หลังจากอำนาจเปลี่ยนมือจากพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนชาวรากหญ้าภาคเหนือและอีสาน ไปสู่พรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ทางภาคใต้และกรุงเทพฯ
แม้รัฐบาลชุดใหม่จะพร่ำพูดอยู่ตลอดเวลาว่า ไม่มีนโยบายแบ่งแยก จะดูแลประชาชนทุกคนเท่าเทียมกัน แต่คำพูดกับการกระทำก็สวนทางกันโดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะจนป่านนี้แล้ว รัฐบาลก็ไม่เคยคิดจะดูแลประชาชนชาวรากหญ้าภาคเหนือและภาคอีสานอย่างจริงจังเลย แม้นายกฯและรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลชุดนี้จะเป็นนักการเมืองที่หน้าตาดี พูดจาเก่ง สามารถกล่อมให้ชนชั้นกลางเคลิบเคลิ้มหลงใหลได้
แต่สำหรับประชาชนชาวรากหญ้าผู้ยากไร้อาภัพแล้ว ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า พวกเขาจะมีสัมผัสพิเศษที่คนชั้นกลางไม่เคย มีนั่นก็คือ การรับรู้ได้ถึงความจริงใจ
สาเหตุก็เพราะประชาชนชาวรากหญ้าทางภาคเหนือและภาคอีสานส่วนใหญ่จะเป็นคนยากไร้ ความรู้น้อย มักตกเป็นเหยื่อของคนหลอกลวง ไม่จริงใจครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยเหตุนี้ สัมผัสพิเศษจึง เกิดขึ้น ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน
ภาคอีสานและภาคเหนือ จึงกลายเป็นสุสานสำหรับฝังนักการเมืองปากดี แต่ไร้ความจริงใจมาโดยตลอด
รัฐบาลชุดนี้ก็เช่นกัน หากยังแสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ อยู่อีก สุดท้าย ส.ส.ภาคเหนือและภาคอีสานของรัฐบาลก็จะได้รับเคราะห์กรรมในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างสาสม
ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลบิ๊กจิ๋วที่ฝันจะผลักดันโครงการอีสานเขียว กระทั่งถึงรัฐบาลทักษิณ ที่ระดมนโยบายแก้จนไปสู่ภาคเหนือและอีสานอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งรัฐบาลสมัคร ที่ประกาศนโยบายผันน้ำโขงมาปลูกข้าวเหนียวในดินแดนหมอแคน
นโยบายของรัฐบาลเหล่านั้น ทำให้ชาวรากหญ้ารับรู้ได้ถึงความจริงใจ โดยเฉพาะอดีตนายกฯสมัคร ได้พูดถึงวิธีการนำน้ำใน แม่น้ำโขงขึ้นมาทำให้อีสานเป็นสีเขียวเอาไว้อย่างเป็นรูปธรรม แต่น่าเสียดายที่ฝันยังไม่เป็นจริง รัฐบาลสมัครก็ถูกชนชั้นกลางโค่นล้มไปเสียก่อน
มาถึงยุคนี้ รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำของชนชั้นกลาง ก็ไม่เคยพูดถึงโครงการที่จะทำให้อีสานเป็นสีเขียวอีกเลย ทั้งที่หัวใจของการแก้จนในภาคเหนือและอีสานก็คือ เมกะโปรเจกต์เรื่องน้ำที่ต้องนำมาใช้ในการเกษตรให้ทั่วถึงทั้งภูมิภาคอย่างเร่งด่วน
รัฐบาลที่พร่ำพูดว่า ไม่แบ่งแยกภาค กลับระดมมาตรการไปช่วยเหลือแต่คนเมือง ไม่เคยคิดถึงความต้องการของคนชนบทที่มีชีวิตผูกพันอยู่กับผืนแผ่นดิน ทำไร่ไถนา ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ซึ่งอีกไม่กี่เดือนก็จะต้องเผชิญกับฤดูแล้ง ไม่สามารถทำการเกษตรได้ ชีวิตต้องอยู่กันอย่างทุกข์ยาก ซ้ำแล้วซ้ำเล่ามานานนับร้อยปี
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ชาวรากหญ้าเริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้าง หลังจากออกไปใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เลือกรัฐบาลที่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้กับพวกเขา แต่รัฐบาลที่เป็นความหวังของชาวรากหญ้าก็ต้องล้มครืนลงไป เพราะโดนกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลอภิสิทธิ์หมั่นไส้พากันรุมสกรัม
ผมเคยเตือนรัฐบาลสมัครไปว่า ขายฝันเรื่องผันน้ำโขงแล้วต้องทำให้ได้ ไม่งั้นรับรอง ส.ส.พรรคพลังประชาชนได้ตายเป็นเบือในการเลือกตั้งคราวหน้าแน่นอน แต่ปรากฏว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์กลับทำในสิ่งที่หนักกว่าหลายสิบเท่า นั่นก็คือ ไม่ได้ใส่ใจทุกข์สุขของชาวรากหญ้าเลยสักนิด
ฉะนั้น จึงไม่ต้องรอให้ถึงเลือกตั้งสมัยหน้า เพราะวันนี้ ส.ส.อีสานและเหนือของรัฐบาลก็กำลังไร้เงาหัวมากขึ้นทุกทีแล้ว.
“เห่าดง”