ที่มา มติชนออนไลน์
อธิบดีสรรพากร โต้ "ดีเอสไอ" ยันทำงานโปร่งใส ไม่มีการดองคดี ยินดีให้ตั้งพนักงานประเมินภาษีร่วมด้วย ชี้คดี"แม่ค้าอาวุธ"ยังไม่หมดอายุความ และไม่พบใบกำกับภาษีปลอม
นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ระบุว่า กรมสรรพากรดำเนินงานล่าช้าและไม่มีการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรณีความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากรของอดีตแม่ค้าอาวุธรายใหญ่ ซึ่งออกใบกำกับภาษีปลอมมูลค่าหลายร้อยล้านบาท และใกล้จะหมดอายุความฟ้องคดี ว่า นโยบายของตนคือ การทำงานอย่างโปร่งใสและที่ผ่านมากรมสรรพากรก็ทำงานร่วมกับดีเอสไอมาด้วยดีมาโดยตลอด ซึ่งในกรณีที่ดีเอสไอต้องการให้คดีเดินหน้าโดยเร็ว หรือต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมินภาษี กรมสรรพากรก็ยินดีที่จะตั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเป็นพนักงานประเมินภาษีด้วย เพราะที่ผ่านมาทางดีเอสไอเคยตั้งเจ้าหน้าที่สรรพากรเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษ เพื่อเร่งรัดคดีต่างๆของดีเอสไอมาแล้ว
"เท่าที่ดูขณะนี้ ยืนยันคดียังไม่หมดอายุความ ยังเหลือเวลาอีกหลายปี และยังไม่พบว่ามีใบกำกับภาษีปลอม โดยอยู่ระหว่างสอบสวนในเชิงลึกว่า ขั้นตอนและกระบวนการเป็นอย่างไร มีการกระทำผิดจริงหรือไม่ หากตรวจพบและมีการประเมินแล้วว่า จงใจหลีกเลี่ยงภาษีจริง จะมีความผิดทั้งทางผิดและทางอาญา เท่าที่ทราบ โทษของคนที่ปลอมใบกำกับภาษี มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 17 ปี และต้องเสียเบี้ยปรับสองเท่าของวงเงินภาษีจริงที่จะต้องจ่าย พร้อมทั้งเงินเพิ่มอีก 1.5%ต่อเดือน และกรณีที่เป็นนิติบุคคล จะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งโทษของการจงใจหลีกเลี่ยงภาษี น่าจะมากพอที่จะทำให้คนรู้สึกกลัวที่จะทำผิด"นายวินัยกล่าว
นายวินัยกล่าวว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา กรมสรรพากรมีการตรวจสอบพบผู้จงใจใช้ใบกำกับภาษีปลอมเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีหลายสิบราย คิดเป็นวงเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้รายที่ตรวจพบแล้วว่าจงใจหลีกเลี่ยงภาษีและเป็นคดีที่อยู่ในความร่วมมือกับดีเอสไอ ได้ดำเนินการร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานเพื่อให้ดีเอสไอดำเนินการต่อและเรียกเงินภาษีคืนไปหลายรายแล้ว ดังนั้นยืนยันว่ากรณีของคดีนี้จะไม่มีการดอง หรือมีการซิกแซก เพราะทุกอย่างจะดำเนินการอย่างโปร่งใสและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย คือมีการสอบยืนทั้งฝ่ายที่ซื้อและขายใบกำกับภาษีปลอม
แหล่งข่าวจากกรมสรรพากรกล่าวว่า ที่ผ่านมาดีเอสไอมีหนังสืออย่างเป็นทางการมาถึงกรมสรรพากร เพื่อเร่งดำเนินคดีดังกล่าวเพียงครั้งเดียว แต่มีการพูดคุยและติดตามผลการหารือเป็นระยะ จึงเข้าใจว่ากรณีที่ดีเอสไอออกมาระบุว่ามีการส่งเรื่องหลายครั้ง คงเป็นการพูดคุยกันมากกว่า