ที่มา ไทยรัฐ
ส่งสัญญาณป้วนเปี้ยนเข้าใกล้ประเทศไทย
เตรียมเดินทางมาปักหลักที่ฮ่องกง และประเทศเพื่อนบ้าน แถวเกาะกง กัมพูชา เปิดคิวให้กลุ่ม ส.ส.ภาคกลาง และภาคอีสาน พรรคเพื่อไทย ยกคณะไปเยี่ยมเยียน ปรึกษาหารือทางการเมือง ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้
ต้องยอมรับว่า ร่องรอยปฏิกิริยาความเคลื่อนไหวดังกล่าว
เกิดขึ้นหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์โฟนอินเข้ามาพูดคุยกับแกนนำและ ส.ส. ในการสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ประกาศเปรี้ยง เสียงดังฟังชัด
ผมมั่นใจว่าจะได้กลับประเทศไทย จากเคยที่ประกาศว่าจะวางมือทางการเมือง แต่การกลั่นแกล้งกลับมากขึ้น ก็ขอบอกใหม่ว่าพร้อมที่จะกลับไปสู้
ผมจะต่อสู้และพูดพร้อมกันไป ถ้าจะให้ผมยอมแพ้ ผมยอมไม่ได้ ขอให้สบายใจได้เลยว่า ผมจะไม่ทิ้งทุกคน ผมจะหาความยุติธรรมให้เจอ ไม่ว่าจะบนสวรรค์หรือในนรก
เราต้องอยู่กันแบบพี่น้อง ผมจะคอยอยู่ใกล้ๆเพื่อให้
กำลังใจ ส.ส.ทุกคนมีเบอร์โทรศัพท์ผมอยู่แล้ว สามารถโทร.หาได้ตลอด ขอให้ทุกคนสบายใจได้ว่าผมติดต่อได้ตลอดเวลา
พวกเราเป็นเสือ เวลาหิวมันจะนอน แต่หมาเวลาหิวจะเห่า หากมีอะไรก็พูดมาเลย ถ้าผมทำได้ก็จะทำให้
มีประชาชนจำนวนมากที่มองเห็นแล้วว่า เกิดความไม่เป็นธรรม และสิ่งที่เขาจะทำครั้งนี้ เพราะเขารู้ว่าประชาชนทำอะไรไม่ผิด
ที่ผ่านมามันสะสมในใจประชาชน การกลั่นแกล้งทุกอย่าง แบบว่าเหลืองถูกหมด แดงผิดหมด สักวันมันจะระเบิดออกมา
ขอให้บอกประชาชนว่า ผมพร้อมที่จะกลับไปเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ถ้าประชาชนพร้อม แต่ถ้าประชาชนยอมพ่ายแพ้ ก็เท่ากับว่าผมแพ้ด้วย
ถึงแม้ผมจะอยู่ต่างประเทศอีกนาน แต่ผมไม่ยอมตายในต่างประเทศแน่นอน แม้ผมจะกลับประเทศไม่ได้ ก็จะขอมุดกลับมาตายในภาคอีสาน ถ้าสักวันหนึ่งประชาชนบอกว่าต้องการผม ผมจะกลับไปทำหน้าที่ทันที
ต้องขอขอบคุณประชาชนคนเสื้อแดงที่เป็นพลังสนับสนุน เป็นพลังสำคัญของผม โดยเฉพาะพี่น้องที่กำลังจะกลับมาพรรคเพื่อไทย
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะสู้ไม่ถอย ผมเป็นคนที่ยิ่งโดนยิ่งสู้ ถ้าพูดกันดีๆให้ถอยมันก็ทำได้ แต่ถ้าเล่นผมหนัก ผมก็จะเล่นให้หนักขึ้น
ไอ้พวกที่พูดว่าผมโดนยึดเงินที่ประเทศอังกฤษ มันโกหกทั้งนั้น ผมไม่เคยมีบัญชีที่อังกฤษแม้แต่บาทเดียว ผมเพิ่งขายทีมฟุตบอลไป เงินพอใช้หรือไม่ ก็แค่จ่ายค่าเดินทางปีละร้อยกว่าล้าน ก็พออยู่ได้
ให้กำลังใจ ปลุกเร้ากระแส สร้างความฮึกเหิม ครบเครื่อง
“ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ถอดรหัสการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ กลางวงสัมมนาพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ ชัดเจนว่า
เป็นการเปิดหน้า ท้าสู้กับฝ่ายตรงข้าม แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
ไม่มีอ้อมค้อม ไม่มีปิดบัง หรือลับ ลวง พราง อยู่หลังฉากเหมือนที่ผ่านๆมา
เพราะงานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศตัวชัดที่จะสู้เพื่อหาความเป็นธรรมให้ตัวเอง ไม่ว่าอยู่บนสวรรค์หรือในนรก
พูดง่ายๆก็คือ ขอสู้ตาย
ขณะเดียวกัน ก็ประกาศอย่างโจ่งแจ้งว่า พร้อมช่วยเหลือสนับสนุน ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย ทุกรูปแบบ
ใครอยากได้อะไร อยากให้ทำอะไร ขอให้โทร.ไปบอก ถ้าทำได้จะทำให้ ไม่ปล่อยให้อยู่กันอย่างฝืดเคือง
แถมยืนยันชัดถ้อยชัดคำ ไม่ได้โดนทางการประเทศอังกฤษยึดทรัพย์ มีทุนจากการขายทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีเงินใช้เป็นค่าเดินทางปีละร้อยกว่าล้านบาทสบายๆ
ขณะเดียวกัน ก็ยังปลุกกระแสมวลชนคนเสื้อแดงให้ฮึกเหิม
ประกาศเสียงดังฟังชัด พร้อมจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
ถ้าประชาชนที่สนับสนุนต่อสู้เรียกร้องจนได้ชัยชนะ จะไม่ยอมตายต่างประเทศ ถ้าจำเป็นก็จะลอบเข้ามาตายในภาคอีสาน
วางเป้ายึดฐานเสียงในภาคอีสาน เป็นฐานต่อสู้ทางการเมือง
เหนืออื่นใด พ.ต.ท.ทักษิณยังได้วางแผนปรับทัพ จัดวางกำลังขุนศึกสายตรง “ตระกูลชินวัตร” เข้ามาคุมเกมในพรรคเพื่อไทย
โดยให้นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว รับผิดชอบดูแลกลุ่ม ส.ส.ภาคเหนือ นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย ดูแลกลุ่ม ส.ส.ภาคอีสาน และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวคนเล็ก รับผิดชอบดูแลกลุ่ม ส.ส.ภาคกลาง
จัดโครงสร้าง การันตีให้เห็นกันจะจะ ใครเป็นหัวจ่ายคุมท่อน้ำเลี้ยง ส่งเสบียงกรัง
เป้าหมายหลักก็เพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐกลับคืนมา
นี่คือ ยุทธศาสตร์การต่อสู้ตามระบบ โดยใช้พรรคเพื่อไทยเป็นฐาน ชิงอำนาจในสนามเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน ก็มีการปลุกเร้ามวลชนคนเสื้อแดง ภายใต้การนำของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มีแกนนำในพรรคเพื่อไทยเป็นหัวหอก ให้ลุกขึ้นสู้ ทวงความเป็นธรรมให้ตัวเอง
ชี้นำกันตรงๆ สักวันพลังคนเสื้อแดงจะระเบิดออกมา
ถอดรหัสจากคำพูดตรงนี้ก็คือ ต้องการใช้มวลชนต่อสู้กดดัน เตรียมเปิดยุทธการลุกฮือเข้าใส่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
สอดรับกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบเสื้อแดงที่จัดชุมนุมใหญ่เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา
ยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลปลดนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้แทนรัฐธรรมนูญปี 2550 และให้ยุบสภา
ขีดเส้นตายให้ดำเนินการภายใน 15 วัน ไม่เช่นนั้นจะเคลื่อนม็อบใหญ่มาขับไล่รัฐบาล
เตรียมใช้แผนเกลือจิ้มเกลือ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ม็อบเสื้อเหลืองเคยทำยังไง ม็อบเสื้อแดงก็จะทำอย่างนั้น
เรื่องสมานฉันท์ เลิกพูดไปได้เลย
เมื่อถอดรหัสออกมาแล้ว ทั้งหมดนี้คือ ยุทธศาสตร์ที่ “ทักษิณ” วางไว้
เหนืออื่นใด จังหวะเวลาในการเคลื่อนไหวรอบใหม่ของม็อบเสื้อแดงที่กำลังจะยกระดับการเคลื่อนไหวต่อสู้
เพื่อมาท้วงคำตอบจากรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์
เป็นต้นไป
เป็นห้วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับการที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอาเซียนซัมมิตในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์
ซึ่งจะมีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน 9 ประเทศมาร่วมประชุม รวมทั้งยังมีตัวแทนประเทศผู้เข้าร่วมเจรจาอย่าง จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย มาร่วมหารือด้วย
ตรงนี้ถือว่า เป็นเวทีประชุมสำคัญที่นานาชาติจับตามอง โดยเฉพาะในภาวะที่ทุกประเทศต้องการเห็นความร่วมมือในการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ หากการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงที่ยกระดับการต่อสู้จนกระทบกับการประชุมอาเซียนซัมมิตในครั้งนี้
ก็ยังเป็นที่สงสัยว่า รัฐบาลจะมีศักยภาพในการใช้กฎหมายควบคุมสถานการณ์ เพื่อให้การประชุมผ่านไปด้วยดีได้หรือไม่
เพราะหากเกิดเหตุการณ์วุ่นวายจนการประชุมครั้งสำคัญดำเนินไปไม่ได้ มีปัญหาสะดุดหยุดลง
ย่อมส่งผลกระทบไปถึงการทำงานของรัฐบาลที่เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นานาชาติ
โดยเฉพาะการที่นายกฯอภิสิทธิ์เดินสายไปชี้แจงกับนานาประเทศในเวทีการประชุม เวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม ครั้งที่ 39 ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงการเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น
ยืนยันสถานการณ์ในประเทศไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีความสงบ การเมืองนิ่ง มีความมั่นคงตามแนวทางประชาธิปไตย สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างชาติ
ฉะนั้น ถ้าเกิดปัญหาจากเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล จนทำให้การประชุมอาเซียนซัมมิต ต้องสะดุดชะงัก
ความเชื่อถือจากนานาชาติ ก็จะถูกทำลายไปด้วย
การฟื้นฟูสร้างความเชื่อมั่นเชื่อถือต่อประเทศไทยในสายตาต่างประเทศ คงยากที่จะเกิดขึ้นได้
ดังนั้น ต้องรอพิสูจน์ว่า การประชุมอาเซียนซัมมิต ที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้
ภาครัฐและฝ่ายความมั่นคงของประเทศ จะสามารถรับมือกับปัญหาการชุมนุมประท้วงได้หรือไม่ ต้านทานไหวหรือเปล่า
ถ้ารับมือได้ สถานการณ์เรียบร้อย ผลลัพธ์ในทางบวกต่อประเทศก็คงตามมา
แต่ถ้ารับมือไม่ได้ ควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ ความเชื่อมั่นของประเทศไทยในสายตานานาชาติก็คงหมดไปด้วย
ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดหน้าเปิดตัว เปิดยุทธการทวงคืนอำนาจผ่านพรรคเพื่อไทย และมวลชนคนเสื้อแดง
คงหนีไม่พ้น ต้องใช้โอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับนานาชาติ “อาเซียนซัมมิต” ปฏิบัติการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ แสดงปฏิกิริยาให้สังคมโลกได้เห็น
ผลจะออกมารูปไหน ยังไม่รู้ แต่ในห้วงของการเคลื่อนไหวต่อสู้ ประเทศไทยต้องเจอกับแรงกระเพื่อมแน่
ที่สำคัญก็คือ การประชุมอาเซียนซัมมิต ถือเป็นเวทีสำคัญระหว่างประเทศ
ไม่ใช่แค่เรื่องของรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ไม่ใช่แค่เรื่องของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่แค่เรื่องของ “อภิสิทธิ์” กับ “ทักษิณ”
แต่เป็นเรื่องความเชื่อมั่นของประเทศไทยกับสังคมโลก
ฉะนั้น คนไทยเจ้าของประเทศ ต้องเลือกกันเอาเองว่า
อยากจะให้ประเทศขยับขึ้นมาพ้นเหว หรือจมอยู่ในเหวต่อไป.
“ทีมการเมือง”