ฤาจะเป็น “สงครามยกสุดท้าย” ชิงอำนาจการเมือง เมื่อ “ทักษิณ” เปิดเกมสู้ทุกรูปแบบ ทุ่มเต็มหน้าตัก เปิดฉากถล่มแหลก พร้อมกลับมายึดคืน รัฐบาลหากตั้งหลักไม่ดี มีสิทธิ์เจ๊งได้เหมือนกัน
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ อย่างที่บอกเอาไว้ว่า หากปล่อยให้รัฐบาล “ประชาธิปัตย์” ตั้งหลักได้ ก็หมายความว่าอีกฝ่ายต้องจบ
พูดง่ายๆ ใน 3 เดือนนี้ต้องบี้กันให้พังกันไปข้าง
หลังจากที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่มเพื่อนเนวินชิ่งหนีไปเกี่ยวเกาะกับประชาธิปัตย์
จนทำให้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” คว้า เก้าอี้นายกฯไปหน้าตาเฉย
นั่นถือว่าเป็นความพ่ายแพ้ทางการเมือง เสียเชิงชาย ไม่สามารถกุมอำนาจรัฐได้อย่างที่ผ่านมา และทำท่าว่าจะไปไม่รอด
พรรคเพื่อไทยก็เกิดปัญหาภายในทำท่าว่าจะแตกแยกกันไปใหญ่ ไม่มีใครยอมก้มหัวให้ใคร จะหาหัวหน้าพรรคเพื่อกุมสภาพก็ทำไม่ได้
คนที่เล็งๆเอาไว้ก็ไม่กล้ารับหน้าเสื่อเพราะไม่แน่ใจว่าจะมี “กระสุน” ให้สู้หรือไม่
กลุ่มเสื้อแดงที่เป็นพลังสำคัญก็เกิดปัญหาทำท่าจะแตกเป็นเสี่ยง เมื่อ “เนวิน ชิดชอบ” เริ่มแยกสลายจะไม่ให้ “นายเก่า” เหลืออะไร
อีกทั้งยังไม่รู้ว่า “พลังเงิน” จะเดินเครื่องเหมือนเดิมหรือเปล่า
แน่นอนว่าสภาพการณ์เช่นนี้ขืนปล่อยเอาไว้ก็มีแต่ตายลูกเดียว ข้อสำคัญ หากในระยะเวลาอันใกล้รัฐบาลสามารถงัดกลยุทธ์ปลุกเศรษฐกิจฟื้นขึ้นมาได้...ก็เหมือนจับเสือใส่ถังพลังสูงทันที
ดังนั้น ปฏิบัติการทุกอย่างจึงถึงจุดที่จะต้องฟาดฟันกันให้ดับไปข้าง
การจัดสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่เขาใหญ่ จึงอุบัติขึ้นด้วยกระบวนยุทธ์ที่วางแผนกันเอาไว้อย่างดี ระดมทีมงานผู้จงรักภักดีเดินเครื่องทันที
สิ่งสำคัญก็คือ สร้างความเป็นปึกแผ่นให้พรรคเพื่อไทย ด้วยการนำ 4 พี่น้องเข้ามารวมศูนย์เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น
พายัพ ชินวัตร คุมภาคอีสาน เยาวเรศ ชินวัตร คุมภาคใต้ เยาวภา ชินวัตร คุมภาคเหนือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คุม กทม.และภาคกลาง
ยิ่งกว่าศึกตระกูลหยางเสียอีก
เล่นลึกกันอย่างนี้เพื่อสร้างความมั่นใจ แน่ใจทั้งลูกพรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดงไม่ต้องห่วงใยอะไรทั้งสิ้น
ขณะเดียวกับที่อดีตนายกฯทักษิณก็เปิดฉากโฟนอินถล่มรัฐบาล ถล่มคนอยู่เบื้องหลังแบบไม่รามือแล้ว เสือหิวเสือโหยโซ้ยกันเต็มพิกัด
อีกทั้งประกาศพร้อมชนทุกรูปแบบและจะต้องกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ยกโขยงไปพบ “นายเก่า” ไม่ว่าจะแห่งหนตำบลใด
แถมเปิดลายแทงไม่เกาะกงก็ประเทศลาวเพื่อนบ้าน เหมือนเหยียบจมูกรัฐบาล
นอกจากนั้นยังเปิดยุทธการใหม่ด้วยการจะเสนอ พ.ร.บ. นิรโทษกรรมบรรดานักการเมืองที่ถูกเว้นวรรคและบรรดามีที่ถูกคดีการเมือง
เป็นแผนหาเสียงเพื่อให้ “ทักษิณ” คืนเมืองกลับมามีอำนาจอีกครั้ง
สังเกตให้ดี นอกเหนือจากกลยุทธ์ทางการเมืองแล้ว จุดอ่อนสำคัญอีกจุดคือเศรษฐกิจที่เล็งเห็นแล้วว่า 2 กุมารอย่าง “อภิสิทธิ์-กรณ์” ยังมือใหม่หัดขับ
ก็เลยเปิดฉากให้ขุนพลคู่ใจอย่าง “ทนง-โอฬาร” ออกมาดิสเครดิตว่าหากแก้อย่างที่กำลังแก้ไปไม่รอดแน่ จะติดลบมากที่สุดในโลก 4.05%
แค่นี้ก็ร้อนผ่าวกันไปแล้ว
การเคลื่อนไหวอย่างนี้นอกเหนือจากสร้างความมั่นใจให้การเมืองแล้ว ยังเผื่อใจไปถึงบรรดาข้าราชการที่เคยอุ้มชูให้เดินหน้าสู้ต่อไป ใครที่คิดจะเปลี่ยนใจก็หันมากลับใจใหม่ ไม่ต้องกลัวรัฐบาล
ใส่ “เกียร์ว่าง” เข้าไป รัฐบาลก็หงายหลังแน่
เหนืออื่นใด จับยามสามตาได้ความว่า จากนี้ไปจะเป็นการดวลเดี่ยวระหว่าง “แม้ว-มาร์ค” ที่จะหวดกันทุกรูปแบบ รูปการณ์บอกว่านายกฯใหม่จะต้องอยู่ในฐานะตั้งรับมากกว่า
เพราะดวงดาวไม่ค่อยเป็นใจเท่าใดนัก หากไม่ยึดหลักการให้ดีมีสิทธิ์เพลี่ยงพล้ำ
ทำท่าว่าจะเป็นสงครามยกสุดท้ายที่ต้องมี “ผู้ชนะ-ผู้แพ้”!!!
“ลิขิต จงสกุล”