ที่มา ไทยรัฐ
ดูทื่อๆ แต่จริงๆแล้วซ่อนคมกริบเลย
กับคิวที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ไปพูดผ่านรายการความจริงวันนี้ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม “ดีสเตชั่น” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประโยคหนึ่งที่ว่า
“หากผมเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ประชาชนจะเห็นมาตรการปราบปรามยาเสพติด”
ฟังเผินๆเหมือนไม่มีอะไร แค่เรื่องของคนที่พูดได้ แต่ไม่มีโอกาสทำ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด “เอแบคโพล” ระบุตัวเลขชัดๆ ประชาชนถึงร้อยละ 67.2 มากเป็น
อันดับหนึ่ง อยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พูดถึงปัญหาการกลับมาระบาดของยาเสพติด ในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์”
นี่แหละสัญญาณอันตราย
ไม่ใช่แค่กับสถานะของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แต่มันหมายถึงสถานะของเยาวชนคนไทย วันนี้ยาเสพติดกำลังกลับมาระบาดอย่างหนักในทุกหัวระแหงของประเทศ
ฝันร้ายกลับมาหลอกหลอนคนไทย
หลังได้นอนตาหลับกับผลงานชิ้นโบแดงสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำสงครามกับยาเสพติด ปราบกันแบบถึงลูกถึงคน จนซาไปพักใหญ่
รัฐบาล “อภิสิทธิ์” กำลังเจอโจทย์โคตรยาก
เอาเป็นว่า คะแนนหด ต้นทุนหายแน่ หากพรรคประชาธิปัตย์ยังคงเมามันอยู่กับการเปิดเกมการเมืองตามสไตล์ถนัด ไม่จับต้องผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน
บริหารแบบเบี่ยงกระแส เอาตัวรอดไปวันๆ
โดยเฉพาะการเปิดเกมเขี้ยวๆกับเพื่อนพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน
มันต้องมีที่มาที่ไปแน่ กับเรื่องร้อนๆกรณีมีข่าวแพร่สะพัดในวงการธุรกิจว่า มีรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายกฯอภิสิทธิ์รายหนึ่ง ถูกทางการสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศ
เนื่องจากประกอบธุรกิจที่ไร้จริยธรรม (Immoral Business)
และก็เป็นนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ออกมาชี้แจง ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง น่าจะเป็นการดิสเครดิตทางการเมืองมากกว่า เพราะเพิ่งไปต่ออายุหนังสือเดินทาง เนื่องจากเล่มเก่าหาย
โดยได้รับการต่อวีซ่าเข้าสหรัฐฯระยะเวลา 10 ปีมาเรียบร้อยแล้ว
ในขณะที่นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาช่วยเคลียร์ ไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าว และไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ เพราะก่อนหน้านี้หอการสหรัฐฯและทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ก็ได้เข้าเยี่ยมคารวะ รมว.พาณิชย์ ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆ
แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่มีมูลหมาไม่ขี้
หรือไม่ก็มีคนไปเขี่ยมูลให้หมาขี้
ที่แน่ๆ โดยเรื่องลับๆแหลมๆวงในเกี่ยวกับการทูต ด่านแรกเลยที่จะระแคะระคายก็คือ กระทรวงการต่างประเทศที่มีนายกษิต ภิรมย์ คนของประชาธิปัตย์ นั่งคุมเกมอยู่
และก็เป็นที่รู้กันในวงการ นางพรทิวาเป็นทายาทของนักธุรกิจใหญ่ที่ล้อกันเล่นในหมู่นักเที่ยวว่า เป็นเจ้าของ 3 วัด “วัดโพ- วัดไทร-วัดดอน”
คิวนี้ “ก้นร้อน” ก็แล้วกัน
และแม้จะได้รับความเอื้ออาทรจากคนของพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยเคลียร์ให้พอเป็นพิธี โดยลีลาไม่ได้แตกต่างจากคิวของนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย คนของพรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับการอุ้มชูเอ็นดูเป็นพิเศษจากนายกฯอภิสิทธิ์ และคนของพรรคประชาธิปัตย์
ไม่แตะต้อง ไม่เขี่ยออกจาก ครม.
แถมยังแก้ต่างให้เสร็จสรรพว่า คิวแจกเงินหลวงพร้อมนามบัตรของนายบุญจง ถือว่าไม่ได้เกิดความเสียหายกับประชาชน ถือเป็นคนละกรณีกับนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีต รมว.การพัฒนาสังคมฯ ที่โดนโละออกไป
“อภิสิทธิ์” ยอมโดนด่า ไม่กล้าแหยมกับ “พ่อมดเขมร”
นั่นเพราะรู้อยู่แก่ใจ โดยเงื่อนไขที่นายบุญจงโดนดักอยู่ทั้งด่านของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่โดนพรรคเพื่อไทยยื่นเชือด และด่านของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในคดีใบแดงที่โคราช
โอกาสรอดแทบไม่มี
นี่แหละเกม “ซาดิสต์” ของเซียนจอมโหดอย่างพรรคประชาธิปัตย์ใช้ “บุญจง” ที่บาดเจ็บสาหัสแผลเต็มตัว เลี้ยงไว้ “ล่อเป้า”
เบี่ยงกระแสลดแรงเสียดทานที่จะพุ่งเข้าใส่คนของพรรคประชาธิปัตย์
จากคิวของนายบุญจงมาถึงคิวของนางพรทิวา ถึงนาทีนี้ ค่ายภูมิใจไทยน่าจะเอะใจในความเอื้ออาทรแบบมีเลศนัยของเพื่อนกินเพื่อนกันอย่างพรรคประชาธิปัตย์
เผลอๆก็ถีบเพื่อนออกมาล่อบาทา.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน