ที่มา มติชนออนไลน์
ข้อความดังกล่าวมีความหมายเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จแก่นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และว่าที่ร้อยตรีไพโรจน์ สุวรรณฉวี บิดาของผู้คัดค้านที่ 1 ว่า เป็นเนรคุณต่อ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
หมายเหตุ"มติชนออนไลน์"- คำวินิจฉัยสั่งการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ที่ 357/2551 วันที่ 3 เมษายน 2551 เรื่อง การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 6 ซึ่ง กกต.มีมติว่า ให้ดำเนินคดีอาญานายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมาและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเพียงอย่างอย่างเดียว โดยไม่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง)ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ทั้งที่ กระทำผิด มาตรา 53 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ การได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 โดยกล่าวหาว่า
1.ใส่ร้ายด้วยความเท็จแก่นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี บิดาของนายพลพีร์ สุวรรณฉวี ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินผู้ร้องว่า เป็นคนเนรคุณต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
2.ให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่นายบุญจง
ทั้งนี้ คำวินิจฉัยดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่า แตกต่างจากคำวินิจฉัยอื่นที่ผู้สมัครกระทำผิด มาตรา 53 จะต้องถูกให้ใบแดงด้วย ทำให้มี กกต.บางคนแก้ร่างคำวินิจฉัยหลายครั้งโดยเพิ่มเติมข้อความว่า กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 20 มกราคม 2551 ทำให้ความสุจริตและเที่ยงธรรม(ที่นายบุญจงก่อขึ้น)ได้รับการเยียวยาแก้ไขแล้ว จึงไม่ต้องให้ใบแดงนายบุญจง นับเป็นเหตุผลทางกฎหมายที่ไม่เคยมีมาก่อน
ต่อไปนี้เป็นคำวินิจฉัยสั่งการของ กกต.ฉบับสมบูรณ์(มีการจัดย่อหน้าใหม่เพื่อสะดวกในการอ่าน)และใช้ในการแจ้งความในการดำเนินคดีอาญานายบุญจงต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.จักราช จังหวัดนครราชสีมา
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ควบคุมและดำเนินการจัดหรือจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมาเขตเลือกตั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 ในการเลือกตั้งดังกล่าวนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 6 หมายเลข 7 พรรคพลังประชาชนไม่ได้รับเลือกตั้ง โดยในการเลือกตั้งครั้งนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ประกาศผลการเลือกตั้งและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 20 มกราคม 2551 เนื่องจากการเลือกตั้งดังกล่าวมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมโดยเป็นผลมาจากการกระทำในสำนวนอื่น
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2550 นายพลพีร์ สุวรรณฉวี และนายมีชัย จิตต์พิพัฒน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมาเขตเลือกตั้งที่ 6 หมายเลข 3 และหมายเลข 4 พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่าผู้คัดค้านที่ 1 และผู้คัดค้านที่ 2 ตามลำดับยื่นคำร้องคัดค้าน
ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมาว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ในส่วนที่เกี่ยวกับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ถูกคัดค้านมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เนื่องจากผู้ถูกคัดค้าน ได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 53 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 โดยมีข้อกล่าวหาอันเป็นสาระสำคัญดังนี้
1.เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2550 เวลาประมาณ 7 นาฬิกา ผู้ถูกคัดค้านได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งที่บ้านโนนงิ้ว หมู่ที่ 14 ตำบลหนองพลวง อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา มีข้อความใส่ร้ายนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และว่าที่ร้อยตรี ไพโรจน์ สุวรรณฉวี บิดาของผู้คัดค้านที่ 1 ว่า เป็นคนเนรคุณต่อพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และหลอกลวงเอาเงินจาก พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อันเป็นความเท็จ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้ถูกคัดค้าน
ต่อมาเวลาประมาณ 11 นาฬิกา ของวันเดียวกัน ผู้ถูกคัดค้านและตัวแทน (หัวคะแนน) ของผู้ถูกคัดค้าน ได้ร่วมกันแจกแผ่นวีซีดี ด้านหน้ามีรูป พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร มีเนื้อหาเป็นเพลงและคำปราศรัยของ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่บ้านโนนงิ้ว หมู่ที่ 14 ตำบลหนองพลวง อำเภอจักราช จังหวัด นครราชสีมา เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้ถูกคัดค้าน
2.เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2550 เวลาประมาณ 18 นาฬิกา ผู้ถูกคัดค้านได้ปราศรัยหาเสียงที่วัดท่าอ่าง หมู่ที่ 4 ตำบลท่าอ่าง อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา โดยมีข้อความใส่ร้ายนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินว่า เป็นคนเนรคุณต่อ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อันเป็นความเท็จเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้ถูกคัดค้าน
ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมาได้มีคำสั่งรับคำร้องคัดค้านและคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนและการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2550 เห็นว่า มีพยานหลักฐานสนับสนุนคำร้องคัดค้านและได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกคัดค้านทราบเหตุแห่งการกล่าวหา มีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ตามข้อกล่าวหาที่ 1 มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกคัดค้าน ได้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายตามคำร้องคัดค้านส่วนข้อกล่าวหาที่ 2 เห็นควรยกคำร้องคัดค้าน
คณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการสืบสวนสอบสวนปรากฏว่า ตามข้อกล่าวหาที่ 1 มีพยานและแถบบันทึกภาพและเสียของผู้คัดค้าน เป็นหลักฐานว่าเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม2550 ผู้ถูกคัดค้านได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งที่บ้านโนนงิ้วหมู่ที่ 14 ตำบลหนองพลวงอำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา โดยกล่าวข้อความใส่ร้ายนายสุวิทย์ คุณกิตติ และว่าที่ร้อยตรี ไพโรจน์ สุวรรณฉวี เป็นคนเนรคุณ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เช่น "พี่น้องครับ บุญจง จะเล่าความจริงให้พี่น้องชาวจักราชที่เคารพฟัง พรรคเพื่อแผ่นดิน ไม่ใช่พรรคของทักษิณ จำไว้นะครับ พรรคเพื่อแผ่นดิน หัวหน้าพรรคคือ สุวิทย์ คุณกิตติ คนนี้ สมัยทักษิณเป็นนายก อยากเป็นรองนายก ทักษิณก็ให้ อยากเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาทักษิณก็ให้ พอทักษิณถูกยึดอำนาจเท่านั้นแหละครับ คนเหล่านี้ หนีเลยเนรคุณทันทีเลย"
และ "...วันนี้พรรคเพื่อแผ่นดิน ใครลงล่ะต้องพูดให้เกิดความเข้าใจครับ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไพโรจน์ ส่งลูกชายลง วันนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไพโรจน์ เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่กับทักษิณมาตลอด พวกเราไทยรักไทยทั้งนั้นรู้ตอนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อยากเป็นตำแหน่งไหน ทักษิณให้หมด อยากมีตำแหน่งอะไรให้หมด ขอเงินงบประมาณทักษิณก็ให้ แต่พอทักษิณถูกยึดอำนาจเขายังไม่หนีพอตั้งเป็นพรรคเพื่อแผ่นดินปุ๊ปและมีพลังประชาชน เขาก็ส่งลูกชายเขามาแล้วก็บอกทักษิณว่า จะให้ลูกชายอยู่พรรคนี้ด้วยเพื่อจะช่วยทักษิณกลับมาเมืองไทย ถึงเดือนก็เอาตังค์มาใช้พอเหลือ 3 วันสุดท้ายออกทันทีครับพี่น้อง ออกไปอยู่พรรคเพื่อแผ่นดินทันที ทิ้งทักษิณเลย ภาษาการเมืองเค้าเรียกว่า ทอดทิ้งคนมีพระคุณแปลเป็นไทยว่า เนรคุณทักษิณทันทีเลย..."
ข้อความดังกล่าวมีความหมายเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จแก่นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และว่าที่ร้อยตรีไพโรจน์ สุวรรณฉวี บิดาของผู้คัดค้านที่ 1 ว่า เป็นเนรคุณต่อ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และยังหลอกเอาเงินและตำแหน่งจากพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตรเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้ถูกคัดค้านหรืองดเว้นลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้คัดค้าน อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 53 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550
ส่วนกรณีการแจกวีซีดีนั้น ข้อเท็จจริงจากการสืบสวนสอบสวนได้ความว่า เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2550 เวลากลางคืนผู้ถูกคัดค้าน พร้อมด้วยคณะผู้ติดตามได้ไปหาเสียงเลือกตั้งที่บ้านโนนงิ้ว หมู่ที่ 14 ตำบลหนองพลวง อำเภอจักราชจังหวัดนครราชสีมาจริง และมีพยานหลักฐานยืนยันว่า ในระหว่างเวลาที่ผู้ถูกคัดค้านเดินหาเสียงเลือกตั้งคณะผู้ติดตามได้นำแผ่นวีซีดีสีแดง ที่ด้านหน้ามีรูปพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งใส่มาในรถยนต์ของคณะผู้ติดตามออกมาแจกจ่ายแก่ราษฎรที่มาฟังการหาเสียงเลือกตั้งของผู้ถูกคัดค้าน ซึ่งแผ่นวีซีดีที่แจกจ่ายดังกล่าวมีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นบทเพลงของนักร้อง เช่น สายัณห์ สัญญา และมีการบันทึกภาพ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร พูดจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเป็นเนื้อหาที่ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรพูดถึงการใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศและแสดงความห่วงใยที่มีต่อประชาชน
ในขณะที่ผู้ติดตามกำลังแจกจ่ายแผ่นวีซีดีดังกล่าว ผู้ถูกคัดค้านอยู่ในเหตุการณ์โดยตลอด แต่มิได้ห้ามปรามทักท้วงหรือสั่งให้ระงับการกระทำดังกล่าว กรณีจึงถือได้ว่าแผ่นวีซีดีที่คณะผู้ติดตามของผู้ถูกคัดค้านนำออกแจกจ่ายแก่ราษฎรที่มาฟังการพูดหาเสียงของผู้ถูกคัดค้านดังกล่าวเป็นการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้ถูกคัดค้าน อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550
แต่เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติงดการประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมาเขตเลือกตั้งที่ 6 ซึ่งมีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม2550 และสั่งให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา ในเขตเลือกตั้งดังกล่าวใหม่ ในวันที่ 20 มกราคม 2551 แล้ว โดยมีมูลเหตุจากการกระทำของผู้อื่นในสำนวนอื่นมีผลให้กระบวนการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ซึ่งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมได้ถูกแก้ไขเยียวยา โดยการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ดังกล่าว จึงไม่มีเหตุให้ต้องพิจารณาว่าการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ไม่สุจริตและเที่ยงธรรมไม่ว่ากรณีใดๆ อีก
แต่การสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่นั้นมิได้ลบล้างการกระทำความผิดทางอาญา ซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรมที่จะพิจารณา
ส่วนข้อกล่าวหาที่ 2 แม้ข้อเท็จจริงจากการสืบสวนสอบสวนจะฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 10 ธันวาาคม 2550 เวลากลางคืน ผู้ถูกคัดค้านได้เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ที่บริเวณวัดบ้านท่าอ่าง หมู่ที่ 4 ตำบลท่าอ่าง อำเภอโชคชัยจังหวัดนครราชสีมาจริง แต่เนื้อหาในการปราศรัยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแนะนำตัวและผลงานในอดีตนโยบาย" ของพรรคพลังประชาชนในการแก้วิกฤตเศรษฐกิจชาติ และแนะนำประชาชนทราบถึงวิธีการไปใช้สิทธิเลือกตั้งแม้จะมีการกล่าวพาดพิงถึงบุคคลและพรรคการเมืองอื่นๆ แต่มิได้ระบุชื่ออย่างชัดเจน
ในการปราศรัยดังกล่าวมีเพียงการแจกแผ่นพับหาเสียง โดยไม่ปรากฏหลักฐานว่า มีการแจกจ่ายทรัพย์สินหรือสิ่งของอื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ราษฎรที่มาร่วมฟังการปราศรัยดังกล่าว ดังนั้นพยานหลักฐานยังฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกคัดค้าน กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา
อาศัยอำนาจตามมาตรา 236 (5) และมาตรา 238 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 8 และมาตรา 10 (10) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงมีคำสั่งตามมติในการประชุมครั้งที่ 48/2551 เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551 ให้ดำเนินคดีอาญาแก่ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ตามข้อกล่าวหาที่ 1 ส่วนข้อกล่าวหาที่ 2 ให้ยกคำร้องคัดค้าน