ที่มา มติชนออนไลน์
ปธ.ชมรมคนรักอุดร ประกาศผ่านคลื่น97.50 เผยมีนักการเมืองจ้างมือที่3เตรียมทำร้ายพธม.แล้วโยนบาปพวกตน พท.แจกเอกสารเพาเวอร์พอยต์โต้ทบ.มีทั้งแบ่งพื้นที่รับผิดชอบ แผนเกาะติด และจัดตั้งกลุ่มพลังเครือข่ายเฝ้าระวังการบ่อนทำลาย ระบุงบประมาณปฎิบัติการละเอียดยิบ โฆษก ทบ.ย้ำอีก ไม่ใช่โครงการลับ
ปูดนักการเมืองจะโยนบาปคนรักอุดรจ้างมือที่3ป่วนพธม.
นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวออกอากาศผ่านคลื่นเอฟเอ็ม 97.50 เมกะเฮิร์ตซ์ คลื่นชมรมคนรักอุดร เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ว่า มีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งของ จ.อุดรธานี จะสร้างสถานการณ์มือที่สามทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งจะเดินทางมาปราศรัยที่จ.อุดรธานี แล้วจะโยนความผิดให้ชมรมคนรักอุดร ซึ่งชมรมคนรักอุดรจะปักหลักอยู่ที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เนื่องจากจะมีการฉลองเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของนายขวัญชัย
นอกจากนี้ นายขวัญชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่มีนักการเมืองของ จ.อุดรธานี เดินทางไปพบนายใหญ่ที่ต่างประเทศ และใส่ร้ายตนเองว่า มีแต่รับเงิน และไม่มีมวลชนแล้ว ซึ่งนายขวัญชัยได้ประกาศห้าม ส.ส.อุดรธานี มาออกอากาศผ่านคลื่นชมรมคนรักอุดรอย่างเด็ดขาด
พท.อ้างมีเพาเวอร์พอยต์มัดทบ.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะทำงานฝ่ายการเมือง พรรคเพื่อไทย(พท.) แถลงที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมดีทีวี เมื่อวันที่ 8 มกราคม ภายหลังแกนนำรัฐบาลและโฆษกกองทัพบก ออกมาปฎิเสธ ไม่มีแผนการใช้งบลับ 2 พันล้านบาท เพื่อสลายมวลชนเสื้อแดง และกลุ่มผู้สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเหมือนกับที่นายณัฐวุฒิออกมาตีแผ่เรื่องนี้ว่า เอกสารการประชุมของกองทัพบกที่นำมาเปิดเผย เป็นเอกสารพาวเวอร์พอยท์ที่จัดทำโดยฝ่ายยุทธการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เรื่องยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความสามัคคี ความสมานฉันท์ของประชาชนภายในชาติ ที่มีการประชุมเมื่อต้นเดือนมกราคม 2552 ที่ชั้น 5 ตึกกองบัญชาการกองทัพบก โดยมีนายทหารระดับสูงและผู้บังคับกองพันทั่วประเทศกว่า 500 คน เข้าร่วมประชุม มีพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารเป็นประธาน
"พล.อ.ประยุทธ์พูดเปิดการประชุมและสนทนาประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะให้ พล.ท.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ ดำเนินการประชุมโดยใช้เอกสารชุดนี้ มีนายทหารระดับเจ้ากรมบางท่านทักท้วงว่าจะทำได้อย่างแผนนี้จริงหรือ มีกำลังพลเพียงพอ และจะทำกับประชาชนกลุ่มดังกล่าวแล้วได้ผลตามแผนที่ต้องการจริงหรือ เขาทักท้วงว่าขณะนี้เหมือนกองทัพเอาโรคที่แทรกซึมรุมเร้ารัฐบาลมาแบกเอาไว้เอง แล้วกองทัพจะทำสำเร็จหรือ"นายณัฐวุฒิกล่าว
ซัดกลับกองทัพสามวาสองศอก
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เนื้อหาในเอกสารไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องเดียวกัน หรือคนละเรื่องที่โฆษกกองทัพบกออกมาชี้แจง แต่เอกสารนี้เน้นเรื่องเสริมสร้างความสามัคคีและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ที่เทิดทูนสถาบัน เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนไม่ว่าเสื้อแดงหรือเสื้อเหลืองพร้อมสนับสนุน แต่อยากถามว่าเหตุใดจึงต้องมีการถกเป็นการภายในเป็นการปิดลับ อยากให้กองทัพออกมาชี้แจง กองทัพต้องตอบตรงไปตรงมา ไม่ใช่ไปไหนมาสามวาสองศอก เอกสารชุดนี้มีนายทหารในที่ประชุมนำมาให้ และยืนยันว่ามีการประชุมกรณีดังกล่าวจริง ซึ่งจะประสาน พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมาของพรรค ที่ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมาธิการทหารสภาผู้แทนราษฏร เพื่อตรวจสอบโครงการนี้ต่อไป
ว่าลับลมคมในแค่คิดก็ผิดแล้ว
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า อยากถามกองทัพว่าทำโครงการเศรษฐกิจพอเพียงจริงหรือ และเอกสารที่เปิดเผยนี้มีการดำเนินการตามเอกสารหรือไม่ แม้ยังไม่ทำแต่แค่คิดก็ผิดแล้ว เพราะทำลับลมคมในใช้งบประมาณมหาศาล โดยประชาชนไม่มีส่วนร่วม การที่โฆษกกองทัพบกบอกว่า งบประมาณไม่ได้ใช้อะไรมาก เพียงแค่เบี้ยเลี้ยงกำลังพล ตรงนี้ต้องชี้แจงให้ชัด เพราะตัวเลขงบในมือจะทำให้เข้าใจว่า งบประมาณตั้งใจเบิกจ่ายเป็นพันล้านบาท แต่เมื่อนำไปใช้จริงแล้วไม่เท่าไหร่ เพราะจะมีคำถามส่วนต่างงบประมาณหายไปไหน หากกองทัพชี้แจงตามเอกสารนี้ว่าได้ทำหรือไม่ และทำไปถึงขั้นตอนไหน หรือบอกว่าเอกสารนี้ไม่มีเลยยกเมฆก็บอกมา อยากรู้ว่าเอกสารนี้มีการทำจริงหรือไม่ ยืนยันว่าได้ข้อมูลเอกสารมาจากคนในที่ประชุมที่ทนไม่ได้กับความไม่ชอบมาพากล
คณะทำงานการเมืองพท.กล่าวว่าจะไม่ยอมให้กองทัพเอางบประมาณแผ่นดิน เอาทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปกระทำการตอบสนองวัตถุประสงค์ทางการเมือง และอยากตั้งคำถามถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ที่ออกมารับว่ายังไม่เห็นเอกสาร และจะตรวจสอบได้ต้องรอ 1-2 วัน เพราะติดวันหยุดราชการ อยากถามว่านายสุเทพไม่มีอำนาจะเรียกนายทหารคนใดในกองทัพมาถามเลยหรือ รัฐบาลชุดนี้อยู่ภายใต้การบริหารของกองทัพหรือนายสุเทพ ที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ใต้บังคับบัญชาของคนในกองทัพ จึงเกรงใจต้องรอถึงวันเปิดราชการ
งัดเอกสารอวดประกอบการแถลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ นำเอกสารพาวเวอร์พอยต์มาแจกประกอบการแถลงข่าว เอกสารระบุจัดทำโดยฝ่ายยุทธการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เรื่องยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความสามัคคี ความสมานฉันท์ของประชาชนภายในชาติ ซึ่งนายณัฐวุฒิอ้างว่ามีการใช้เอกสารดังกล่าวในที่ประชุมหน่วยขึ้นตรง(นขต.)ของกองทัพบก เมื่อต้นเดือนมกราคม 2552 ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นแผนยุทธศาสตร์ของกองทัพบกที่มีวัตถุประสงค์ คือ 1.ปกป้องเทิดทูนสถาบันให้มีความมั่นคงในการเป็นศูนย์รวมจิตใจและความสามัคคี 2.ช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตโดยการนำโครงการอันเนื่องจากพระราชดำริเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน 3.สร้างความเข้าใจ ความสามัคคี ความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ โดยใช้แนวทางสันติวิธี 4.สร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนมีความปลอดภัยจากภัยความมั่นคงในรูปแบบต่างๆ
เอกสารระบุว่า มีการกำหนดพื้นที่รับผิดชอบ โดยใช้ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษของกองทัพภาคที่ 1 -4 เป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการพื้นที่และปฏิบัติภาพรวม โดยใช้ 2 ปัจจัยกำหนดพื้นที่ คือ พื้นที่รับผิดชอบตามแผนเกาะติด และพื้นที่ตามแผนบรรเทาสาธารณภัย โดยขั้นปฏิบัติการให้กองทัพภาคแบ่งมอบพื้นที่แต่ละจังหวัด และกำหนดความล่อแหลมของพื้นที่ จากนั้นฝึกอบรมเตรียมความพร้อมให้กับชุดประชาสัมพันธ์ สุดท้ายจัดทำแผนกำหนดมาตรการปฏิบัติให้สอดคล้องกับความล่อแหลมของพื้นที่
ระบุงบดำเนินการละเอียดยิบ
เอกสารระบุว่า แผนปฏิบัติขั้นที่ 2 ให้ชุดประชาสัมพันธ์เข้าพื้นที่ สร้างการยอมรับจากประชาชน แสวงประโยชน์จากโครงการพระราชดำริสร้างความสัมพันธ์กับผู้นำ ผู้นำชุมชน สื่อมวลชนในพื้นที่ เผยแพร่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนมีความจงรักภักดีปกป้องเทิดทูนสถาบัน จากนั้นจัดตั้งกลุ่มพลังเพื่อเป็นเครือข่ายในการพิทักษ์รักษาและปกป้องสถาบัน เฝ้าระวังการบ่อนทำลาย จัดกิจกรรมเทิดทูนสถาบันร่วมกับประชาชนในพื้นที่ผ่านกลุ่มพลังจัดตั้ง ดำรงความต่อเนื่องของกลุ่มพลัง
สำหรับงบประมาณเอกสารระบุว่า งบปฏิบัติการต่อหมู่บ้านทั้งสิ้น 74,427 หมู่บ้าน ๆละ 15,000 บาท งบปฏิบัติต่อชุมชน จำนวน 1,856 ชุมชน ๆ ละ 40,000 บาท งบปฏิบัติการด้านการข่าว กองทัพภาคละ 100,000 บาทต่อเดือน งบอำนวยการ (รวมการจัดตั้ง บก.และการติดตาม) หน่วยระดับมณฑลทหารบก/จังหวัดทหารบก/กองพลทหารราบ/ม้า หน่วยละ 30,000 บาท ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ กองทัพอากาศ ตำรวจ และกองทัพไทย หน่วยละ 50,000 บาท และหน่วยระดับกองทัพภาค หน่วยละ 100,000 บาท งบบริหารจัดการ หน่วยระดับกองทัพภาค หน่วยละ 100,000 บาทต่อเดือน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ กองทัพอากาศ ตำรวจ และกองทัพไทย หน่วยละ 50,000 บาทต่อเดือน งบด้านกิจการพลเรือน กองทัพภาคละ 100,000 บาทต่อเดือน
วัตถุประสงค์แก้การบ่อนทำลาย
วัตถุประสงค์การปฏิบัติการข่าวสาร คือ 1.เพื่อให้เกิดความมั่นคงและเสถียรภาพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ให้คงอยู่เป็นสถาบันหลักของชาติต่อไป 2.เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจสร้างความจริงให้ปรากฎในกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ใช้การปฏิบัติการข่าวสารให้ประชาชนเข้าใจผิดและลดศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนด่าบุคคล/กลุ่มบุคคลที่ต้องการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ และ3.เพื่อให้ได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการ สื่อมวลชน ผู้นำชุมชน ผู้นำทางศาสนา และกลุ่มเอ็นจีโอ ในกิจกรรมเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
อ้างอีกจ้องของบกลางจาก"อภิสิทธิ์"
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดที่พท.ได้รับมาคือการดำเนินการโครงการดังกล่าว กองทัพบกได้เสนอไปยังกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ซึ่งไม่ได้ใช้งบลับ เพราะงบลับนั้นมีประมาณปีละ 500 ล้านบาทเท่านั้น แต่จะเสนอของบจากงบกลาง ที่อยู่ในความดูแลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.รมน.ด้วย อย่างไรก็ตาม หากผู้นำเหล่าทัพกล้าออกมายืนยันในเรื่องนี้ว่าไม่เป็นความจริง ก็จะเป็นเรื่องดีเพราะคนเสื้อแดงจะได้สบายใจว่าการชุมนุมอย่างสงบของพวกเขาสามารถกระทำได้
"การกระทำอย่างนี้ต้องเลิก เพราะทหารยุ่งเกี่ยวกับการเมืองมามากแล้ว อย่างไรก็ตามในกรรมาธิการการทหาร ที่ผมเป็นประธานจะเดินหน้าตรวจสอบต่อ แต่คงจะต้องรออีกสักระยะ เพราะขนาดการฝึกร่วมของกองทัพที่พลาดเป้าจนทำให้มีทหารบาดเจ็บถึง 19 คนนั้น ผบ.ทบ. (ผู้บัญชาการทหารบก) ยังไม่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการตามหนังสือเชิญ กรณีเช่นนี้ไม่เหมือนกับที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ทั้งที่เหตุการณ์ไม่ร้ายแรงเท่านี้ แต่ผบ.เหล่าทัพของเขาก็ลาออกทันที เพราะเขามีสำนัก และความกล้าหาญอย่างชายชาติทหาร" พ.ต.ท.สมชาย กล่าว
จี้เลิกช็อปอาวุธ-ปท.อ่วมศก.หนัก
พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า ยังเรียกร้องให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ หารือกันเพื่อตัดลดงบประมาณการจัดซื้ออาวุธและยุทธโธปกรณ์ในอีก 10 ปีข้างหน้า เพราะเกินกว่าความจำเป็นที่จะใช้งบประมาณแผ่นดินไปซื้ออาวุธที่รุนแรง เพราะเวลานี้ประเทศชาติกำลังพบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ
"งบประมาณที่กองทัพขอไปล่าสุด 5,000 ล้านบาทรัฐบาลควรจะเบรกหรือไม่ ขอให้รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องหารือกันในเรื่องนี้ด้วย เพราะปัญหาเศรษฐกิจวันนี้ ประเทศจะเดินต่อไปไม่ได้แล้ว นอกจากนี้ ผมยังพบว่าในการซื้อสายพานลำเลียง มีการนำงบปกติ ซึ่งไม่ใช่เงินที่ได้รับอนุมัติตจากโครงการไปมัดจำจำนวน 2,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นการใช้งบประมาณที่ผิด" พ.ต.ท.สมชายกล่าว
โฆษกทบ.ชี้"ไม่ใช่โครงการลับ"
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกมีการดำเนินการเฉพาะโครงการสู้วิกฤตเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามที่ชี้แจงก่อนหน้านี้ ส่วนการที่นายณัฐวุฒิระบุว่าเป็นการดำเนินการตามยุทธศาสตร์สร้างความสามัคคีและสมานฉันท์คนในชาตินั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งในโครงการดังกล่าว ซึ่งนอกเหนือจากการสร้างชุมชุนเข้มแข็งในการต่อสู้กับเศรษฐกิจบนปรัชญาแนวเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว กำลังพลที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช่ไปใส่แนวความคิดอย่างเดียว แต่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมคิดร่วมทำให้ชุมชนเข้มแข็ง เมื่อเกิดความเข้มแข็งแล้วชุมชนก็จะเกิดความรัก ความสามัคคี เกิดการรักชาติ และรักสถาบัน ซึ่งถือเป็นส่วนที่ขยายโครงการต่อสู้เศรษฐกิจที่กองทัพดำเนินการ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มดำเนินการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีการประชุมมากว่า 7 ครั้ง และไม่ใช่โครงการลับแต่อย่างใด แต่การประชุมแต่ละครั้งจะมีการพูดถึงเรื่องใดนั้น คงไม่สามารถจดจำได้ และการประชุมไม่ได้เข้าร่วมด้วยทุกครั้ง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่สาระอะไร สิ่งสำคัญคือกองทัพทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ตามกลไกที่เป็นเครื่องมือของรัฐบาลที่ช่วยเหลือประชาชนในการสู้วิกฤตเศรษฐกิจไม่ใช่เป็นเครื่องมือดำเนินการทางการเมือง
ใช้งบ520ล.-ไม่เกี่ยวเอาผิดสีแดง
ส่วนที่นายณัฐวุฒิ ระบุโครงการมีการใช้เงินกว่า 2,000 ล้านบาท พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่มีการใช้เงินงบประมาณถึง 2,000 ล้านบาทแน่นอน เพราะกองทัพบกคิดเพียงค่าใช้จ่ายและเบี้ยเลี้ยงกำลังพลในการลงไปทำหน้าที่ในหมู่บ้าน โดยมีกำลังพลเข้าไปหมู่บ้านละ 6-8 นาย ใช้งบประมาณหมู่บ้านละ 6,000 – 7,000 บาท มีระยะเวลาดำเนินการ 6 เดือน ตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ - 15 สิงหาคม 2552 ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากจำนวน 74,427 หมู่บ้าน คิดเป็นเงินประมาณ 520 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ในการดำเนินการด้วย พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า แน่นอนเป็นเรื่องการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้กองทัพบกดำเนินโครงการตามแนวพระราชดำริ เพื่อช่วยเหลือประชาชนขับเคลื่อนด้วยแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เมื่อทำได้ผลดีจึงนำมาขยายผล เพราะเห็นว่าประเทศกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งกองทัพมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือประชาชนตามภารกิจของกองทัพ
เมื่อถามว่า มีการเอาผิดกับกลุ่มคนที่มีการกระทำหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะคนเสื้อแดงหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับโครงการนี้ มีเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนต่อสู้เศรษฐกิจให้มีการดูแลอาชีพบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้มีการเกี่ยวเนื่องกับเรื่องการดำเนินคดีหรือเรื่องการเมืองแต่อย่างใด ทั้งนี้ กองทัพบกจะนำโครงการนี้ชี้แจงในที่ประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพประจำเดือนกุมภาพันธ์ที่กองทัพเรือเป็นเจ้าภาพในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ด้วย
"มาร์ค" ปฎิเสธใช้งบลับการเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่วังสวนผักกาด ถนนศรีอยุธยา ว่า ไม่ทราบเรื่อง และแปลกใจว่าข่าวนี้มาจากไหน เพราะในส่วนที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่ต้องอนุมัติงบกลางรายการฉุกเฉิน ก็ไม่มีงบส่วนนี้ หรือการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 ก็ไม่มีตรงเช่นกัน ยังรู้สึกงงว่าจะใช้ดำเนินโครงการอะไรได้ ส่วนเรื่องที่ฝ่ายค้านอ้างมีเอกสารลับเรื่องนี้นั้น นายกฯกล่าวว่า ถ้าเรื่องมาถึงก็จะพิจารณา แต่ไม่คิดว่ามีเรื่องนี้
นายอภิสิทธิ์กล่าวกรณีมีความจำเป็นต้องหรือไม่ ต้องบตั้งงบฯเพื่อสกัดกั้น หรือสลายกลุ่มเสื้อแดงว่า “ไม่มีหรอกครับ ความจริงแล้วไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปเอางบประมาณมาปฏิบัติการทางการเมืองอย่างนั้น การเมืองก็ว่ากันในส่วนของการเมือง แต่ถ้าเป็นเรื่องของการสร้างความสมานฉันท์ การสร้างค่านิยม การเผยแพร่ประชาธิปไตย ก็สามารถจัดสรรงบประมาณให้ได้”
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการเตรียมการรับมือในการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในที่ 14 กุมภาพันธ์ ว่า ได้มอบแนวทางชัดเจนว่าให้กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถชุมนุมได้ภายใต้กรอบของการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ จะไม่ยอมให้มีการทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น
สนใจแก้วิกฤตศก.มากกว่า"แม้ว"
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการจับตาดูความเคลื่อนไหวนอกประเทศของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เหมือนเดิมทุกอย่าง อยากให้พ.ต.ท. ทักษิณกลับประเทศไทย ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินว่าความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท. ทักษิณในประเทศเพื่อนบ้าน จะทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะตอนนี้ความสนใจของคนส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดของประเทศคือทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้า ซึ่งยังมีเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญสำหรับชีวิตของคนมากกว่าเรื่องของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
"ผมสนใจแต่เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาการเมืองให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ เป็นการมองข้างหน้าในเชิงระบบ เช่น การปฏิรูปการเมือง โดยเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็มีโอกาสพบกับร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส. พรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้มาช่วยกันดูว่าจะเดินหน้าการปฏิรูปทางการเมืองอย่างไร ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากร.ต.อ. เฉลิม เพราะอยากให้มีกระบวนการตามระบบจะได้แก้ปัญหาได้ แต่ร.ต.อ. เฉลิมขอรับไปดูรายละเอียดเรื่องของกลไกและตัวบุคคลเพื่อให้ที่ยอมรับของทุกฝ่าย"นายกฯกล่าว
ไม่เคยได้ข่าวลอบสังหารอดีตนายกฯ
นายกฯกล่าวถึงการพยายามประโคมข่าวการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณด้วยว่า"ยังไม่ได้ยิน แต่ถ้าพ.ต.ท. ทักษิณกลับเข้ามาในประเทศ ก็เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ต้องดูแลให้ดีที่สุด"
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ที่กล่าวหารัฐบาลและทหารทุ่ม 2,000 ล้านบาทเพื่อล้มมวลชนเสื้อแดงนั้นไม่มีมูลความจริง เป็นข่าวไร้สาระ โฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นภาพหลอนของพรรคเพื่อไทยที่เคยใช้ปั่นม็อบขึ้นมา จึงเกรงว่ารัฐบาลอาจใช้เงินทำลายม็อบ ใส่ร้ายรัฐบาลเพื่อกลบเกลื่อนพฤติกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ในยุคที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ไม่มีใครคิดลอบทำร้ายพ.ต.ท.ทักษิณ
นายเทพไทยังท้าว่า หากส.ส.พรรคเพื่อไทยอยากทราบความจริงว่าประเทศญี่ปุ่นห้ามพ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศหรือไม่ ก็ต้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ ลองขอวีซ่าจากญี่ปุ่นดู เพราะที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ เคยระบุว่าเป็นศาสตราจารย์พิเศษสอนที่มหาวิทยาลัยญี่ปุ่น ดังนั้นลูกศิษย์กำลังรออยู่ แต่อาจารย์หายไปไหน น่าจะลองขอวีซ่าเดินทางไปพบลูกศิษย์ดู
แจ้งตร.หากลุ่มเสื้อแดงข่มขู่
พระมหาบุญถึง ธุตินังธโร (ปธ.5) และผู้อำนวยการสถาบันธรรมประชาธิปไตย พร้อมกับ นายสมาน ศรีงาม เลขาธิการทั่วไป เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.เจรวัตร จรจบ พงส.(สบ 1) สน.ชนะสงคราม เมื่อเวลา 14.00น. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ กรณีกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ประมาณ 20 คน รุมทำร้าย และขว้างปาสิ่งของเข้าไปภายในเต็นท์หลังที่ 38-39 พร้อมกับก่อกวน ข่มขู่ให้กลับบ้านขณะนั่งปฎิบัติธรรม ในงานเผยแผ่สัปดาห์พระพุทธศาสนา ที่บริเวณท้องสนามหลวง ระหว่างเวลา20.00-22.00 น.วันที่ 7 กุมภาพันธ์ เบื้องต้นตำรวจรับแจ้งไว้เป็นหลักฐาน ก่อนทำหนังสือเพื่อให้ นายสมาน ไปให้แพทย์ตรวจร่างกาย ว่ามีร่องรอยการถูกทำร้ายหรือไม่ เพื่อดำเนินการต่อไป
เสื้อแดงชม.รณรงค์-โจมตีรบ.
ส่วนที่จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 15.00 น. กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ประมาณ 800 คน สวมเสื้อแดงเดินรณรงค์รอบคูเมือง ในเขตเทศบาลนครเชียงใหมเพื่อแสดงพลังกลุ่มคนเสื้อแดง โดยตั้งขบวนอยู่ที่บริเวณโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ พร้อมกับกล่าวโจมตีรัฐบาล ก่อนที่ขบวนจะไปหยุดอยู่ที่ลานแประตูท่าแพ ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีการจัดกิจกรรมถนนคนเดินทุกวันอาทิตย์ ทั้งนี้ การเดินขบวนดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดอย่างมาก ก่อนจะมีการสลายตัวไปในเวลาต่อมา