ที่มา ไทยรัฐ
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุประเทศสหรัฐอเมริกาเตรียมพิจารณาถอนวีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณว่า ส่วนตัวไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ คิดว่าเป็นแค่การคาดการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผลงานของโฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อจุดประเด็นการเมืองว่า หลายประเทศไม่ต้องการ พ.ต.ท. ทักษิณ รวมถึงกรณีที่ญี่ปุ่นและจีนถอนวีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่เป็นความจริง เชื่อว่าทั้งหมดเป็นการตีปี๊บ อย่าไปสนใจ อย่างไรก็ตาม คนที่จะตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ทั้งนี้ สหรัฐฯเป็นประเทศที่ยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตย จึงเข้าใจกรณีที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นอย่างดี โดยมีนักการทูตของประเทศมหาอำนาจคนหนึ่งบอกว่า อยากให้รัฐบาลไม่ดำเนินการแบบ 2 มาตรฐาน เพราะเห็นว่าโทษของคนทำกับข้าวรุนแรงกว่าพวกยึดสนามบิน ถ้ายังไม่มีการดำเนินคดี ความเชื่อมั่นจะไม่เกิด นักท่องเที่ยวจะไม่กลับ
จวกรัฐหลงทางแก้วิกฤติเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่สหรัฐฯจะถอนวีซ่า เพราะไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประเทศสหรัฐฯ เป็นสถานที่โจมตีทางการเมือง นายนพดลตอบว่า ขอให้แยกแยะ อย่าสับสนระหว่างคำว่า โจมตีประเทศไทยกับการวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ อย่าคิดว่ารัฐบาลเป็นประเทศ ยืนยัน พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้คิดทำลาย หรือต้องการทำให้ประเทศเสียหาย แต่การวิจารณ์รัฐบาลเพื่อให้ปรับปรุงการทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้โทรศัพท์ คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณระหว่างที่กำลังบินอยู่ที่น่านน้ำสากล ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณแสดงความเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก เพราะรัฐบาลไม่มีความสามารถแก้ปัญหาได้ และแก้ปัญหาไม่ถูกทาง และขอให้รัฐบาลเตรียมตัวรับมือปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจอย่างรุนแรงที่จะเกิดขึ้นภายในไม่กี่เดือนให้ดี
ปชป.ยันไม่แทรกแซงต่างประเทศ
วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องการถือครองวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลเป็นผู้ล็อบบี้เดินเกมถอนวีซ่าว่า รัฐบาลไม่เคยที่แทรกแซงกิจการใดๆของประเทศต่างๆ การที่จะถอดถอนวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นเอกสิทธิ์ของประเทศนั้นๆ ตั้งแต่ประเทศอังกฤษมีการถอนวีซ่าพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เป็นรัฐบาล จนถึงประเทศญี่ปุ่น และคาดว่าจะมีประเทศอื่นๆตามมา
แขวะ “ทักษิณ” ผิดปกติทางจิต
นายเทพไทกล่าวว่า ทั้งนี้แต่ละประเทศมีกติกาหรือกฎหมาย ที่ระบุคุณสมบัติต้องห้ามไว้ไม่ให้เข้าประเทศ ตัวอย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นที่มีกฎหมายเกี่ยวกับการเข้าเมือง อพยพลี้ภัยนั้น มีข้อห้ามทั้งหมด 14 ข้อ ตั้งแต่ข้อ 1 ที่ห้ามคนเป็นโรคติดต่อ จนถึงข้อ 14 ที่ระบุว่า คนที่จะเข้าเมือง ถ้ามีเหตุอันควรให้เชื่อว่าจะก่อความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในประเทศห้ามเข้า แต่เรื่องที่สำคัญคือ ในข้อ 2 นั้นระบุว่าต้องไม่เป็นคนโรคประสาท โรคจิต มีจิตใจสับสน แยกแยะรับผิดชอบชั่วดีไม่ได้ และข้อ 3 เป็นเรื่องของ คนตกงานไม่มีงานทำ และข้อ 4 เป็นประเด็นสำคัญคือ เรื่องที่บุคคลต้องโทษในคดีอาญา ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปจะไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ และรวมไปถึงข้อ 5 ผู้ต้องโทษคดีอาญาเกี่ยวกับยาเสพติด รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ให้เข้า 1 โดยในกรณี พ.ต.ท.ทักษิณนั้นคิดว่าอย่าว่าแต่เรื่องต้องโทษจำคุก แค่ข้อ 2 ที่เกี่ยวกับจิตใจสับสนมีปัญหาทางจิต แยกแยะความรับผิดชอบชั่วดีไม่ได้ ก็เข้าข่ายไม่มีสิทธิเข้าประเทศด้วยซ้ำ
ไม่รู้ รมต.โดนแบล็กลิสต์เข้าสหรัฐฯ
นายเทพไทกล่าวถึงวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาที่มีกระแสข่าวว่า 2-3 วันนี้ จะมีการประกาศไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศว่า รัฐบาลไม่เข้าไปแทรกแซง เพียงแต่ติดตามสถานการณ์และข่าวคราวจากประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เชื่อว่าสหรัฐฯไม่ประกาศชื่อบุคคลต้องห้าม เพราะเป็นเรื่องมารยาททางการทูตโดยหากสหรัฐฯปฏิเสธการเข้าประเทศ จะมีการแจ้งไปยังตัวบุคคลนั้นๆ ดังนั้น จึงตั้งข้อสังเกตว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยคิดเข้าประเทศอเมริกาเลย ทั้งที่เป็นประเทศแห่งประชาธิปไตยมากที่สุด แต่ไม่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการเดินทางเข้าอเมริกา ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่ามีแบล็กลิสต์จากทางสหรัฐฯไม่ อนุญาตให้รัฐมนตรีบางคนถูกเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา นายเทพไทตอบว่า คนที่จะรู้ว่าตนเองจะติดแบล็กลิสต์หรือไม่ขึ้นอยู่กับการขอวีซ่า ไม่มีการประกาศชี้แจงใดๆทั้งสิ้น ต่อจากนี้ไปทางรัฐบาลจะขอระเบียบกฎหมายคนเข้าเมืองของสหรัฐฯมาดูรายละเอียด สามารถเทียบเคียงได้ว่า คุณสมบัติของบุคคลนั้นๆต้องห้ามตามระเบียบหรือกฎหมายการเข้าเมืองของอเมริกาหรือไม่
เชื่อ 2 วันรู้ “ทักษิณ” โดนแบน
เมื่อถามว่า มีหลักฐานอะไรที่มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าคุณสมบัติตามข้อ 2 นายเทพไทตอบว่า มองคุณสมบัติของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า มีความสับสนไม่สามารถแยกแยะความชั่วดีได้ อย่างไรก็ตาม ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลตามที่มีกระแสข่าวว่าเป็นจริงหรือไม่ คิดว่ากรณีสหรัฐฯ จะมีความกระจ่างภายใน 1-2 วัน ว่าเป็นอย่างไร คิดว่าดูคุณสมบัติ แม้ว่าบางประเทศบางแห่งจะมีรายชื่อขึ้นแบล็กลิสต์มาก่อนแล้ว อย่างประเทศญี่ปุ่นมีการขึ้นรายชื่อมาก่อนแล้วส่งไปยังสถานกงสุลต่างๆสามารถสืบเสาะได้ ส่วนเรื่องทางการทูตทางกระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการตามขั้นตอน
แจงย้าย ตร.ไม่ได้เล่นพวก
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลโยกย้ายล้างบาง เอาคนของตัวเองเข้ามารับตำแหน่ง ว่าขอชี้แจงว่าไม่จริงตามข้อกล่าวหา พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีการเล่นพรรคเล่นพวก ไม่เอาคนของตัวเองเข้ามารับตำแหน่ง ต้องยอมรับว่าตลอดเวลา 8 ปี ที่เป็นฝ่ายค้าน พรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน ที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเลย ไม่มีคนของพรรคเป็นพรรคพวกกับนายตำรวจใดๆ เว้นแต่ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู สามีนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.แพร่ พรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ใช่ความผิดของ พล.ต.ท.ไถง เพราะการที่แต่งตั้งให้ พล.ต.ท.ไถง เป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะเดิมเป็นจเรตำรวจมีฐานะเทียบเท่าตำแหน่งผู้บัญชาการ ไม่ได้มีการเลื่อนขั้นแต่อย่างใด อยู่ในระนาบเดียวกัน
อ้างแค่คืนความเป็นธรรม
นายเทพไทกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีนายตำรวจที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุน เช่น พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันกุล ที่มีส่วนเกี่ยงข้องกับคดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช และถูกย้ายไปเป็นรองผู้บัญชาการใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ รัฐบาลเพียงแค่คืนความเป็นธรรม ให้เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลเหมือนเดิม ทั้งที่มีโอกาสสนับสนุนให้เป็นผู้บัญชาการได้ แต่เห็นว่าอาวุโสยังไม่ถึง จึงยังให้อยู่ในระดับเดิม สำหรับ พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เกี่ยวข้องกับคดีการซื้อเสียงของพรรคเพื่อไทย ได้ถูกย้ายเข้ากรุ จึงคืนความเป็นธรรมให้เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายเหมือนเดิม และทั้งนี้ ยังมีคนที่ยังไม่ได้คืนความเป็นธรรมให้คือ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และเป็นกกต.ฝ่ายสืบสวนที่ให้ใบแดงกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดนย้ายไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ วันนี้ก็ยังอยู่ที่เดิม เพราะฉะนั้นการที่กล่าวหาพรรคว่าเล่นพรรคเล่นพวก แต่งตั้งแต่คนของตัวเองไม่เป็นความจริง เราไม่มีธงในการที่จะคิดบัญชี หรือจัดการกับกลุ่มอำนาจเก่าใดๆทั้งสิ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาเส้นสายโยงใยของตำรวจยังเป็นของกลุ่มอำนาจเก่าแทบทั้งสิ้น โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก-รัฐมนตรี เป็นนายตำรวจเก่า มีพรรคพวกเพื่อนฝูงเครือข่ายอยู่ในวงการตำรวจค่อนข้างมาก แต่สำหรับพรรคประชา-ธิปัตย์นั้นไม่รู้จักใครใน สตช.ไม่มีพรรคไม่มีพวก
ไล่ “อภิวันท์” พ้นรอง ปธ.สภา
นายเทพไทกล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยในการคัดสรรหัวหน้าพรรค ที่จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านด้วยว่า คิดว่าคุณสมบัติของผู้นำฝ่ายค้านในสภา ที่จะต้องมีคือ 1. ในส่วนของพรรคการเมืองที่จะเป็นหัวหน้าพรรคต้องเป็นคนที่มีบารมี เป็นที่ยอมรับและสร้างเป็นเอกภาพเป็นผู้นำสูงสุดขององค์กร เป็นผู้รอบรู้ 2. ในส่วนของสังคม ผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็นผู้นำทางการเมือง จะเป็นผู้แทนทางการเมืองของชาติในอนาคต จะเป็นผู้แทนของความคาดหวัง โดยทั้งหมดได้มีการบรรจุไว้ในรัฐ-ธรรมนูญ ว่าผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็น ส.ส.และหัวหน้าพรรคการเมืองเท่านั้น โดยส่วนตัวคิดว่าแคนดิเดตที่พรรคเพื่อไทยนำมาเสนอนั้น พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย เป็นผู้เหมาะสม แต่ไม่แน่ใจว่าคนอย่าง พ.อ.อภิวันท์ จะกล้าลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภา มาเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ เพราะตำแหน่งทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่เหลืออยู่ ก็มีเพียงตำแหน่งรองประธานสภานี้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม คิดว่าสเปกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงเป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์, ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ก็น่าจะเป็นได้
อัด “เฉลิม” พฤติกรรมชุบมือเปิบ
โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคกล่าวว่า การที่ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประกาศว่าจะไม่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค หรือผู้นำฝ่ายค้าน แต่ขอรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น คิดว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด ว่าคนที่ต้องการเป็นนายกฯ แต่ไม่อยากรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองและเป็นผู้นำฝ่ายค้าน แต่ก็เป็นธรรมชาติของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ชอบหยิบชิ้นปลามัน มีพฤติกรรมชุบมือเปิบ ก็ไม่ว่ากันเพราะเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย แต่ก็อยากให้มีการคัดเลือกหัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านให้เร็วที่สุด เพราะมีปัญหาที่จะต้องทำงานร่วมกัน ประสานงานกัน โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ได้กล่าวเสมอว่า เมื่อทุกฝ่ายต้องการปฏิรูป ต้องมีความร่วมมือกัน แต่ไม่รู้ว่าจะประสานงานหรือคุยกับใครในพรรคเพื่อไทย จึงไม่มีความเป็นเอกภาพ หากมีตัวผู้นำฝ่ายค้าน ก็จะทำให้การปฏิรูปการเมืองเป็นไปได้ด้วยดี
“เทือก” อ้างวันพระงดจ้อการเมือง
ทางด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าอวยพรนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ว่าวันนี้วันพระ ของดพูดเรื่องการเมืองหนึ่งวัน