หัวเราะกันใหญ่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็หัวเราะกับข่าวที่ถูกปูด มีการโอนเงิน 250 ล้านบาทเข้าบัญชีคนใกล้ชิด
พร้อมกับบอกปัด นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ บอสใหญ่ค่ายทีพีไอ ไม่เคยบริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะสมัยนี้ หรือสมัยที่นายประชัยเป็นหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย
อาการเดียวกับ “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็หัวเราะเยาะใส่ข้อมูลของ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ประกาศจะเปิดโปงการรับบริจาคเงิน 250 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าข่ายพฤติกรรมฟอกเงิน
ออกหน้ารับประกันเสียงแข็ง ในยุคนายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรค และตนเองเป็นเลขาธิการพรรค ไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่กลัวเลย
เย้ยกันในที บลัฟกันด้วยลีลา
แต่ล่าสุดก็เป็นนายประชัย ที่ออกมายอมรับกับปากเองเลยว่า เคยมีการจ่ายเงินจำนวน 250 ล้านบาทให้กับพรรคประชาธิปัตย์จริง
โดยเป็นการจ่ายเงินค่าโฆษณา
และไม่คิดว่าจะมีความผิด เนื่องจากในช่วงดังกล่าวยังมีการใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2540 ซึ่งไม่มีการระบุความผิด ในการบริจาคเงินจำนวนดังกล่าว ผิดกับในปัจจุบัน ที่มีการใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งมีการระบุถึงความผิดในการให้เงินบริจาคพรรคการเมือง
ก็แค่นี้แหละ ที่ฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทยต้องการ “ฟื้นข่าวเก่ามาเล่าใหม่”
ล่อให้ “ประชัย” เจ้าของเงินยอมรับกับปาก จากนั้นก็ให้ไปตามกันเองว่าค่าโฆษณาอะไรตั้งมากมาย แล้วทำไมต้องจ่ายผ่านพรรคประชาธิปัตย์
เงินจำนวนนี้ใครเป็นคนรับ
ที่แน่ๆ โดยเงื่อนเวลา มันก็สามารถโยงเงินบริจาค 250 ล้านบาท ให้เข้าล็อกกับปมที่มีการปูดข้อมูลเบื้องหลังการอัดฉีดให้ ส.ส.พรรคการเมืองใหญ่ เกณฑ์คนในพื้นที่มาร่วมชุมนุมกับม็อบพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ ล้มอดีตรัฐบาล “ทักษิณ”
แตะมือ เหยียบตีนกันเล่นยังไง
เกมไหลมาเข้าทางเต็มๆ คิวนี้พรรคเพื่อไทยน่าจะหัวเราะได้ดังกว่า
แต่ที่หัวเราะไม่ออกเลยจริงๆ น่าจะเป็นรายการผิดคิวของทหาร กับรายการร้อนๆ ที่กำลังพลของหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายกฯอภิสิทธิ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม
กรณี “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบนโยบายให้กับกองกำลังพลปลูกฝังอุดมการณ์รักชาติ และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
ซึ่ง พล.ท.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม ผู้บัญชาการ นปอ.ได้นำมาทดลองใช้ โดยปรับเปลี่ยนเวลาปฏิบัติงานจากเดิม 08.30-16.30 น. เป็น 08.00-16.00 น. ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมา กำลังพลของ นปอ.ต้องเข้าแถวเคารพธงชาติและปฏิญาณตน โดยเฉพาะความจงรักภักดีต่อกองทัพและปกป้องสถาบัน
ทำให้กำลังพลส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน โดยเฉพาะการส่งบุตรหลานไปโรงเรียนในห้วงเวลาฉุกละหุก
ข่าวกรอบเล็กๆ แต่ความหมายใหญ่หลวงเลย
ในมุมของนักข่าวสายทหารจับสัญญาณอาการทะแม่งๆ เพราะปกติโดยวินัยทหาร คำสั่งของผู้บังคับบัญชาต้องศักดิ์สิทธิ์ คำไหนคำนั้น
ไม่บ่อยนักที่กำลังพลกล้าหักนาย
ที่สำคัญคิวนี้ยังเล่น “ข้ามหน้าข้ามตา” ทำหนังสือร้องเรียนไปถึงนายกฯ และ รมว.กลาโหม เหมือนตั้งใจประโคมข่าวให้ดังได้ยินกันไปนอกค่าย
ยิ่งกว่าตบหน้ากันแรงๆ
และก็ช่างบังเอิญอีกว่า ข่าวนี้ปูดออกมาในห้วงเวลาพอดิบพอดีกับกระแสงบลับ 2,000 ล้านบาท สลายม็อบเสื้อแดง
โดยอารมณ์ที่สะท้อนออกมา แม้แต่กำลังพลของกองทัพเองยังมีปฏิกิริยา เซ็งกับรายการปลูกฝังอุดมการณ์รักชาติในแบบฉบับของทหาร ที่ไปกระทบชีวิตประจำวัน
ก็ไม่ต้องพูดถึงประชาชนภายนอก กับปฏิกิริยาของชาวบ้านที่มีต่อยุทธศาสตร์ให้ทหารแทรกซึมไปตามหมู่บ้าน เพื่อปรับทัศนคติ ล้างสมองกองเชียร์ทักษิณ
แค่ได้ยินข่าวลือก็โห่กันลั่นแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน