจะพิสูจน์เรียบร้อยแล้ว และตนเปิดซีดีให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดกับตนนั้นหนักหนาสาหัสเพียงใด
แฉแหลกประวัติ จนท.ไม่สะอาด
“บ้านที่ไปนั้นลูกของผมอยู่ มีตำรวจและญาติ จ.เชียงราย มาอาศัย ตำรวจคนหนึ่งโดนกดเอาปืนจี้หัว เมื่อทุบบ้านผมเสร็จก็ส่งตำรวจคนนี้ลงภาคใต้และไปได้ 2-3 วันก็โดนยิงตาย ผมต้องเลี้ยงลูกเมียของเขา เพราะความผิดเพียงไม่รู้เรื่อง วันนี้ต้องถามดีเอสไอว่าตำรวจคนนี้ตายเพราะพวกเดียวกันหรือผู้ก่อการร้าย ผมเสียใจที่ต้องฉายซีดี เพราะบุคคลที่ให้ใบแดงผมนั้น ตำรวจบางคนไม่เกี่ยวข้องกับ จ.เชียงราย เลย บางคนอยู่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี บางคนอยู่ กทม. แต่พยายามโยง สุดท้ายคนกลุ่มนี้โดนกล่าวหาว่าอุ้มฆ่าอุปทูตซาอุฯเรื่องเพชรซาอุฯ เช่น พยานใบแดง ที่อยู่ อ.ลาดหลุมแก้ว มันไม่เกี่ยวกับ จ.เชียงราย เลย ปรักปรำและพยายามโยงมาที่ผม พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม น้องชาย พล.อ. สมเจตน์ก็ไปอยู่ภูธรภาค 5 และ พล.ต.ท.สมคิดอยู่ในคดีพิเศษ นั้นคดีจบแล้วหรือ แต่กลับได้รับการโปรโมตเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 คดีนี้จะหมดอายุในปี 2553 อยากถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่าคดีนี้มีนโยบายว่าจะยุติหรือไม่ จะทำต่อหรือไม่” นายยงยุทธระบุ
โชว์ภาพทหารบุกถล่มบ้านใน กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยงยุทธเปิดซีดีที่อ้างว่ากล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ตลอดในบ้านพักย่านประชาชื่น บันทึกเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2549 โดยนายยงยุทธ ขอไม่เปิดเสียงการสนทนาของบุคคลชุดดำในซีดี โดยอ้างว่าขอเก็บไว้ หากมีอะไรจะเปิดเผยต่อองค์กรสิทธิ มนุษยชนระดับโลก เพราะหากเปิดเสียงออกมานั้นจะรู้หมดว่าใครสั่งการและคุยกันเรื่องอะไรบ้าง และที่ไม่เปิดเพราะไม่อยากให้บ้านเมืองแตกแยก สำหรับซีดีบันทึกภาพที่นายยงยุทธเปิดให้ผู้สื่อข่าวดูนั้น ปรากฏบุคคลชุดพรางหลายคน สวมหมวกไหมพรม ชุดเกราะ พร้อมอาวุธปืน นั่งรถตู้มาบุกค้นบ้านพัก 4 ชั้น ย่านประชาชื่น ทำการทุบ ประตูกระจกบุกเข้าไปควบคุมตัวคนในบ้าน นอกจากนี้ยังเปิดให้ดูภาพคนชุดดำคนหนึ่งถอดหมวกไหมพรมแล้วโทรศัพท์อยู่ โดยภาพนี้นายยงยุทธกล่าวกับสื่อมวลชนว่า ขอให้บันทึกไว้เป็นหลักฐานว่าตนพูดจริง ชายคนนี้เป็นใครนั้น ไปสอบถามทหารดูก็จะรู้เอง และสิ่งที่รายงานทางโทรศัพท์ไปนั้นหากได้ฟังเสียงก็จะรู้ว่าเป็นใครและกำลังคุยกับใคร
ฟ้องยูเอ็นได้แต่ยังไม่ทำตอนนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า โดนกลั่นแกล้งและมีซีดีแล้วทำไมไม่ส่งให้กระบวนการยุติธรรม นายยงยุทธตอบว่า ไม่รู้จะพึ่งใคร สงสัยต้องไหว้เจ้า องค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็นนั้นดำเนินการได้ แม้จะมีกฎหมายนิรโทษกรรมแล้วก็ยังดำเนินการได้ แต่ตนไม่ทำ อย่าให้จนมุมขนาดนั้น แต่ใครมาบ้านตน ไปเอารถใครมาใช้นั้น ตรวจสอบรู้หมดแล้ว เมื่อถามว่าจะนำซีดีฟ้องศาลหรือไม่ นายยงยุทธตอบว่าหากจะทำก็ทำได้ แต่มันต้องเป็นองค์กรระหว่างประเทศ เพราะองค์กรในประเทศนั้นแม้จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแต่มันถือว่าไม่ใช่วิถีทางประชา ธิปไตย เมื่อถามว่าจะได้รับฟังเสียงในซีดีหรือไม่ นายยงยุทธตอบว่ารอให้ตนตายเสียก่อน เพราะไม่อยากให้บ้านเมืองแย่ไปกว่านี้ เมื่อถามว่าช่วงนี้ได้คุยกับอดีตนายกฯบ้างหรือไม่ นายยงยุทธตอบว่า ไม่ได้เจอกันนานแล้ว เพราะอดีตนายกฯโดนยึดวีซ่าเข้าอังกฤษก็อยู่ไม่เป็นที่ แต่รู้ว่าสหภาพยุโรปยังให้เกียรติอดีตนายกฯมาก เพราะยังดูแลและรำลึกว่าเป็นคนสำคัญอยู่
ทำนายรัฐบาลจะล้มเพราะตัวเอง
“สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่าคดีพิเศษต่างๆนั้นจะมีการรื้อฟื้นมาตรวจสอบ เช่นคดีชิปปิ้งหมูนั้น ผมก็หัวเราะในใจว่าชื่อของตนจะตามมาแน่ ส่วนคดีสังหารอุปทูตซาอุฯนั้น วันดีคืนดีก็แต่งตั้งคนที่มีส่วนร่วมในคดีนี้ไปดูแลตำรวจภูธรภาค 5 รวมทั้งลูกน้องของนายสนธิ และคนที่เคยไปปราบนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน แต่ตอนนี้นายเนวินมาอยู่กับรัฐบาลแล้ว ก็เลยส่งคนเหล่านี้ไปปราบคนเสื้อแดง เช่นนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ฉะนั้นรัฐบาลชุดนี้ไม่มีใครปราบได้นอกจากตายโดยตรรกะ เพราะเป็นคนดี ทำดี แต่กลับมีพฤติกรรมอีกอย่างหนึ่ง ตรรกะมันก็ไปด้วยกันไม่ได้ รัฐบาลนี้จะล้มด้วยตัวเอง” นายยงยุทธกล่าว
“ศิริโชค” ย้อนยุทธอย่าเพิ่งร้อนตัว
วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ผลักดันให้นายกรัฐมนตรีรื้อฟื้นคดีชิปปิ้งหมู ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนระบุรัฐบาลพยายามโยงคดีดังกล่าวมาถึงตนเองว่า นายยงยุทธยังไม่ควรจะกินปูนร้อนท้อง ควรจะต้องให้ตำรวจทำหน้าที่อย่างเต็มที่ไม่ว่าใครทำผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ต้องวิตกกังวลว่ารัฐบาลชุดนี้จะใช้ตำรวจทำลายล้างนักการ เมืองฝั่งตรงข้าม เพราะจะทำอย่างตรงไปตรงมา อย่างไร ก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้กำชับ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ดำเนินการไปตามข้อมูลหลักฐาน
“ก่อนที่ชิปปิ้งหมูจะตายเขาก็รู้ว่าถูกปองร้าย มีคนสั่งเก็บ เขาก็พยายามหนี แม้แต่หนีไปบวชก็ถูกตามล่า ไปอาศัยอยู่บ้านญาติก็มีคนบุกเข้าไปหา แต่ละคืนกินนอนไม่เป็นที่เป็นทาง ย้ายที่พักไม่ซ้ำกันทั้งโรงแรม วัด สวนสาธารณะและก่อนที่ชิปปิ้งหมูจะตาย เคยพูดเอาไว้ว่า สถานที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ชิปปิ้งหมูเลยไปอยู่ที่ จ.เชียงราย นอกจากนั้นชิปปิ้งหมูเคยเอ่ยชื่อผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองใหญ่ 2 คน” นายศิริโชคกล่าว
มั่นใจหลักฐานที่มอบให้ “อัศวิน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้นอกจากนักการเมืองใหญ่แล้วยังมีนายทหารและตำรวจชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวพันด้วยใช่หรือไม่ นายศิริโชคตอบว่า ทั้งหมดอยู่ที่นักการเมืองใหญ่คนนั้น ที่สั่งให้ไปทำ เพราะอยู่ดีๆเขาไม่ทำเองอยู่แล้ว นอกจากจะได้รับคำสั่ง ข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดตนได้มอบให้กับ พล.ต.ท.อัศวินเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากหลักฐานสาวไปถึงตัวนายยงยุทธแล้ว นายยงยุทธก็สามารถชี้แจงได้ในชั้นศาล แต่ ขึ้นอยู่กับว่าตำรวจจะสืบไปได้แค่ไหน ดังนั้นอย่าร้อนตัว